ศุนทัร ปิจไช ประธานบริหารของบริษัท Google and Alphabet ได้เรียกร้องให้มีการควบคุมการใช้งานปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้เทคโนโลยีในทางที่ผิดและการแพร่กระจายข้อมูลผิดๆ
แม้ว่าการทำงานของ AI จะเป็นไปในทางที่ดีและมีประโยชน์อย่างมาก แต่ความเห็นล่าสุดของคุณปิจไชที่ตีพิมพ์ในไฟแนนเชียลไทมส์ ก็ได้แย้งว่า ทีผ่านมานั้นเต็มไปด้วยตัวอย่างความผิดพลาดทางเทคโนโลยีที่เราควรนำมาเป็นข้อควรระวังในการใช้ในปัจจุบันและอนาคต
คุณปิจไชยังได้กล่าวถึงหลักการ AI ของ Google ซึ่งชี้ว่า AI ควรถูกใช้เพื่อประโยชน์ทางสังคมในการหลีกเลี่ยงอคติ การสร้างความปลอดภัยและความรับผิดชอบ เพื่อให้ผู้คนคงอยู่ในหลักวิทยาศาสตร์และรวมถึงความเป็นส่วนตัวที่สามารถออกแบบเอง ตลอดจนถึงความพยายามในการพัฒนาเครื่องมือสำหรับทดสอบ AI อีกด้วย
อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่าหลักการ AI ของ Google และคณะกรรมการจริยธรรมด้าน AI ได้ก่อตั้งขึ้นหลังจากมีผลสะท้อนกลับอย่างรุนแรงจากกลุ่มความเป็นส่วนตัวและพนักงานบริษัทของตัวเองหลังจาก Google ลงนามข้อตกลงกับ Pentagon เพื่อใช้ AI ในการวิเคราะห์ภาพจากโดรนหนึ่งปีให้หลัง และต่อมา Google ได้ปฏิเสธที่จะต่ออายุสัญญาดังกล่าวและแจ้งว่าจะไม่ใช้ AI ในการสร้างอาวุธยุทโธปกรณ์ แต่จะยังคงทำงานร่วมกับกองทัพต่อไป
แนวทางภายในหน่วยงานเพียงอย่างเดียวคงไม่พอ คุณปิจไชยอมรับว่าเขาเรียกร้องให้รัฐบาลออกข้อบังคับการใช้งาน AI โดยชี้ให้เห็นว่า GDPR หรือกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรปสามารถทำหน้าที่เป็น "รากฐานที่แข็งแกร่ง" เพื่อพัฒนากรอบการทำงานแบบใหม่ให้แก่ AI
"ข้อบังคับจะสามารถเป็นแนวทางในการใช้งาน AI ได้อย่างกว้างขวางในขณะที่ภาครัฐเริ่มอนุญาตให้มีการปรับใช้ในภาคส่วนต่างๆ และสำหรับการใช้งาน AI บางประเภท เช่น อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีการควบคุม รวมถึงเครื่องช่วยตรวจหัวใจโดย AI กรอบการทำงานที่มีอยู่นั้นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่สำหรับพื้นที่การทำงานแบบใหม่ เช่น ยานพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยตนเอง รัฐบาลจะต้องกำหนดข้อบังคับใหม่ที่เหมาะสมโดยพิจารณาถึงต้นทุนและผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด” ปิจไชกล่าว
ในขณะที่ Google กำลังเรียกร้องให้มีการควบคุมการใช้ AI แต่พวกเขาเองกกลับมีข้อพิพาทกับฝ่ายนิติบัญญัติของรัฐบาลเช่นกัน เพราะอันที่จริงถึงแม้ว่าปัจไชจะชูการใช้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป (GDPR) แต่ Google เองกลับถูกลงโทษให้จ่ายค่าปรับเนื่องจากละเมิดกฎการคุ้มครองข้อมูล และในปี 2561 บริษัทได้ก้าวล้ำบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ ในการวิ่งเต้นรัฐบาล แม้จะมีผู้นำเทคโนโลยีรายอื่นหลายรายกำหนดบันทึกการใช้จ่ายในปีนั้นแล้วก็ตาม