รีวิวHP EliteBook 1050 G1: ความสามารถรอบด้านในเชิงธุรกิจที่คุณวางใจได้ ลักษณะโดยทั่วไปดูสมบูรณ์แบ
Please wait...
COMMERCIAL IT UPDATE
รีวิวHP EliteBook 1050 G1: ความสามารถรอบด้านในเชิงธุรกิจที่คุณวางใจได้ ลักษณะโดยทั่วไปดูสมบูรณ์แบ

รีวิว HP EliteBook 1050 G1: ความสามารถรอบด้านในเชิงธุรกิจที่คุณวางใจได้
 



 

ลักษณะโดยทั่วไปที่ดูสมบูรณ์แบบ เน้นคุณคุณลักษณะพิเศษทางด้านธุรกิจที่หลากหลาย
 

ข้อดี

ฟีเจอร์ที่ใช้ในเชิงธุรกิจ ที่มีมาให้เลือกใช้มากขึ้น; ใช้งานหนักได้อย่างต่อเนื่อง; หน้าจอที่มีโหมดความเป็นส่วนตัว; รูปทรงที่น่าประทับใจ; แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน
 
ข้อเสีย

คู่แข่งมีความสามารถในการทำงานที่เร็วกว่าเล็กน้อย; ดูเหมือนว่าแล็ปท็อปอื่นๆ จะมีหน้าจอที่ดีกว่า; ค่อนข้างที่จะมีน้ำหนักมาก
 

สรุป


HP EliteBook 1050 G1 อาจจะไม่ค่อยดูสวยงามจนดูสะดุดตา หรือในส่วนของหน้าจอที่คุณภาพยังไม่อาจเทียบเท่ากับของคู่แข่งบางราย แต่มันก็ยังมีในส่วนของฟีเจอร์ที่ใช้ในเชิงธุรกิจที่มีมาให้เลือกมากขึ้น, อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่ยาวนานสม่ำเสมอและความสามารถในการทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ มันยังมีราคาที่ถูกกว่าคู่แข่งอีกด้วย นอกจากนี้ มันยังเหมาะสำหรับงานที่ไม่ได้เน้นความถูกต้องของสีในระดับสำคัญมากนัก หรือแม้แต่ ที่ที่มีความเป็นส่วนตัวเป็นกุญแจสำคัญ
 
ในส่วนของรูปลักษณ์ภายนอก HP กล่าวว่า มันได้รับการออกแบบมาเพื่อที่จะสร้างความประทับใจให้กับคณะกรรมการผู้เข้าร่วมประชุม และรูปร่างที่มีลักษณะคงทนสำหรับชีวิตบนท้องถนน และในส่วนของด้านใน มันควรจะมีประสิทธิภาพและคุณสมบัติการทำงานที่รวดเร็ว ผ่านทาง Business Tasks
 
มันมีราคาที่ถูกกว่าคู่แข่ง แม้ว่ามันจะมีราคาที่ 1,250 ปอนด์ โดยที่เป็นราคาที่ยังไม่ได้รวมรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม รวมถึงเครื่องอื่นๆ อย่าง Dell XPS 15 และ Apple MacBook Pro 15 แน่นอนว่า มันจะต้องมีคุณภาพที่ดีกว่าสำหรับคุณสมบัติบางอย่าง คุณลองคิดเล่นๆ ดูว่า Notebook ในราคาประหยัดนี้ มันจะสามารถเทียบชั้นในการแข่งขันที่ดุเดือนนี้ ได้หรือไม่

 

รีวิว HP EliteBook 1050 G1: การออกแบบ


EliteBook จัดว่ามีลักษณะที่ดูดีน่าใช้ และยังเป็นการออกแบบที่ให้ความรู้สึกหรูหราและดูโดดเด่นกว่าคู่แข่งหลักอย่าง MacBook Pro ที่เราคุ้นเคยกันดี และ Dell XPS รุ่นที่เป็น Carbon Fiber ซึ่งตอนนี้น่าจะล้าสมัยไปแล้ว
 
ฐานของตัวเครื่องด้านล่างมีขอบเอียงทำมุมชัดเจน ประกอบกับวัสดุด้านข้างที่มีผิวสัมผัสเป็นโลหะขัด (Brushed metal) และยังจะสะดุดตามากขึ้นด้วยฐานที่มีลักษณะเป็นมุมตัดซึ่งเป็นมุมส่วนที่ตรงกับหน้าจอเท่านั้น ที่ฝาปิดมีโลโก้แบบสมาร์ท ซึ่งเป็นรูปแบบใหม่ของ HP ส่วนช่องระบายอากาศนั้นจะอยู่ตรงส่วนด้านล่างของฐาน และโลโก้ Elitebook ที่ติดอยู่ที่ด้านล่างซ้ายของแป้นพิมพ์ นอกจากนี้ยังมีแผงของลำโพงแบบสมาร์ทที่ทอดตัวยาวตลอดแนวความกว้างของตัวเครื่องที่ด้านบนเหนือแผงแป้นพิมพ์
 
โดยรวมแล้วมันดูดีเลยทีเดียว แต่ด้วยเครื่องขนาด 15.6 นิ้วนี้ มันจัดว่าหนักกว่าคู่แข่งอยู่บ้างเล็กน้อย ด้วยน้ำหนักของมันที่ 2.06 กก. และความหนาที่ 22 มม. เมื่อพิจารณารวมในส่วนของ Rubber Feet แล้ว ในขณะที่ MacBook Pro 15 มีน้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ประมาณ 1.8 กก. ด้วยความหนา 16 มม. และ Dell XPS 15 ซึ่งมีความหนา 17 มม. โดยมีน้ำหนักเครื่องรวมแล้วอยู่ที่ประมาณ 2 กก. ซึ่งขนาดของ HP ไม่ใช่ปัญหาที่ร้ายแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับแล็ปท็อปที่มีมูลค่าที่ไม่สูงมากเท่ากับคู่แข่ง แต่สิ่งที่ควรค่าแก่การพิจารณาของพวกเขานั่นก็คือ การที่จะต้องหิ้วมันติดตัวไปไหนมาไหนด้วยความทุลักทุเลในแต่ละวัน
 
การสร้างคุณภาพ (Build quality) เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ HP ราคาถูกไม่สามารถที่จะแข่งขันกับเครื่องของ Apple และ Dell ได้ มีเพียงไม่กี่รุ่นที่จะใช้อลูมิเนียมเป็นโครงสร้างหลัก และให้ลองกดที่บริเวณด้านหลังของหน้าจอเพื่อตรวจดูความผิดรูปของเดสก์ท็อป อย่างไรก็ตาม การสร้างคุณภาพของ EliteBook ก็ไม่ได้เลวร้ายนัก แต่การแข่งขันจะช่วยให้ทุกอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น
 
ตรงบริเวณขอบด้านข้างของแล็ปท็อป คุณจะพบกับพอร์ตการเชื่อมต่อ Thunderbolt 3 จำนวน 2 ช่อง และพอร์ต USB 3.0 อีก 2 ช่อง พร้อมกับช่องเสียบการ์ด SD และเอาต์พุต HDMI ส่วนเครื่องของ Apple นั้น จะมีให้ในส่วนของ พอร์ต Thunderbolt ถึง 4 ช่อง แต่ไม่มีช่องสำหรับการเชื่อมต่อแบบ USB และไม่มีช่องสำหรับ HDMI ในขณะที่เครื่องของ Dell นั้น มีองค์ประกอบที่เหมือนกันกับของ HP ส่วนภายในนั้น จะมีเครือข่ายไร้สาย 802.11ac แบบ Dual-Band ซึ่งจะไม่มีการเชื่อมต่อด้วยสายเคเบิล (Wired Network)
 
สิ่งที่น่าประทับใจก็คือ เครื่องของ HP ประกอบไปด้วยฟีเจอร์ในเชิงธุรกิจที่ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่มากมาย ทั้งในส่วนของกรอบพลาสติกที่อยู่ด้านบนของหน้าจอที่สามารถปิดบังเว็บแคม (Webcam) และยังมีเครื่องอ่านลายนิ้วมือ (Fingerprint Reader) ที่ด้านล่างของคีย์บอร์ด นอกจากนี้แผงที่ฐานด้านล่าง (Base Panel) สามารถถอดออกได้ ซึ่งทำให้เครื่องนี้สามารถซ่อมแซมและดูแลได้ง่ายกว่าระบบของ Apple
 
นอกจากนี้ คุณยังจะได้รับ Sure Start Gen 4 ซึ่งจะช่วยเพิ่มเลเยอร์การป้องกันให้กับ BIOS และเครื่องนี้ยังสามารถใช้งานร่วมกับ Thunderbolt Dock G2 ซึ่งให้บริการเพิ่มในส่วนของเครือข่ายแบบใช้สาย (wired networking), พอร์ต USB ที่มากขึ้น และรองรับการแสดงผลที่เพิ่มมากขึ้น
 
HP ยังมีตัวเลือกสำหรับความเป็นส่วนตัวของหน้าจอ ซึ่งเป็นอีกเรื่องที่น่าประทับใจ เพียงแค่กดปุ่ม F2 จะเป็นการเปิดใช้งานระดับพิเศษ ที่จะทำให้ทุกคนที่นั่งอยู่ที่ด้านใดด้านหนึ่งของตัวเครื่องแทบจะมองไม่เห็นหน้าจอของคุณ -.ในขณะที่มันมีการเปิดใช้งาน ระบบยังคงสามารถใช้งานได้สำหรับผู้ที่เป็นเจ้าของเครื่อง เมื่อมีการเปิดใช้งานตัวเลือกนี้ หน้าจอจะเป็นแบบหรี่แสงน้อย แต่ยังคงสามารถทำงานได้ดี ทั้งนี้ก็เพื่อไม่ให้คนดูจากด้านข้างมองเห็นหน้าจอของคุณ และนั่นก็เป็นข้อได้เปรียบที่คุ้มค่า หากคุณกำลังจัดการกับงานที่มีความสำคัญมากหรือในกรณีที่ต้องการใช้เครื่องนี้ในที่สาธารณะ



 

รีวิว HP EliteBook 1050 G1: แป้นพิมพ์และ Trackpad


แป้นพิมพ์ของ HP จัดว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้น กว่าแป้นพิมพ์แบบ Low-Travel Switches ในเครื่องล่าสุดของ Dell และ Apple - แต่นั่น ก็ไม่ได้ความว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ดี
ปุ่มกดของ HP สามารถทำงานได้อย่างสม่ำเสมอและรวดเร็ว โดยไม่มีอาการช้าลงหรือแผ่วลงเมื่อพวกมันถูกผลักเข้ากับฐานที่แข็งแรง บางคนอาจจะชอบความรู้สึกที่นุ่มนวล มากกว่าที่จะรู้สึกถึงแรงกระแทก แต่เรารู้สึกชอบการทำงานของฮาร์ดแวร์ที่สอดคล้องกันกับการพิมพ์บนเครื่องนี้
 
อย่างไรก็ตาม โครงสร้างของมันยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็คงไม่ต่างกันกับเครื่องของ Dell และ Apple ที่ไม่มี Numberpad และเราก็ไม่ได้ติดใจอะไรกับปุ่มเคอร์เซอร์แบบแปลกๆ หรือปุ่ม Enter ที่มีความสูงอยู่เพียงปุ่มเดียว สำหรับ Trackpad ที่ดูเหมือนว่าจะอยู่ในระดับปานกลางเท่านั้น Pad ของมันมีพื้นผิวที่เรียบและแม่นยำ แต่ปุ่มที่นุ่มเหมือนฟองน้ำของมัน ต้องใช้แรงกดมากเกินไปในการคลิกแต่ละครั้ง

 

รีวิว HP EliteBook 1050 G1: จอแสดงผล


ความละเอียดในการแสดงผลที่ระดับ 1080p บนจอภาพขนาด 15.6 นิ้ว ซึ่งเป็น Panel แบบ IPS ที่มีระบบป้องกันแสงสะท้อน - แต่การเคลือบผิวและระดับความเป็นส่วนตัวแบบพิเศษนี้ ช่วยให้มั่นใจได้ว่าแผงหน้าจอจะเป็นจุดคล้ายรอยเปื้อนมากกว่าหน้าจอที่ไม่มีคุณสมบัติเหล่านี้
 
มันเป็นสิ่งที่ผู้ใช้จะได้เรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน แม้ว่าตัวเคลือบผิวพวกนั้นจะทำให้หน้าจอต้องดูมัวๆ และการขาดความละเอียด จนทำให้คู่แข่งดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น MacBook Pro ที่หน้าจอมีความละเอียด 2880 x 1800 ที่ปรับขนาดได้ในระดับ 1080p ในขณะที่ Dell ซึ่งเป็นรุ่นที่แพงกว่า มีจอแสดงภาพที่มาพร้อมความระเอียดระดับ 4K
 
ระดับคุณภาพของ HP ยังคงดูไม่สอดคล้องกันอีกด้วย โดยอุณหภูมิสี (color temperature) ที่  6,506K ก็จัดว่าดีเยี่ยม แต่ค่าเฉลี่ย Delta E ที่ 2.27 นับว่าเป็นค่าที่ต่ำกว่าสิ่งที่เราต้องการจะเห็นอยู่เล็กน้อย นอกจากนี้ระดับความสว่างที่ 620 cd/m2 จัดว่าอยู่ในระดับที่ดีเลยทีเดียว ซึ่งก็ดูเหมือนว่าที่ความสว่างระดับนี้ จะเป็นผลดีสำหรับการทำงานภายในสำนักงานและยังสามารถนำไปใช้งานนอกสถานที่ได้อย่างสบายๆ แต่ที่ระดับ Black Level วัดความสว่างได้ที่ 0.55 cd/m2 จัดว่าเป็นค่าที่สูง ซึ่งก็หมายความว่า ที่ระดับ Black Level บริเวณที่มีสีเข้มดูเหมือนว่า หน้าจอจะมีอาการ Washed-out มากเกินไป
 
ที่ระดับ Black Level เราปรับลดความสว่างลง และทำให้เกิดอัตราส่วนความคมชัด (CR) ที่ 1,127: 1 นั่นก็ไม่เลวนัก แต่ก็หมายความว่า ภาพที่ปรากฏนั้น มันอาจจะไม่ได้ดูโดดเด่นหรือสดใสเหมือนกับหน้าจอของคู่แข่ง อย่างแน่นอน
หน้าจอของ HP มีความสม่ำเสมอที่ยอดเยี่ยม แต่ระดับความครอบคลุมขอบเขตของสี ค่อนข้างที่จะผิดหวัง เนื่องจากจอแสดงผลของมัน ให้ขอบเขตความกว้างของสีเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 92% ซึ่งนับว่าเป็นค่าที่เหมาะสม แต่มันกลับมีค่า Adobe RGB และ DCI-P3 Color Gamut ที่ต่ำกว่า 70% ซึ่งทั้งสองมาตรฐานนี้มีความสำคัญต่องานที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายภาพ, การออกแบบกราฟิก และการแพร่ภาพออกอากาศ (Broadcasting)
 
แม้ว่า MacBook Pro จะไม่ค่อยสว่างเท่ากับ HP แต่มันก็ยังสว่างเพียงพอ และยังมีความคมชัดที่มากกว่า รวมทั้งระดับขอบเขตความกว้างของสีสันที่ดีกว่า ส่วน Dell ก็ยังได้ค่าของตัวเลขที่ดีกว่า ในการทดสอบที่สำคัญเหล่านี้ นี่คือส่วนที่ชัดเจน ที่คุณแค่ต้องจ่ายเพิ่มอีกเพียงเล็กน้อย เพื่อที่จะได้คุณภาพของหน้าจอที่ดีขึ้น

 

รีวิว HP EliteBook 1050 G1: ฮาร์ดแวร์และประสิทธิภาพ


เราได้ทำการพิจารณาหนึ่งในโมเดลที่มีประสิทธิภาพและมีราคาแพงกว่ารุ่นอื่นๆ โดยเลือกมาจาก range ของ EliteBook 1050 G1 ที่มาพร้อมกับการทำงานของซีพียู Intel Core i7-8850H ซึ่งเป็นหนึ่งในโปรเซสเซอร์รุ่นล่าสุดของ Intel นั่นก็หมายความว่า คุณได้รับประโยชน์จากการหน่วยประมวลผลสถาปัตยกรรม Coffee Lake ใหม่จากทาง Intel และข้อกำหนดทางเทคนิคที่น่าดึงดูด ด้วยการทำงานของซีพียู ที่มาพร้อมกับแกนการประมวลผล 6 แกน โดยมีความเร็วพื้นฐานที่ 2.20GHz และสามารถเร่งขึ้นไปได้สูงสุดที่ 4.10GHz
 
คำเตือน - แม้ว่าการกำหนดค่าที่มีลักษณะเฉพาะของ CPU นี้จะสามารถให้บริการผ่านทางคู่ค้าของ HP ได้ก็ตาม แต่ถ้าหากคุณซื้อผ่านเว็บสโตร์ คุณจะสามารถเลือกได้จนถึงเพียงแค่รุ่น i7-8750H เท่านั้น
สำหรับโมเดลในระดับไฮเอนด์ที่ว่านี้ มาพร้อมกับหน่วยความจำ 32GB และไดร์ฟ SSD ของ Toshiba XG5 ความจุ 512GB ในส่วนของโมเดลรุ่นอื่นๆ ที่ราคาถูกกว่าก็จะมี SSD ที่มีขนาดเล็กกว่า ซึ่งก็จะทำให้การจัดสรรหน่วยความจำทำได้น้อยลง และยังเป็นโปรเซสเซอร์แบบ Conservative มากกว่า แต่บางส่วนก็ยังให้การสนับสนุนแพลตฟอร์ม vPro ซึ่งมันก็ไม่ได้รวมอยู่ในโมเดลที่เราได้ทำการตรวจสอบ
 
MacBook Pro 15 ของ Apple ยังมีตัวเลือกที่รวมถึงโปรเซสเซอร์ เจนเนอเรชั่นที่ 8 ที่มีจำนวนคอร์ถึง 6 core นอกจากนั้นพวกมันก็ยังมีการจัดเก็บข้อมูลและการกำหนดค่าหน่วยความจำที่คล้ายๆ กัน ซึ่งทั้งสองโมเดลที่กล่าวมานั้น มีราคาแพงกว่า HP อยู่เพียงเล็กน้อย โดย MacBook ที่มีราคาถูกที่สุดนั้น มีราคาที่ 1,957 ปอนด์ โดยที่ยังไม่ได้คิดรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม
 
สำหรับเครื่อง XPS 15 ของ Dell ที่มีตัวเลือกในการกำหนดค่าที่กว้างขึ้น และคุณสามารถเป็นเจ้าของด้วยการจ่ายเงินเพียง 1,369 ปอนด์ โดยที่ยังไม่ได้รวมภาษีมูลค่าเพิ่มนั้น คุณจะได้รับเครื่องที่หน้าจอที่มีความละเอียดของภาพ 1080p และยังเป็น CPU แบบเดียวกันกับHP EliteBook แต่คุณอาจจะต้องพลาดโอกาสในส่วนของการรองรับการใช้งานทางด้านธุรกิจโดยส่วนใหญ่
 
HP นั้นยังจัดว่าไม่ช้า แต่ก็ยังตามหลังคู่แข่งอยู่เล็กน้อย เมื่อทำการเปรียบเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานบางอย่าง โดยผลคะแนน Geekbench ที่ได้จากการทดสอบการทำงานแบบ Single-threaded มันมีคะแนน 5,077 ซึ่งเป็นคะแนนที่นำหน้า Dell แต่ก็ยังตามหลัง MacBook อยู่ 500 คะแนน และผลคะแนนจากการทดสอบแบบ Multi-threaded มันมีคะแนนที่ 19,506 คะแนน ซึ่งทำงานได้ช้ากว่าเครื่องของ Dell และ Apple อยู่ที่ราวๆ  2,000 และ 4,000 คะแนน ตามลำดับ และในการเปรียบเทียบสมรรถนะของคอมพิวเตอร์ของเรา คาดว่ามีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่จะตัดสินใจเลือก HP ซึ่งมีผลคะแนนรวมทั้งหมดที่ 172 คะแนน แม้ว่ามันจะมีคะแนนตามหลังเครื่อง Apple อยู่เพียงคะแนนเดียว
 
แม้ว่า SSD ของ Kingston จะยังดูไม่สอดคล้องกัน เนื่องจากอัตราการอ่านข้อมูลของมันสามารถทำได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยอัตราความเร็วที่ 3,144MB/วินาที ในขณะที่ความเร็วในการเขียนข้อมูลของมันทำได้เพียง 960MB/วินาที ซึ่งจัดว่าอยู่ในระดับปานกลาง แต่พลังขับเคลื่อนการทำงานของ HP ก็ไม่มีทีท่าว่าจะถดถอย นอกจากนี้ ยังมีผู้คนอีกจำนวนมากที่ยังคงชอบเกี่ยวกับประสิทธิภาพการทำงานของ EliteBook แม้ว่าคู่แข่งจะสามารถทำความเร็วได้มากกว่าเล็กน้อย โดยที่มันจะยังคงจัดการกับแอปพลิเคชั่นที่ใช้ทำงานส่วนใหญ่ได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับหน่วยความจำที่มีขนาด 32GB
 
ประสิทธิภาพการทำงานทางด้านกราฟิกที่ได้มาจาก Nvidia GeForce GTX 1050 ซึ่งจัดว่าเป็นชิปเซ็ตที่ดีในระดับกลาง (Mid-range) แต่ HP ก็ได้เลือกใช้เวอร์ชัน Max-Q ซึ่งก็หมายความว่า คุณจะได้รับ Stream Processor 640 หน่วย และหน่วยความจำขนาด 4GB แต่แกนหลักจะได้รับการปรับลดความเร็วลงจาก 1,354MHz เป็น 1,000MHz ทั้งนี้ ก็เพื่อลดความร้อนและปรับปรุงอายุการใช้งานแบตเตอรี่
 
เราได้ทำการทดสอบกับเกมส์ DiRT Showdown ที่ความละเอียดในการแสดงผล 1080p และตั้งค่าเป็น Ultra ในส่วนของอัตราการแสดงภาพเคลื่อนไหว (Framerate) ที่ 70 เฟรมต่อวินาที นั่นไม่เพียงแต่จะเป็นผลดีสำหรับผู้ที่ชอบเล่นเกมหลังเลิกงานเท่านั้น แต่ยังหมายความว่า แล็ปท็อปเครื่องนี้จะยังช่วยให้คุณสามารถจัดการกับวิดีโอและภาพถ่ายได้อย่างง่ายดายอีกด้วย คุณจะไม่ต้องพบกับปัญหาใดๆ ในการทำงาน เพราะแอพพลิเคชั่นต่างๆ จะทำงานได้อย่างราบรื่นบนเครื่องนี้ นอกเสียจากว่า คุณพยายามจะใช้งานมันหนักมากเกินกว่าที่จะเป็นเครื่องมือระดับองค์กร
 
EliteBook ยังเป็นเครื่องที่มีการระบายความร้อนได้ดี เช่นกัน โดยมีอุณหภูมิสูงสุดของ CPU และ GPU ที่ 77 °C และ 64 °C ตามลำดับ ซึ่งก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ปกติดี และภายนอกก็ยังรู้สึกเย็นอยู่ตลอดเวลา เราพอที่จะสังเกตได้ถึงเสียงรบกวนของพัดลมอยู่บ้าง แต่ก็ยังถือว่าเงียบกว่าเครื่องของ Dell อยู่เล็กน้อย
 
แบตเตอรี่แบบ 96Wh ของ HP ทำให้มันคงทนต่อการใช้งานที่ยาวนานอย่างน่าประทับใจ ถึง 9 ชั่วโมง จากการทดสอบตามเกณฑ์มาตรฐานของเรา ซึ่งก็ถือว่าดีกว่าคู่แข่งทั้งสองอยู่เพียงเล็กน้อย และก็น่าจะเพียงพอที่จะเห็นคุณผ่านวันทำงานไปได้ ถ้าคุณจะระมัดระวังกับความสว่างหน้าจอและแอพพลิเคชั่นที่คุณใช้ทำงาน แต่ถ้าคุณต้องการเน้นในส่วนประกอบที่เป็นซอฟต์แวร์ที่ต้องใช้พลังงานมากขึ้น อย่างไรก็ดี คาดว่าคุณอาจจะต้องเสียบปลั๊ก ก่อนที่คุณจะมุ่งหน้ากลับบ้าน

 

รีวิว HP EliteBook 1050 G1: คำตัดสิน


สำหรับ EliteBook ที่ในตอนแรกดูเหมือนกับลักษณะของเครื่องอื่นๆ ทั่วไป ที่พยายามจะเลียนแบบ XPS และ MacBook Pro ที่ประสบความสำเร็จ ที่จะช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้ว่ามันจะไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่ควร แต่ความจริงแล้วมันน่าประทับใจมากกว่าคู่แข่งรายอื่นๆ อีกหลายตัวในแผนก ที่มีราคาแพงกว่ามัน
 
นอกจากที่มันจะมีคุณสมบัติทางธุรกิจที่เหมาะสมมากกว่าคู่แข่งทั้งสองแล้ว มันยังมีประสิทธิภาพการทำงานที่คล้ายคลึงกันอีกด้วย ขณะเดียวกัน มันยังได้เปรียบคู่แข่งทั้งสองเครื่องในการทดสอบการใช้งานของแบตเตอรี่ ตราบใดที่คุณเลือกใช้ชุดอุปกรณ์สำรองไฟ Power Pack ทั้งสองขนาดของ HP ที่มีจำหน่ายพรอมกับเครื่องนี้ ทั้งนี้ ในส่วนของแป้นพิมพ์และ Trackpad เองนั้นก็นับว่าใช้งานได้ดีทั้งคู่ และคุณยังจะได้รับในส่วนของพอร์ต USB เต็มรูปแบบ เพื่อช่วยให้การทำงานของคุณคล่องตัวมากยิ่งขึ้น
 
ในด้านของการออกแบบก็นับว่าน่าสนใจเลยทีเดียว แม้ว่ามันจะไม่ได้ดูดีเทียบเท่ากับเครื่องของ Apple ทั้งหมด แต่หน้าจอของมันก็ยังพอใช้ได้ แม้จะมีความจริงที่ว่า ถ้าเทียบกันในด้านของคุณภาพโดยตรงแล้ว มันก็ยังคงพ่ายแพ้ให้แก่คู่แข่งทั้งสอง และนั่นก็คือสิ่งที่งบประมาณพิเศษที่คุณจะต้องจ่ายเพิ่มเพื่อแลกกับคุณภาพของบางอย่างที่ดีกว่า ซึ่งมันเป็นข้อแตกต่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนจริงๆ
 
เครื่องของ Dell และ Apple เป็นตัวเลือกที่ดีกว่าอย่างแน่นอน ถ้าคุณต้องการเครื่องที่มีน้ำหนักเบาและยังเหมาะกับการทำงานที่ต้องอยู่กับหน้าจอมากกว่า รวมทั้งความถูกต้องของสีก็ยังเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก และสำหรับคนเหล่านั้น มันคุ้มค่ามากกับการที่จะต้องจ่ายเงินเพิ่ม เพื่อให้ได้มาซึ่งคุณสมบัติที่กล่าวมาข้างต้น แต่ถ้าคุณต้องการเครื่องที่มีราคาไม่แพงมากนักสำหรับการทำงานอื่นๆ ทั่วไป และความเป็นส่วนตัวยังเป็นสิ่งสำคัญด้วยเช่นกัน – EliteBook น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคุณ


 

ลักษณะโดยทั่วไปดูสมบูรณ์แบบ เน้นคุณคุณลักษณะพิเศษทางด้านธุรกิจที่หลากหลาย
 

ข้อดี


ฟีเจอร์ที่ใช้ในเชิงธุรกิจ ที่มีมาให้เลือกใช้มากขึ้น; ใช้งานหนักได้อย่างต่อเนื่อง; หน้าจอที่มีโหมดความเป็นส่วนตัว; รูปทรงที่น่าประทับใจ; แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน
 

ข้อเสีย


คู่แข่งมีความสามารถในการทำงานที่เร็วกว่าเล็กน้อย; ดูเหมือนว่าแล็ปท็อปอื่นๆ จะมีหน้าจอที่ดีกว่า; ค่อนข้างที่จะมีน้ำหนักมาก
 

สรุป


HP EliteBook 1050 G1 อาจจะไม่ค่อยดูสวยงามจนดูสะดุดตา หรือในส่วนของหน้าจอที่คุณภาพยังไม่อาจเทียบเท่ากับของคู่แข่งบางราย แต่มันก็ยังมีในส่วนของฟีเจอร์ที่ใช้ในเชิงธุรกิจที่มีมาให้เลือกมากขึ้น, อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่ยาวนานสม่ำเสมอและความสามารถในการทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ มันยังมีราคาที่ถูกกว่าคู่แข่งอีกด้วย นอกจากนี้ มันยังเหมาะสำหรับงานที่ไม่ได้เน้นความถูกต้องของสีในระดับสำคัญมากนัก หรือแม้แต่ ที่ที่มีความเป็นส่วนตัวเป็นกุญแจสำคัญ
 
ในส่วนของรูปลักษณ์ภายนอก HP กล่าวว่า มันได้รับการออกแบบมาเพื่อที่จะสร้างความประทับใจให้กับคณะกรรมการผู้เข้าร่วมประชุม และรูปร่างที่มีลักษณะคงทนสำหรับชีวิตบนท้องถนน และในส่วนของด้านใน มันควรจะมีประสิทธิภาพและคุณสมบัติการทำงานที่รวดเร็ว ผ่านทาง Business Tasks
 
มันมีราคาที่ถูกกว่าคู่แข่ง แม้ว่ามันจะมีราคาที่ 1,250 ปอนด์ โดยที่เป็นราคาที่ยังไม่ได้รวมรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม รวมถึงเครื่องอื่นๆ อย่าง Dell XPS 15 และ Apple MacBook Pro 15 แน่นอนว่า มันจะต้องมีคุณภาพที่ดีกว่าสำหรับคุณสมบัติบางอย่าง คุณลองคิดเล่นๆ ดูว่า Notebook ในราคาประหยัดนี้ มันจะสามารถเทียบชั้นในการแข่งขันที่ดุเดือนนี้ ได้หรือไม่

 
รีวิว HP EliteBook 1050 G1: การออกแบบ


EliteBook จัดว่ามีลักษณะที่ดูดีน่าใช้ และยังเป็นการออกแบบที่ให้ความรู้สึกหรูหราและดูโดดเด่นกว่าคู่แข่งหลักอย่าง MacBook Pro ที่เราคุ้นเคยกันดี และ Dell XPS รุ่นที่เป็น Carbon Fiber ซึ่งตอนนี้น่าจะล้าสมัยไปแล้ว
 
ฐานของตัวเครื่องด้านล่างมีขอบเอียงทำมุมชัดเจน ประกอบกับวัสดุด้านข้างที่มีผิวสัมผัสเป็นโลหะขัด (Brushed metal) และยังจะสะดุดตามากขึ้นด้วยฐานที่มีลักษณะเป็นมุมตัดซึ่งเป็นมุมส่วนที่ตรงกับหน้าจอเท่านั้น ที่ฝาปิดมีโลโก้แบบสมาร์ท ซึ่งเป็นรูปแบบใหม่ของ HP ส่วนช่องระบายอากาศนั้นจะอยู่ตรงส่วนด้านล่างของฐาน และโลโก้ Elitebook ที่ติดอยู่ที่ด้านล่างซ้ายของแป้นพิมพ์ นอกจากนี้ยังมีแผงของลำโพงแบบสมาร์ทที่ทอดตัวยาวตลอดแนวความกว้างของตัวเครื่องที่ด้านบนเหนือแผงแป้นพิมพ์
 
โดยรวมแล้วมันดูดีเลยทีเดียว แต่ด้วยเครื่องขนาด 15.6 นิ้วนี้ มันจัดว่าหนักกว่าคู่แข่งอยู่บ้างเล็กน้อย ด้วยน้ำหนักของมันที่ 2.06 กก. และความหนาที่ 22 มม. เมื่อพิจารณารวมในส่วนของ Rubber Feet แล้ว ในขณะที่ MacBook Pro 15 มีน้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ประมาณ 1.8 กก. ด้วยความหนา 16 มม. และ Dell XPS 15 ซึ่งมีความหนา 17 มม. โดยมีน้ำหนักเครื่องรวมแล้วอยู่ที่ประมาณ 2 กก. ซึ่งขนาดของ HP ไม่ใช่ปัญหาที่ร้ายแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับแล็ปท็อปที่มีมูลค่าที่ไม่สูงมากเท่ากับคู่แข่ง แต่สิ่งที่ควรค่าแก่การพิจารณาของพวกเขานั่นก็คือ การที่จะต้องหิ้วมันติดตัวไปไหนมาไหนด้วยความทุลักทุเลในแต่ละวัน
 
การสร้างคุณภาพ (Build quality) เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ HP ราคาถูกไม่สามารถที่จะแข่งขันกับเครื่องของ Apple และ Dell ได้ มีเพียงไม่กี่รุ่นที่จะใช้อลูมิเนียมเป็นโครงสร้างหลัก และให้ลองกดที่บริเวณด้านหลังของหน้าจอเพื่อตรวจดูความผิดรูปของเดสก์ท็อป อย่างไรก็ตาม การสร้างคุณภาพของ EliteBook ก็ไม่ได้เลวร้ายนัก แต่การแข่งขันจะช่วยให้ทุกอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น
 
ตรงบริเวณขอบด้านข้างของแล็ปท็อป คุณจะพบกับพอร์ตการเชื่อมต่อ Thunderbolt 3 จำนวน 2 ช่อง และพอร์ต USB 3.0 อีก 2 ช่อง พร้อมกับช่องเสียบการ์ด SD และเอาต์พุต HDMI ส่วนเครื่องของ Apple นั้น จะมีให้ในส่วนของ พอร์ต Thunderbolt ถึง 4 ช่อง แต่ไม่มีช่องสำหรับการเชื่อมต่อแบบ USB และไม่มีช่องสำหรับ HDMI ในขณะที่เครื่องของ Dell นั้น มีองค์ประกอบที่เหมือนกันกับของ HP ส่วนภายในนั้น จะมีเครือข่ายไร้สาย 802.11ac แบบ Dual-Band ซึ่งจะไม่มีการเชื่อมต่อด้วยสายเคเบิล (Wired Network)
 
สิ่งที่น่าประทับใจก็คือ เครื่องของ HP ประกอบไปด้วยฟีเจอร์ในเชิงธุรกิจที่ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่มากมาย ทั้งในส่วนของกรอบพลาสติกที่อยู่ด้านบนของหน้าจอที่สามารถปิดบังเว็บแคม (Webcam) และยังมีเครื่องอ่านลายนิ้วมือ (Fingerprint Reader) ที่ด้านล่างของคีย์บอร์ด นอกจากนี้แผงที่ฐานด้านล่าง (Base Panel) สามารถถอดออกได้ ซึ่งทำให้เครื่องนี้สามารถซ่อมแซมและดูแลได้ง่ายกว่าระบบของ Apple
 
นอกจากนี้ คุณยังจะได้รับ Sure Start Gen 4 ซึ่งจะช่วยเพิ่มเลเยอร์การป้องกันให้กับ BIOS และเครื่องนี้ยังสามารถใช้งานร่วมกับ Thunderbolt Dock G2 ซึ่งให้บริการเพิ่มในส่วนของเครือข่ายแบบใช้สาย (wired networking), พอร์ต USB ที่มากขึ้น และรองรับการแสดงผลที่เพิ่มมากขึ้น
 
HP ยังมีตัวเลือกสำหรับความเป็นส่วนตัวของหน้าจอ ซึ่งเป็นอีกเรื่องที่น่าประทับใจ เพียงแค่กดปุ่ม F2 จะเป็นการเปิดใช้งานระดับพิเศษ ที่จะทำให้ทุกคนที่นั่งอยู่ที่ด้านใดด้านหนึ่งของตัวเครื่องแทบจะมองไม่เห็นหน้าจอของคุณ -.ในขณะที่มันมีการเปิดใช้งาน ระบบยังคงสามารถใช้งานได้สำหรับผู้ที่เป็นเจ้าของเครื่อง เมื่อมีการเปิดใช้งานตัวเลือกนี้ หน้าจอจะเป็นแบบหรี่แสงน้อย แต่ยังคงสามารถทำงานได้ดี ทั้งนี้ก็เพื่อไม่ให้คนดูจากด้านข้างมองเห็นหน้าจอของคุณ และนั่นก็เป็นข้อได้เปรียบที่คุ้มค่า หากคุณกำลังจัดการกับงานที่มีความสำคัญมากหรือในกรณีที่ต้องการใช้เครื่องนี้ในที่สาธารณะ

 

รีวิว HP EliteBook 1050 G1: แป้นพิมพ์และ Trackpad


แป้นพิมพ์ของ HP จัดว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้น กว่าแป้นพิมพ์แบบ Low-Travel Switches ในเครื่องล่าสุดของ Dell และ Apple - แต่นั่น ก็ไม่ได้ความว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ดี
ปุ่มกดของ HP สามารถทำงานได้อย่างสม่ำเสมอและรวดเร็ว โดยไม่มีอาการช้าลงหรือแผ่วลงเมื่อพวกมันถูกผลักเข้ากับฐานที่แข็งแรง บางคนอาจจะชอบความรู้สึกที่นุ่มนวล มากกว่าที่จะรู้สึกถึงแรงกระแทก แต่เรารู้สึกชอบการทำงานของฮาร์ดแวร์ที่สอดคล้องกันกับการพิมพ์บนเครื่องนี้
 
อย่างไรก็ตาม โครงสร้างของมันยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็คงไม่ต่างกันกับเครื่องของ Dell และ Apple ที่ไม่มี Numberpad และเราก็ไม่ได้ติดใจอะไรกับปุ่มเคอร์เซอร์แบบแปลกๆ หรือปุ่ม Enter ที่มีความสูงอยู่เพียงปุ่มเดียว สำหรับ Trackpad ที่ดูเหมือนว่าจะอยู่ในระดับปานกลางเท่านั้น Pad ของมันมีพื้นผิวที่เรียบและแม่นยำ แต่ปุ่มที่นุ่มเหมือนฟองน้ำของมัน ต้องใช้แรงกดมากเกินไปในการคลิกแต่ละครั้ง

 

รีวิว HP EliteBook 1050 G1: จอแสดงผล


ความละเอียดในการแสดงผลที่ระดับ 1080p บนจอภาพขนาด 15.6 นิ้ว ซึ่งเป็น Panel แบบ IPS ที่มีระบบป้องกันแสงสะท้อน - แต่การเคลือบผิวและระดับความเป็นส่วนตัวแบบพิเศษนี้ ช่วยให้มั่นใจได้ว่าแผงหน้าจอจะเป็นจุดคล้ายรอยเปื้อนมากกว่าหน้าจอที่ไม่มีคุณสมบัติเหล่านี้
 
มันเป็นสิ่งที่ผู้ใช้จะได้เรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน แม้ว่าตัวเคลือบผิวพวกนั้นจะทำให้หน้าจอต้องดูมัวๆ และการขาดความละเอียด จนทำให้คู่แข่งดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น MacBook Pro ที่หน้าจอมีความละเอียด 2880 x 1800 ที่ปรับขนาดได้ในระดับ 1080p ในขณะที่ Dell ซึ่งเป็นรุ่นที่แพงกว่า มีจอแสดงภาพที่มาพร้อมความระเอียดระดับ 4K
 
ระดับคุณภาพของ HP ยังคงดูไม่สอดคล้องกันอีกด้วย โดยอุณหภูมิสี (color temperature) ที่  6,506K ก็จัดว่าดีเยี่ยม แต่ค่าเฉลี่ย Delta E ที่ 2.27 นับว่าเป็นค่าที่ต่ำกว่าสิ่งที่เราต้องการจะเห็นอยู่เล็กน้อย นอกจากนี้ระดับความสว่างที่ 620 cd/m2 จัดว่าอยู่ในระดับที่ดีเลยทีเดียว ซึ่งก็ดูเหมือนว่าที่ความสว่างระดับนี้ จะเป็นผลดีสำหรับการทำงานภายในสำนักงานและยังสามารถนำไปใช้งานนอกสถานที่ได้อย่างสบายๆ แต่ที่ระดับ Black Level วัดความสว่างได้ที่ 0.55 cd/m2 จัดว่าเป็นค่าที่สูง ซึ่งก็หมายความว่า ที่ระดับ Black Level บริเวณที่มีสีเข้มดูเหมือนว่า หน้าจอจะมีอาการ Washed-out มากเกินไป
 
ที่ระดับ Black Level เราปรับลดความสว่างลง และทำให้เกิดอัตราส่วนความคมชัด (CR) ที่ 1,127: 1 นั่นก็ไม่เลวนัก แต่ก็หมายความว่า ภาพที่ปรากฏนั้น มันอาจจะไม่ได้ดูโดดเด่นหรือสดใสเหมือนกับหน้าจอของคู่แข่ง อย่างแน่นอน
หน้าจอของ HP มีความสม่ำเสมอที่ยอดเยี่ยม แต่ระดับความครอบคลุมขอบเขตของสี ค่อนข้างที่จะผิดหวัง เนื่องจากจอแสดงผลของมัน ให้ขอบเขตความกว้างของสีเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 92% ซึ่งนับว่าเป็นค่าที่เหมาะสม แต่มันกลับมีค่า Adobe RGB และ DCI-P3 Color Gamut ที่ต่ำกว่า 70% ซึ่งทั้งสองมาตรฐานนี้มีความสำคัญต่องานที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายภาพ, การออกแบบกราฟิก และการแพร่ภาพออกอากาศ (Broadcasting)
 
แม้ว่า MacBook Pro จะไม่ค่อยสว่างเท่ากับ HP แต่มันก็ยังสว่างเพียงพอ และยังมีความคมชัดที่มากกว่า รวมทั้งระดับขอบเขตความกว้างของสีสันที่ดีกว่า ส่วน Dell ก็ยังได้ค่าของตัวเลขที่ดีกว่า ในการทดสอบที่สำคัญเหล่านี้ นี่คือส่วนที่ชัดเจน ที่คุณแค่ต้องจ่ายเพิ่มอีกเพียงเล็กน้อย เพื่อที่จะได้คุณภาพของหน้าจอที่ดีขึ้น
 

รีวิว HP EliteBook 1050 G1: ฮาร์ดแวร์และประสิทธิภาพ


เราได้ทำการพิจารณาหนึ่งในโมเดลที่มีประสิทธิภาพและมีราคาแพงกว่ารุ่นอื่นๆ โดยเลือกมาจาก range ของ EliteBook 1050 G1 ที่มาพร้อมกับการทำงานของซีพียู Intel Core i7-8850H ซึ่งเป็นหนึ่งในโปรเซสเซอร์รุ่นล่าสุดของ Intel นั่นก็หมายความว่า คุณได้รับประโยชน์จากการหน่วยประมวลผลสถาปัตยกรรม Coffee Lake ใหม่จากทาง Intel และข้อกำหนดทางเทคนิคที่น่าดึงดูด ด้วยการทำงานของซีพียู ที่มาพร้อมกับแกนการประมวลผล 6 แกน โดยมีความเร็วพื้นฐานที่ 2.20GHz และสามารถเร่งขึ้นไปได้สูงสุดที่ 4.10GHz
 
คำเตือน - แม้ว่าการกำหนดค่าที่มีลักษณะเฉพาะของ CPU นี้จะสามารถให้บริการผ่านทางคู่ค้าของ HP ได้ก็ตาม แต่ถ้าหากคุณซื้อผ่านเว็บสโตร์ คุณจะสามารถเลือกได้จนถึงเพียงแค่รุ่น i7-8750H เท่านั้น
สำหรับโมเดลในระดับไฮเอนด์ที่ว่านี้ มาพร้อมกับหน่วยความจำ 32GB และไดร์ฟ SSD ของ Toshiba XG5 ความจุ 512GB ในส่วนของโมเดลรุ่นอื่นๆ ที่ราคาถูกกว่าก็จะมี SSD ที่มีขนาดเล็กกว่า ซึ่งก็จะทำให้การจัดสรรหน่วยความจำทำได้น้อยลง และยังเป็นโปรเซสเซอร์แบบ Conservative มากกว่า แต่บางส่วนก็ยังให้การสนับสนุนแพลตฟอร์ม vPro ซึ่งมันก็ไม่ได้รวมอยู่ในโมเดลที่เราได้ทำการตรวจสอบ
 
MacBook Pro 15 ของ Apple ยังมีตัวเลือกที่รวมถึงโปรเซสเซอร์ เจนเนอเรชั่นที่ 8 ที่มีจำนวนคอร์ถึง 6 core
ควิกเซิร์ฟ
สินค้า
งานระบบ
บริการ
กิจกรรม
ออนไลน์