Please wait...
IT UPDATE COMMERCIAL
10 คุณสมบัติเด่นที่ต้องมองหาในแล็ปท็อปรุ่นถัดไป
10 คุณสมบัติเด่นที่ต้องมองหาในแล็ปท็อปรุ่นถัดไป
 

ราว ๆ ปี 2010 ทั้งด้านผู้บริโภคและภาคธุรกิจมีแนวโน้มที่จะต้องอัพเกรดแล็ปท็อปในทุก ๆ สามปีโดยเฉลี่ย เนื่องจากเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมาก ทำให้เทคโนโลยีที่เก่ากว่านั้นก็อาจจะเป็นของล้าสมัยไปมากจนถึงขั้นตกยุคได้เลยทีเดียว ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาวงจรการอัพเกรดนั้นสั้นกว่าเดิม
 
 คุณอาจกล่าวโทษเศรษฐกิจหรือสิ่งที่เข้ามามีบทบาทในอุตสาหกรรมนี้อย่างชัดเจนเช่น แท็บเล็ต ไม่กี่ปีที่ผ่านมาผู้บริโภคจำนวนมากไม่ได้สังเกตุเห็นความแตกต่างระหว่างแล็ปท็อปอายุห้าปีกับเครื่องใหม่เอี่ยมที่วางจำหน่ายในร้านขายอุปกรณ์ไอที แต่จะมีสักกี่คนละที่อยากจะจ่ายเงินจำนวนพอๆกับราคาแล็ปท๊อปที่ตัวเองใช้อยู่เพื่อซื้อเครื่องที่เร็วกว่าเครื่องที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเพียงเล็กน้อย?
 
อย่างไรก็ตามในปี 2017 หากคุณเปลี่ยนแล็ปท็อปเครื่องเก่าอายุอย่างน้อยสามปี คุณจะเห็นความแตกต่างและประโยชน์ในการเปลี่ยนอย่างมาก เช่น เรื่องประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องล้ำกว่า หน้าจอที่มีสีสันมากขึ้นช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ พอร์ต USB Type-C / Thunderbolt 3 ports และ 7th Gen CPUs คุณสมบัติหลักเหล่านี้มาพร้อมกับโน้ตบุ๊กเครื่องใหม่ที่รุ่นเก่าไม่สามารถให้คุณได้
 
1. พอร์ต USB Type-C / Thunderbolt 3
ทุกคนที่ชอบใช้ USB เป็นอุปกรณ์เชื่อมต่อได้หลากหลายทั้งชาร์จโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ต เขียนข้อมูลลงใน Flash Drive และแม้กระทั่งเชื่อมต่อกับ Docking Station ที่มีประโยชน์ แล็ปท็อปรุ่นเก่ามักจะมีพอร์ต USB Type-A ไม่กี่พอร์ต แต่ส่วนใหญ่ในปี 2017 มาพร้อมกับพอร์ต USB Type-C port ซึ่งมีฟังก์ชันการใช้งานรูปแบบใหม่ พอร์ต USB Type-C สามารถส่งผ่านข้อมูลและจ่ายไฟผ่านสายเดียวได้ ช่วยให้คุณสามารถใช้พลังงานจากโน้ตบุ๊คส่งออกวิดีโอไปยังจอภาพภายนอกและคัดลอกไฟล์ด้วยสายเคเบิลมาตรฐานเดียว ยิ่งไปกว่านั้น พอร์ต USB Type-C สามารถเสียบได้ทั้งสองด้าน นั่นหมายความว่าคุณไม่ต้องกังวลว่าจะเสียบผิดด้านไม่ว่าจะพลิกด้านบนหรือด้านล่าง
 
มิใช่ว่าแท็บเล็ตเปลี่ยนหันมาใช้ USB Type-C กันทั้งหมด แต่ผู้ผลิตเหล่านั้นจะทำให้มาตรฐานของระบบนิเวศทั้ง AC adapter, Dock และ Monitor กลายเป็นมาตรฐานเดียวกัน เนื่องจาก Type-C เป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมที่คุณสามารถใช้ไฟฟ้าก้อนเดียวกันทั้งกับแล็ปท็อป แท็บเล็ตและโทรศัพท์ของแบรนด์ค่ายต่าง ๆ ได้ ทาง Finsix ผลิตที่ชาร์จรุ่น Dart ขนาดเล็กน่าทึ่งมาก โดยใช้มาตรฐาน USB Type-C และทาง Innergie เช่นกันได้นำเสนอขาย PowerGear USB-C 45 ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าแต่ราคาถูกกว่า
 
แล็ปท็อประดับไฮเอนด์บางรุ่นมี Thunderbolt 3 ซึ่งใช้ขั้วต่อ USB Type-C เดียวกัน และสามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ Type-C ได้อย่างเต็มที่ แต่เพิ่มการรองอุปกรณ์ต่อพ่วง Thunderbolt ที่รวดเร็วยิ่งขึ้น หากใช้ Thunderbolt 3 คุณสามารถใช้จ่ายไฟให้กับจอภาพแบบ 4K ได้ถึง 2 จอ เพียงแค่เส้นเดียว ถ่ายโอนไฟล์ใช้ไดร์ฟสำรองแบบพกพาที่ระดับความเร็ว SSD หรือเชื่อมต่อกับการ์ดวีดีโอภายนอกสำหรับเล่นเกมส์ก็ได้เช่นกัน
 
 
 
 2. หน้าจอความละเอียดสูง (Higher-Resolution Screen)
 
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาแล็ปท็อปส่วนใหญ่มีหน้าจอความละเอียด 1366 x 768 แต่คุณต้องจ่ายราคาแพง ที่ระดับความละเอียดแย่ ๆ เช่นนี้ ไม่เพียงแต่จอแสดงภาพหยาบเท่านั้น แต่ข้อความจำนวนมากไม่เข้ากับหน้าจอ ทำให้คุณต้องเลื่อนอ่านหน้าเว็บหรือแก้ไขเอกสารกลับไปกลับมา
 
ทุกวันนี้คุณสามารถมองหาหน้าจอสมราคาที่ระดับความละเอียด 1920 x 1080 หรือสูงกว่าซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถดูงานได้มากขึ้นในครั้งเดียวขณะเดียวกันคุณสามารดูภาพยนตร์ไปพร้อม ๆ กันได้ด้วย ตัวอย่างเช่น Acer Aspire E 15 มาพร้อมกับหน้าจอความละเอียดสูง (full-HD screen)  หากคุณอยากใช้จ่ายมากขึ้นลองมองหาแล็ปท็อปที่มีจอแสดงผลแบบ 4K Ultra-HD ความละเอียด 3840 x 2160 สำหรับ Dell XPS 15 มาพร้อมหน้าจอระดับ 4K
 
3. OLED Display
หลังจากมองจ้องไปยังสมาร์ทโฟนของคุณ คุณอาจรู้สึกผิดหวังเพราะรู้สึกว่าเหมือนกันกับหน้าจอแล็ปท็อปที่ดูจืดชืดและไม่มีชีวิตชีวาเลย หน้าจอโทรศัพท์ที่ดีที่สุดในท้องตลาดทั้ง Samsung Galaxy Series และ Google Pixels ใช้หน้าจอ OLED ที่ผลิตช่วงสี sRGB ได้ดีกว่า 100 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ภาพบนหน้าจอดูดีขึ้นกว่าในชีวิตจริง
 
ปัจจุบันมีแล็ปท็อปเพียงสองรุ่นเท่านั้นที่มีตัวเลือกหน้าจอแบบ OLED คือ Alienware 13 และ ThinkPad X1 Yoga แล็ปท็อปปี 2016 ทั้งสองรุ่นนี้พัดพาเราโลดแล่นไปอย่างสดใส หวังว่าจะมีประกาศแล็ปท็อปหน้าจอแบบ OLED รุ่นใหม่ ๆ อีกในปี 2017
 
4. Intel Kaby Lake CPU
Intel บริษัทผู้ผลิตชิพพีซีชั้นนำเพิ่งเปิดตัวโปรเซสเซอร์รุ่นใหม่ มีชื่อรหัสว่า Kaby Lake และได้ตั้งชื่อเป็นทางการว่า 7th Generation Core series ซีพียูเหล่านี้ไม่เพียงแต่เร็วกว่าแล็ปท็อปรุ่นสามปีก่อน แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่และมีความสามารถในการเล่นวิดีโอระดับ 4K ได้อีกด้วย คุณสามารถรู้ได้ว่าแล็ปท็อปมี Kaby Lake ได้ด้วยการเช็คตรวจสอบดูว่ามีหมายเลขซีเรียลเริ่มต้นด้วยเลข 7 (ตัวอย่างเช่น Core i5-7200U) หรือไม่


5. SSDs (PCIe x4 a Plus)
แล็ปท็อปเมื่อสี่ปีก่อนมักใช้ฮาร์ดดิสเชิงกล (Mechanical Hard Drive) แต่ไดรฟ์แบบ Solid state drives (SSDs) มีความเร็วมากกว่า 300 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ประสบการณ์การใช้งานคอมพิวเตอร์ของคุณเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ช่วยให้บูตเครื่องได้เร็วขึ้น ปลุกแล็ปท็อปให้ตื่นขึ้นแทบจะทันทีทันใด และเปิดแอพพลิชันยอดนิยมในเพียงเสี้ยววินาที (ตัวอย่างเช่น Google Chrome และ Microsoft Word ใช้เวลาเปิดน้อยกว่าวินาที)
SSD ค่าใช้จ่ายอาจเพิ่มขึน้จำนวนหนึ่ง แต่ทุกวันมีการใช้งานกันแพร่หลายมากขึ้น และ SSD มีมาตรฐานย่อย ๆ ลงไปอีกราคาก็อาจสูงขึ้นตามไปด้วย แล็ปท็อประดับไฮเอนด์บางรุ่นมาพร้อมกับ PCIe x4 SSDs ซึ่งบางครั้งเรียกว่า NVMe หรือ PCIe SSDs ซึ่งมีความเร็วในการทำงาน 3-4 เท่าของ SATA ลองเลือกแล็ปท็อปเครื่องใหม่สักเครื่องหนึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคุณ
 
6. Nvidia Pascal Graphic
หากคุณต้องการเล่นเกมส์ใหม่ ๆ หรืออยากใช้งาน VR headset อย่างเช่น HTC Vive หรือ Oculus Rift แน่นอนว่าแล็ปท็อปเมื่อสี่ปีก่อนไม่สามารถทำได้ คุณจำเป็นต้องใช้ gaming rig ที่มี Nvidia's Pascal chip มองหาแล็ปท็อปที่มีชิป Nvidia GTX ที่เริ่มต้นด้วยเลข 10 ของหมายเลขรุ่น
ตั้งแต่รุ่น GTX 1050 รุ่นต่ำสุด จนไปถึงรุ่น GTX 1080 รุ่นระดับไฮเอนด์ ใช้สถาปัตยกรรม Pascal เป็นพื้นฐาน ช่วยให้คุณเล่นเกมส์ระดับ AAA ที่อัตราเฟรมความเร็วของเฟรมภาพด้วยการตั้งค่าโหมด turned up ยิ่งกว่านั้นรุ่นที่ประสิทธิภาพน้อยที่สุดเหลานี้ยังสามารถจัดการโปรแกรม VR ระดับไฮเอนด์ได้อย่างง่ายดาย นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ต้องพิจารณาเลือกซื้อ gaming rig แบบ Pascal
 
7. PC 2-in-1
เมื่อคุณต้องการส่งอีเมล ท่องเว็บ หรือทำงาน ไม่มีอะไรที่ดีไปกว่าแล็ปท็อปของคุณที่มาพร้อมแป้นพิมพ์และทัชแพด อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณอยู่บนเครื่องบินและต้องการชมภาพยนตร์ หรืออยู่ในร้านค้าและคุณต้องการเช็ค Facebook คุณจำเป็นต้องใช้แท็บเล็ต แต่เครื่อง PC แบบ 2-in-1 รุ่นใหม่ ช่วยให้คุณได้รับประสบการณ์ใหม่ในโลกทั้งสองแบบนั้น เป็นทั้งแล็ปท็อบที่สามารถพับเก็บได้หรือถอดมันออกใช้ (slate experience) ก็ได้ แน่นอนแล็ปท็อปอายุสามถึงห้าปีของคุณไม่สามารถทำเช่นนั้นได้
 
8. RAM ขนาด 8GB หรือมากกว่า
ไม่กี่ปีก่อนหากจะซื้อแล็ปท็อปที่มี RAM มากกว่า 4GB นั้นมีราคาแพงมาก แต่ตอนนี้ RAM ขนาด 8GB กลายเป็นมาตรฐานสำหรับระบบกระแสหลักไปแล้ว และขนาด 16GB ค่อนข้างแพงในหลาย ๆ กรณี เพียงแค่ขนาด 8GB คุณสามารถทำงานหลายอย่างได้ดีขึ้นมาก ช่วยให้สามารถเปิดเบราเซอร์ได้หลายสิบแท็บ ในขณะเดียวกันก็ดูภาพยนตร์ เล่นเกม และแก้ไขอีเมลไปพร้อมกันได้ด้วย เมื่อคุณมีงานจำนวนมากที่เปิดค้างอยู่หาก RAM น้อยเกินไปคอมพิวเตอร์จะทำงานช้าลง เนื่องจากใช้ Hard Drive หรือ SSD เป็นแหล่งของ "หน่วยความจำเสมือน (virtual memory)"
 
9. 802.11ac Wi-Fi
ทุกวันนี้แล็ปท็อปรุ่นใหม่ ๆ สามารถใช้งานได้กับ 802.11ac Wi-Fi มาตรฐานไร้สายใหม่ที่ให้ความเร็วเร็วกว่ามาตรฐานเก่ากว่า 3 เท่าถึง 10 เท่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณเคลื่อนตัวห่างจากเราเตอร์ เพื่อใช้ประโยชน์จากโปรโตคอลนี้อย่างเต็มที่ คุณอาจอยากได้เราเตอร์ใหม่ที่รองรับมาตรฐานนี้ และอุปกรณ์กระจายสัญญาณ (Access Point) มาตรฐาน 802.11ac ราคาเริ่มต้นที่ไม่แพงมาก 
สมาร์ทโฟนส่วนใหญ่ที่เปิดตัวในช่วงสองปีที่ผ่านมามีโปรโตคอล 802.11ac ดังนั้นโทรศัพท์มือถือของคุณก็ได้รับประโยชน์เช่นกัน
 
10. กล้องอินฟาเรด (Infrared Camera) สำหรับ Windows Hello
ทุกวันนี้คุณสามารถล็อกอินเข้าสู่คอมพิวเตอร์กับ Windows 10 ได้โดยเพียงแค่มองตรงหน้าจอ คุณสมบัตินี้เรียกว่า Windows Hello และหากอยากใช้คุณสมบัตินี้คุณต้องมีแล็ปท็อปที่มีกล้องอินฟราเรด (Infrared Camera) หรือ RealSense 3D ในตัว คุณจำเป็นต้องซื้อเว็บแคมภายนอก อย่างเช่น Logitech Brio ซึ่งมีฟังก์ชันการทำงานนี้มาให้ในตัว เมื่อช้อปปิ้งลองมองหาแล็ปท็อปที่มีรายการกล้องเหล่านี้ระบุไว้ในสเปค หรือระบุว่ามี Windows Hello เป็นคุณสมบัติการจดจำใบหน้า นอกจากนี้คุณยังสามารถใช้ Windows Hello กับตัวอ่านลายนิ้วมือได้อีกด้วย
 
 
ที่มา: https://www.laptopmag.com/
ควิกเซิร์ฟ
สินค้า
งานระบบ
บริการ
กิจกรรม
ออนไลน์