Please wait...
CLOUD IT UPDATE
AWS Bedrock ก้าวเข้าสู่การแข่งขัน Generative AI

AWS Bedrock แยกบริษัทออกมาเพื่อการแข่งขัน Generative AI กับ Microsoft และ Google 

 


'แนวคิดที่คำนึงถึงนักพัฒนามาเป็นอันดับแรก' ของ AWS Bedrock มีเป้าหมายเพื่อให้ธุรกิจสร้างแอปพลิเคชัน AI ที่ไม่ซ้ำใครได้อย่างง่ายที่สุด
 
AWS กำลังรุกคืบเข้าชิงพื้นที่ใหญ่ในวงการ Generative AI ด้วยการเปิดตัว Amazon Bedrock ซึ่งเป็นบริการที่จัดการและให้บริการลูกค้าในรูปแบบแนวคิด "วิธีที่ง่ายที่สุดในการสร้างและปรับขนาดแอปพลิเคชัน  Generative AI ที่พร้อมใช้งานสำหรับองค์กร"
 
ผู้ให้บริการระดับเทพเริ่มเปิดตัว Bedrock ในวันพฤหัสบดี พร้อมกับการเปิดตัวโมเดลพื้นฐาน 'Amazon Titan' (FM) ใหม่อีกสองรุ่น เนื่องจากต้องการให้นักพัฒนาสามารถเข้าถึง "FMs ที่ล้ำสมัยที่สุดที่มีอยู่ในปัจจุบัน"
 
Bedrock จะให้สิทธิ์ลูกค้าในการเข้าถึงโมเดลพื้นฐานที่หลากหลายจากบุคคลที่สาม ซึ่งรวมถึง AI21 Labs, Anthropic และ Stability AI
 
ในจำนวนโมเดลทั้งหมดนี้ยังมีตระกูล Jurassic-2 ของ LLM ที่รองรับหลายภาษาจาก AI21 ซึ่งสามารถสร้างข้อความเป็นภาษาสเปน ฝรั่งเศส โปรตุเกส อิตาลี และดัตช์ได้ และนอกจากนี้ยังมีโมเดลพื้นฐานการเปลี่ยนข้อความเป็นรูปภาพที่หลากหลายของ Stability AI ซึ่งรวมถึง Stable Diffusion ด้วย
 
โดยโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ของ Amazon Titan เป็นส่วนหนึ่งของ Foundation Models (FMs ภายในของ AWS เอง
 
AWS เปิดเผยว่า โมเดลตัวแรกในกลุ่มนี้คือโมเดล generative LLM สำหรับงานต่างๆ เช่น การสรุปความ การสร้างข้อความสำหรับการเขียนบล็อกโพสต์ เช่น การจัดหมวดหมู่ คำถามและคำตอบแบบปลายเปิด และการดึงข้อมูล เป็นต้น
 
โมเดลส่วนที่สองคือ LLM แบบฝังที่จะแปลข้อความที่ถูกป้อนเข้าไปเป็นการแสดงตัวเลขที่ "มีความหมายของข้อความในเชิงนัยยะ" AWS เสริม
 
“วันนี้เรายินดีประกาศเปิดตัว Amazon Bedrock บริการรูปแบบใหม่ที่ทำให้สามารถเข้าถึง FMs จาก AI21 Labs, Anthropic, Stability AI และ Amazon ผ่านทาง API” Swami Sivasubramanian รองประธานแผนกแมชชีนเลิร์นนิงของ AWS กล่าว
 
“Bedrock เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดสำหรับลูกค้า ในการสร้างและปรับขนาดแอปพลิเคชันที่ใช้ Generative AI โดยใช้ FM  เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้สร้างทุกคนเข้าถึงได้”
 

AWS เข้าสู่สังเวียน Generative AI

 
การเปิดตัว Amazon Bedrock นับเป็นความเคลื่อนไหวที่รุกเข้าสู่พื้นที่ Generative AI อย่างแข็งขันที่สุดของ AWS เท่าที่เคยมีมา และใช้แนวทางที่แตกต่างไปจากคู่แข่งอย่าง Google และ Microsoft
 
Microsoft ใช้วิธีสานสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ OpenAI ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และเร่งการรวมแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น ChatGPT เข้ามาอยู่ในตัวผลิตภัณฑ์หลัก
 
ในเดือนมกราคม บริษัทได้เปิดตัวบริการ Azure OpenAI ซึ่งให้ลูกค้าระบบคลาวด์เข้าถึงโมเดล OpenAI ได้
 
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวถูกยกย่องว่าเป็นตัวสร้างความแตกต่างที่สำคัญสำหรับยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีในการแย่งพื้นที่จาก AWS ในตลาดคลาวด์ที่ใหญ่กว่าตลาด AI 
 
ในทำนองเดียวกัน Google ได้เคลื่อนไหวอย่างมีนัยสำคัญในการพัฒนาและเปิดตัวระบบ Generative  AI ภายในของตนเองที่ชื่อว่า Bard
 
ในขณะที่ทางด้าน Bedrock นั้น AWS เตรียมใช้แนวทางที่แตกต่างกับคู่แข่งในวงการเดียวกัน และใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ที่มีอยู่แล้วกับบุคคลที่สามเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งาน Generative AI และการนำเสนอผลิตภัณฑ์ของตน
 
ในระยะยาว วิธีการนี้ดูเหมือนจะเป็นแนวทางที่เป็นมิตรต่อนักพัฒนามากขึ้นในการทำ Generative AI และกระจายข้อเสนอที่มีอยู่ให้กับลูกค้าที่มีความสนใจในอนาคต
 
การแข่งขันในตลาด Generative AI ร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ และแนวทางสุดสงบของ AWS ในวงการนี้เพิ่งเป็นที่กล่าวถึงในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาท่ามกลางมหกรรมงานแถลงที่วุ่นวายจากทั้ง Google และ Microsoft
 
Sivasubramanian แนะนำว่าสิ่งที่สร้างความแตกต่างที่สำคัญสำหรับ AWS ในอนาคต ก็คือความง่ายในการเข้าถึงและใช้งาน และความหลากหลายของโมเดลที่มีให้สำหรับนักพัฒนา
 
“Bedrock ทำให้บริษัททุกขนาดสามารถเข้าถึงพลังของ FM ได้ เพื่อให้พวกเขาเร่งการใช้งาน ML ได้ทั่วทั้งองค์กร และสร้างแอปพลิเคชัน  Generative AI ของตนเองได้ ซึ่งจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับนักพัฒนาทุกคน” Sivasubramanian กล่าว
 
Sivasubramanian เสริมว่า Bedrock จะเป็น “ก้าวที่ยิ่งใหญ่” ในการเปิดโอกาสให้บุคคลภายในระบบของ AWS เข้าถึง FMs และเปิดโอกาสในการเข้าถึงชุดโมเดลที่หลากหลายกว่าสำหรับนักพัฒนา

ที่มา: 
https://bit.ly/3Ow5xyd

ควิกเซิร์ฟ
สินค้า
งานระบบ
บริการ
กิจกรรม
ออนไลน์