Apple MacBook Pro 15in กับ Dell XPS 15 ควรเลือกอะไรดี
ระหว่าง Apple MacBook Pro 15in ที่ใช่ กับ Dell XPS 15 ที่ชอบ! จะเลือกอะไรดี?
Apple จะรักษาตำแหน่งผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับองค์กรได้หรือไม่? เราลองมาดูกัน
แล็ปท็อปประเภท Ultraportable นั้นกำลังเป็นที่นิยม เพราะพวกมันทั้งเบา, พกพาสะดวกและยังเป็นอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพสูง การเปลี่ยนแปลงรูปแบบของธุรกิจและผู้ซื้อไอทีไปสู่ระบบที่บางเบานี้ เป็นการแสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมเหล่านั้นทำได้ดีแค่ไหนในการลดขนาดของผลิตภัณฑ์ที่เทอะทะมากเกินไปให้อยู่ในขนาดที่กะทัดรัดมากที่สุด
ในขณะที่ความนิยมของโปรเซสเซอร์ที่ใช้พลังงานต่ำและการออกแบบที่ไม่ต้องพึ่งพาพัดลมเป็นส่วนประกอบนั้น ยังคงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยในการรักษาขนาดและน้ำหนักของแล็ปท็อปให้เหลือน้อยที่สุด แต่งานบางอย่างก็ยังคงต้องใช้เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพมากกว่าพร้อมด้วยความสามารถในการทำงานที่สูงขึ้น ตัวอย่างเช่น งานด้าน Graphic Design และงานวิดีโอ โดยงานทั้งสองประเภทนี้ไม่เพียงแต่จะต้องใช้โปรเซสเซอร์แบบ Full-fat Quad-Core เท่านั้น แต่ยังต้องมี GPU เฉพาะเพื่อจัดการกับงานสร้างภาพกราฟิก (Rendering) เป็นส่วนใหญ่
ดังนั้น อุปกรณ์ในอุดมคติก็คือ เครื่องที่สามารถก้าวข้ามเส้นแบ่งระหว่างโน้ตบุ๊กประสิทธิภาพสูงและ Mobile Workstation และอุปกรณ์ที่เข้าข่ายก็คือ MacBook Pro รุ่น 15 นิ้ว ของ Apple และ Dell XPS 15
อุปกรณ์ทั้งสองได้กลายมาเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลในอุตสาหกรรม ซึ่งทั้งคู่ต่างก็เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความทนทานและลูกเล่นเพิ่มเติมนิดๆ หน่อยๆ แล้วคู่แข่งของพวกเขาคือใคร? ส่วนใหญ่ก็จะเป็นแล็ปท็อปที่ใช้สำหรับเล่นเกมอย่างแท้จริง (Gaming Laptop) มีความสามารถในการทำงานที่หลากหลาย ตั้งแต่งานที่ไม่ต้องรีบร้อน ไปจนถึงการงานที่มีทั้งความท้าทายและซับซ้อน
MacBook Pro รุ่น 15 นิ้ว และ Dell XPS ก็ยังยืนหยัดในฐานะคู่แข่งขันที่ดุเดือด อย่างไรก็ตาม มันน่าทึ่งที่ทั้งคู่เป็นอุปกรณ์ที่ทันสมัย ที่มาพร้อมกับ Internal Hardware ที่ทันสมัยอันดับหนึ่งและหน้าจอขนาดใหญ่ที่มีความละเอียดสูง เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการเพิ่มผลผลิต (Productivity) และความแม่นยำของภาพสูงสุด
เนื่องจากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีการเติบโตของซอฟต์แวร์ข้ามแพลตฟอร์มที่ทำงานร่วมกันได้ (Interoperable) ทำให้อุปกรณ์ทั้งสองมีความโดดเด่นและประสิทธิภาพที่สูงขึ้น ด้วยเหตุนี้ คำถามที่พบบ่อยเรื่องที่ว่าจะเลือกซื้อเครื่อง MAC หรือ PC นั้น จึงเป็นคำถามที่พบได้น้อยกว่าคำถามเกี่ยวกับความเข้ากันได้และมันก็เป็นอีกหนึ่งในรสนิยมส่วนตัว ซึ่งข้อเสียเพียงอย่างเดียวในการเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งก็คือ ปัจจัยทางการเงิน เพราะทั้งสองเครื่องที่ว่านี้ก็ไม่มีเครื่องใดเลยที่มีราคาถูกเป็นพิเศษ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงต้องนำอุปกรณ์ทั้งสองมาเปรียบเทียบกัน เพื่อให้คุณได้ข้อสรุปที่ชัดเจนที่สุด ว่าอุปกรณ์ใดสมควรที่จะได้รับเงินจากน้ำพักน้ำแรงที่คุณหามาได้อย่างยากลำบาก
ดีไซน์และรูปลักษณ์
การออกแบบอย่างชาญฉลาด - Apple ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย นับตั้งแต่ MacBook Pro รุ่นที่มีวางจำหน่ายไปก่อนหน้านี้ เพราะมันยังคงมีขนาดและการตกแต่งที่ไม่ต่างไปจากเดิมและมันก็ยังคงใช้ OLED Touch Bar เช่นเคย อย่างไรก็ตาม พวกเราก็ไม่ได้มีข้อร้องเรียนใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะมันก็ยังคงดูโฉบเฉี่ยวและสวยงามเช่นเคย ด้วยโครงสร้าง (Chassis) ที่ทำมาจากอลูมิเนียมแบบเดียวกันและมุมโค้งมนที่สมบูรณ์แบบ เราคงไม่จำเป็นต้องพูดถึงการออกแบบของ MacBook Pro มากนัก เพราะมันเป็นสัญลักษณ์ของ Apple ไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม MacBook Pro ก็ยังคงบางและเบาอย่างน่าทึ่งเมื่อเทียบกับแล็ปท็อปอื่นๆ ที่มีขนาด 15 นิ้ว เหมือนกัน แม้ว่ามันจะไม่ได้เบาที่สุดเท่าที่เราเคยเห็นมา เพราะรางวัลนั้นก็ยังคงตกเป็นของโน๊ตบุ๊ครุ่นเล็กอย่าง LG Gram ซึ่งการที่จะทำให้มันมีน้ำหนักที่ 1.8 กก. ได้นั้น มันจำเป็นที่จะต้องมีรูปร่างที่บอบบาง นอกจากนี้ความหนาที่ 1.6 ซม. ก็ยังทำให้มันดูโดดเด่นสำหรับโน้ตบุ๊กที่มีขนาดเดียวกันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงประสิทธิภาพที่ล้นเหลือของมัน ที่ซ่อนอยู่ภายใต้โครงสร้างดังกล่าว
แต่ก็น่าแปลกใจที่ Dell สามารถทำได้เกือบเท่าเทียมกัน ซึ่งในส่วนของ Dell XPS 15 ที่มีขนาดความกว้างสูงสุด 1.7 ซม. และขอบที่บางที่สุดนั้นเรียวไปจนถึง 1.1 ซม. แม้ว่าในความเป็นจริงมันจะแตกต่างกันน้อยมาก แต่ก็ยังทำให้รู้สึกว่ามันยังดูหนากว่า MacBook Pro อยู่บ้างเล็กน้อย โดยรุ่นที่เราทำการตรวจสอบนั้นมีน้ำหนักที่ 2 กก. ซึ่งก็ถือว่าหนักกว่าเพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม มันสามารถสร้างความแตกต่างได้ถ้าคุณกำลังคิดที่จะแบกมันจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง อย่างไรก็ตามคุณสามารถเลือกเครื่องที่กำหนดค่าให้เบากว่าได้ แต่จอแสดงผลในระดับ 1080p จะไม่ใช่แบบสัมผัส แทนที่จะเป็น Panel แบบสัมผัสที่มีความละเอียดระดับ 4K เหมือนกับตัวที่เรากำลังตรวจสอบ รวมถึงแบตเตอรี่ที่มีขนาดเล็กกว่า
ในด้านของสุนทรียภาพนั้น Dell XPS 15 ก็สามารถทำได้เท่าเทียบกับ MacBook Pro ทุกอย่าง แม้ว่ามันจะหลีกเลี่ยงความเรียบง่ายของ MacBook Pro โดยใช้เหลี่ยมมุม, การตกแต่งด้วยสีดำและตัวคีย์บอร์ดที่หุ้มด้วยคาร์บอนไฟเบอร์อันเป็นเอกลักษณ์ของมัน ซึ่งนั่นก็ทำให้มันดูน่าสนใจไม่แพ้กัน แต่คุณจะเลือกแบบไหนนั้น ก็ต้องขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวของคุณ พวกมันทั้งแข็งแรงและถูกสร้างมาอย่างดี ดังนั้นอายุการใช้งานที่ยืนยาวจึงไม่น่าจะเป็นปัญหา
คีย์บอร์ดและแทร็กแพด
จะว่าไปแล้วคีย์บอร์ดและแทร็กแพดต่างก็เป็นหัวใจสำคัญของแล็ปท็อปทุกเครื่อง แม้ว่าคุณจะมีแผนที่จะเสริมด้วยเมาส์ (External Mouse) และคีย์บอร์ด (External Keyboard) จากภายนอก แต่ก็ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าเมาส์และคีย์บอร์ดที่ติดตั้งมากับเครื่องนั้นพร้อมใช้งาน ในกรณีที่คุณจำเป็นต้องพกพามันไประหว่างการเดินทาง ซึ่งก็เป็นเรื่องที่โชคดีอีก เพราะทั้ง XPS 15 และ MacBook Pro นั้นทำออกมาได้ดีเลยทีเดียวในเรื่องนี้
Dell ได้ติดตั้งคีย์บอร์ดและแทร็กแพดที่ยอดเยี่ยมลงบน XPS 15 เพราะปุ่มกดเหล่านี้ตอบสนองโดยให้ระยะของปุ่มที่เลื่อนลง (Travel Depth) อย่างเหมาะสม รวมถึง Feedback ที่ทำให้รู้สึกดีและกระฉับกระเฉง ในทำนองเดียวกัน แทร็คแพดก็ยังไวต่อการสัมผัส ด้วยพื้นผิวที่ด้านแต่เรียบลื่นทำให้การเลื่อนนิ้วไปมาเป็นเรื่องง่าย ซึ่งถ้าจะต้องสู้กับแล็ปท็อปเครื่องอื่นๆ XPS ก็คงจะสามารถเอาชนะในด้านนี้ได้ ด้วยคะแนนที่ทิ้งห่างจากคู่แข่งชนิดที่เราเองก็คาดไม่ถึง
แต่น่าเสียดายที่ XPS นั้นไม่สามารถนำไปเทียบกับแล็ปท็อปเครื่องอื่นๆ ได้ เพราะมันถูกันไว้ให้เป็นคู่แข่งที่คู่ควรกับ MacBook เท่านั้น เพราะมันเป็นตระกูลของอุปกรณ์ที่นำเสนออินพุตที่ดีที่สุดในระดับเดียวกันมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน ฉะนั้นเราคงไม่ต้องบอกว่า MacBook Pro ใหม่ก็เป็นตัวแทนของแทร็กแพดและ Keyboard Combo ที่ดีที่สุดของ Apple ในปัจจุบันนี้ด้วยเช่นกัน
แป้นพิมพ์ของ MacBook Pro นั้นยังคงใช้กลไกของปุ่มกดแบบผีเสื้อ (Butterfly Mechanism) ซึ่งก็เป็นแบบเดียวกับรุ่นก่อนหน้านี้ แต่มันก็ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นแล้ว และในตอนนี้มันก็ยังมียางรองที่ใต้ปุ่มกด อย่างไรก็ตาม Apple กล่าวว่า นี่คือสิ่งที่พวกเขาทำกับคีย์บอร์ด แต่นั่นก็เพื่อป้องกันฝุ่นที่จะทำให้เกิดความล้มเหลวของฮาร์ดแวร์หรือทำให้ปุ่มใช้งานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ และมันก็เป็นปัญหาที่รบกวน MacBook Pro มาตลอด สำหรับรุ่นก่อนหน้านี้
มันก็ไม่ต่างกันกับรุ่นของปีที่แล้ว และมันก็เป็นแป้นพิมพ์ของแล็ปท็อปที่ดีที่สุดเท่าที่เราเคยใช้มาในระยะหนึ่ง มันแทบจะไม่มีความลึกของระยะปุ่มกดที่เลื่อนลงไป (Travel Depth) ซึ่งโดยปกติแล้วมันจะต้องใช้แรงกด แต่ในทางกลับกันคุณแทบจะไม่ต้องใช้แรงในการเคาะแป้นพิมพ์เลย ทั้งนี้คุณอาจจะต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบของการพิมพ์ไปบ้างเล็กน้อย แต่เมื่อคุณปรับได้แล้วคุณจะพบว่านิ้วของคุณกำลังเต้นรำอยู่เหนือแป้นพิมพ์ ไม่ต่างจากนักเปียโนในคอนเสิร์ตเลยทีเดียว
ในทำนองเดียวกัน แทร็กแพด Force Touch ของ MacBook นั้นมีขนาดที่ใหญ่กว่าแทร็คแพดของ XPS และนั่นก็ทำให้มันมีพื้นผิวที่ใหญ่กว่า XPS กว่าเกือบ 50% และด้วยสิ่งนี้ จึงทำให้การควบคุมทิศทางและการใช้ทางลัดด้วยระบบสัมผัสเป็นไปอย่างง่ายดายและมันก็ยังมอบประสบการณ์การใช้งานที่น่าพึงพอใจได้มากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้แล้ว MacBook Pro ก็ยังมอบประสบการณ์การพิมพ์ที่ดีที่สุดเท่าที่เราเคยมีมา แม้ว่าข้อเสนอของ Dell จะมีมากเกินความสามารถ แต่มันจะไม่ไปเปลี่ยนวิธีการทำงานของคุณ และคีย์บอร์ดของ MacBook Pro ก็ยังคงให้ความรู้สึกเหมือนอย่างที่มันเคยเป็น เช่นเดียวกับแทร็กแพด เพราะหลังจากที่ได้ทดลองใช้ MacBook Pro แล้ว มันยากมากที่จะเปลี่ยนใจไปใช้อย่างอื่น
จอแสดงผล
Apple เป็นที่รู้จักกันดีในด้านการแสดงผลที่ทำออกมาได้น่าประทับใจ เพราะเป็นการบรรจุพิกเซลให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ลงใน MacBook ขนาด 13 นิ้ว และ 15 นิ้ว (ด้วยเหตุนี้มันจึงมีถูกเรียกว่า "Retina Display" ซึ่งเป็นชื่อที่ได้มาจากการเปิดตัวในกลุ่มผลิตภัณฑ์แล็ปท็อปในปี 2555)
แม้ว่าความละเอียดหน้าจอที่ 2,880 x 1,800 พิกเซล ของ MacBook ขนาด 15 นิ้ว อาจจะเทียบไม่ได้กับจอที่มีความคมชัดระดับ 4K ของ Dell XPS แต่มันก็ทำได้ดีในแง่ของความมีชีวิตชีวา (Vibrancy) และความคมชัด (Contrast) ของภาพ เพราะ MacBook มีค่าความสว่าง (Brightness) สูงสุดของจอภาพอยู่ที่ 445cd/m2 และค่า Contrast Ratio ที่ 1,409:1ที่จะช่วยเพิ่มความลึกและคุณภาพให้กับมัน แม้ว่าจำนวนพิกเซลจะเทียบไม่ได้ก็ตาม
สิ่งที่จะมาช่วยเปลี่ยนประสบการณ์ให้ดียิ่งขึ้นไปอีกก็คือ การแสดงผลแบบ True Tone ของมัน ซึ่งตกทอดมาจาก iPad Pro นั่นจึงหมายความว่า จอแสดงผลของ MacBook Pro จะสามารถเปลี่ยนแปลงโดยอัตโนมัติตามแสงโดยรอบ ด้วยเหตุนี้มันจึงได้รับการออกแบบมาเพื่อลดความเมื่อยล้าของดวงตา เมื่อคุณจ้องมองไปที่หน้าจอในที่ที่มีแสงน้อย (หรือแม้แต่ในที่ที่มีแสงแดดจ้า)
น่าเสียดายที่มันทำให้ความแม่นยำของสีบางส่วนผิดเพี้ยนไปจากหน้าจอเมื่อเปิดใช้งาน แต่ประโยชน์ที่คุณจะได้รับนั้นมันมากกว่าเรื่องเล็กน้อยที่ว่านี้ ถ้าคุณคือคนที่กำลังใช้คอมพิวเตอร์ติดต่อกันเวลานานเกินกว่าระยะเวลาที่กำหนด
แม้ว่าหน้าจอของ Dell จะมีความละเอียดสูงกว่า MacBook Pro ของ Apple แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะดีกว่า
อย่างไรก็ตามค่าความละเอียด (Resolution) ของมันดูดีเลยทีเดียว แต่มันก็ไม่ได้แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับของ Apple แม้กระทั่งตอนที่ทำการแก้ไขรูปภาพและวิดีโอ ในขณะที่หลายๆ คนก็คาดหวังที่จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
น่าเสียดายที่ทางเลือกเดียวของจอระดับ 4K ก็คือ การลดระดับความละเอียดของหน้าจอลงไปที่ 1080p ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นการปรับลดรุ่นที่มากเกินไปสำหรับพวกเรา เพราะเราเพียงแค่ต้องการที่จะมีตัวเลือกเพิ่มเติมในส่วนของจอที่มีความละเอียดหน้าจอแบบ QHD (Quad HD) ที่อยู่ตรงกลางระหว่างจอทั้งสองแบบ และเวอร์ชัน 4K ก็ยังเป็นเวอร์ชันเดียวที่เปิดใช้งานระบบสัมผัส ดังนั้น โปรดจำไว้ว่าคุณจะต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษกับเรื่องนี้ หากคุณต้องการฟีเจอร์ดังกล่าว
นอกจากนี้ มันก็ยังทำได้ไม่ดีเท่ากับ MacBook Pro ในเรื่องความแม่นยำของสี (Accurate) เพราะด้วยขอบเขตสี sRGB ที่ 95.5% เมื่อเทียบกับ 99% ที่ทำได้โดยเครื่องของ Apple แต่อย่างเพิ่งเข้าใจเราผิด เพราะเรากำลังจะบอกว่า XPS ก็ยังคงเป็นหน้าจอที่ยอดเยี่ยมและยังเป็นหนึ่งในหน้าจอที่มีประสิทธิภาพสูง เพียงแต่มันอาจจะยังไม่ค่อยน่าประทับใจเท่ากับหน้าจอของ MacBook Pro เมื่อมันต้องทำงานที่ไวต่อแสงสี (Colour Sensitivity) ส่วนค่าความสว่าง (Brightness) สูงสุดของจอภาพที่ 428cd/m2 ก็ยังคงตามหลัง MacBook Pro อยู่ แม้ว่าอัตราส่วนคอนทราสต์ที่ 1638.1: 1 จะดีกว่า MacBook Pro อยู่บ้างเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ต้องบอกก่อนเลยว่าจอแสดงผล InfinityEdge แบบไร้ขอบของ Dell นั้นดูโดดเด่นกว่า MacBook Pro และขอบหน้าจอที่หนามากของมัน นอกจากนี้ก็ยังหมายความว่า XPS จะมีขนาดที่เล็กกว่า MacBook Pro อยู่เล็กน้อย ซึ่งก็เป็นการเพิ่มความสะดวกในการพกพาได้มากยิ่งขึ้น
ข้อมูลจำเพาะและฮาร์ดแวร์
สำหรับอุปกรณ์ที่มีขนาดใหญ่ 15 นิ้ว เช่นอุปกรณ์ทั้งสองเครื่องนี้ ประสิทธิภาพเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงอยู่เสมอ และตอนนี้อุปกรณ์ทั้งสองก็ได้รับการอัปเดตให้มีโปรเซสเซอร์รุ่นที่ 8 ของ Intel เป็นส่วนประกอบแล้ว ซึ่งทั้งคู่ก็น่าจะเท่าเทียมกัน ไม่มากก็น้อย แต่ก่อนที่เราจะพูดถึงเรื่องประสิทธิภาพ เราจะพาไปดูเรื่องฮาร์ดแวร์กันก่อน
อุปกรณ์ทั้งสองใช้ชิป 8th Gen ของ Intel แต่ Dell มีการนำเสนอทางเลือกในระดับที่มากกว่า ด้วยรุ่น Core i5, Core i7 และ Core i9 และ RAM สูงสุด 32GB ซึ่งเราก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับเรื่องนี้แต่อย่างใด
ในขณะเดียวกันทางฝ่าย Apple ก็ได้มีการนำเสนอการกำหนดค่าพื้นฐานสองแบบ ซึ่งก็มีทั้งแบบที่มีโปรเซสเซอร์ Core i7 และ RAM 16GB พร้อมด้วยตัวเลือกที่ประกอบไปด้วยโปรเซสเซอร์ Core i9 และ RAM 32GB ที่มีให้สำหรับการอัพเกรดเพิ่มเติม นอกจากนี้อุปกรณ์ทั้งสองยังมาพร้อมกับ GPU ระดับมืออาชีพ ในกรณีของ XPS 15 พวกเขาเลือกที่จะใช้ Nvidia 1050 Ti (เว้นแต่ว่าคุณจะเลือกใช้การกำหนดค่า Core i5 ที่มีราคาถูกกว่า) ในขณะที่ MacBook Pro นั้นเลือกใช้ Radeon Pro 555X หรือ 560X GPU โดยทั้งคู่มาพร้อมหน่วยความจำ GDDR5 ขนาด 4GB
เราได้มีโอกาสทดสอบ MacBook Pro ที่มีสเปกสูงสุด พร้อมกับ Intel Core i9-8950HK แบบ Hexa-core โดยมีเบสคล็อกที่ 2.9 GHz, GPU AMD Radeon Pro 560X และ RAM 32GB ขณะที่ XPS 15 นั้นเรียบง่ายกว่า ด้วย Intel Core i7-8750H แบบ Hexa-core 2.2GHz, RAM 16GB และ NVIDIA GeForce GTX 1050 Ti นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เราคาดว่า MacBook Pro จะมีประสิทธิภาพเหนือกว่า XPS อย่างมาก แต่มันกลับไม่ใช่อย่างที่เราคิด
แทนที่เราจะได้เห็นประสิทธิภาพที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดจากอุปกรณ์ทั้งสอง แต่ปรากฏว่า XPS 15 ก็ยังสามารถตาม MacBook Pro ทัน ด้วยคะแนนที่ไม่มากไม่น้อยไปกว่ากันเท่าใด แม้ว่ามันจะมีฮาร์ดแวร์ที่มีประสิทธิภาพน้อยกว่าก็ตาม โดยคะแนนของ XPS 15 ที่ได้จากการทดสอบตามมาตรฐาน Geekbench 4 แบบ Single และ Multi-core นั้นอยู่ที่ 4,952 และ 21,485 คะแนน ซึ่งก็ถือว่าตามหลัง อยู่ประมาณ 10% จากที่ MacBook Pro ทำได้ที่ 5,558 และ 23,463 คะแนน และผลจากการทดสอบเกณฑ์มาตรฐานที่ได้รับการสนับสนุนจากเรานั้น XPS 15 ตามหลัง MacBook Pro อยู่เพียง 5 คะแนน เท่านั้นเอง
เรารู้สึกประทับใจ XPS 15 ยิ่งขึ้นไปอีก เพราะมันยังคงประสิทธิภาพนี้ไว้ในการวัดเปรียบเทียบสมรรถนะระดับ Workstation-Grade ของเรา โดย MacBook ทำได้น้อยกว่า 200 คะแนน ในการทดสอบการเรนเดอร์ด้วยโปรแกรม LuxMark GPU และในความเป็นจริง XPS 15 ก็สามารถเอาชนะ MacBook ได้ในทั้งสองส่วนของการทดสอบ CineBench
นั่นเป็นผลลัพธ์ที่ทำให้เรารู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง และมันก็น่าจะเป็นประโยชน์กับ XPS 15 อย่างแน่นอน แม้ว่าในทางเทคนิคแล้ว MacBook Pro จะทำได้เร็วกว่าเล็กน้อย แต่ XPS ก็เกือบที่จะทำได้เท่ากับมัน ด้วยส่วนประกอบที่อยู่ในระดับ Lower-classed ซึ่งเราเองก็ต้องการที่จะทราบว่าเวอร์ชั่นที่ใช้ Core i9 นี้ จะสามารถทำอะไรได้บ้างเมื่อพิจารณาจากผลลัพธ์เหล่านี้
อย่างไรก็ตามยังมีสิ่งหนึ่งที่ XPS 15 ไม่สามารถทำได้เทียบเท่ากับโน้ตบุ๊กของ Apple ได้ นั่นก็คือพื้นที่จัดเก็บข้อมูล ด้วยความเร็วในการอ่านและเขียนที่ 2.6GB/วินาที ของ MacBook Pro ที่ยังคงไม่มีใครเทียบได้ และแม้ว่า Dell จะทำเวลาตามมาติดๆ สำหรับความเร็วในการอ่าน แต่มันก็ยังทำได้ไม่ถึงครึ่งหนึ่งเสียด้วยซ้ำ เมื่อเทียบกันด้วยความเร็วในการเขียน
ประสิทธิภาพในด้านการใช้พลังงานที่เป็นลักษณะเฉพาะของ MacBook Pro ก็ยังมีให้เห็นจากที่นี่ เพราะมันสามารถทำเวลาได้ที่ 8 ชม. กับอีก 1 นาที จากการทดสอบแบตเตอรี่ของเรา ซึ่งก็เห็นได้ชัดด้วยเวลาที่ต่างกันถึง 45 นาที เมื่อเทียบกับ XPS 15 ที่ทำเวลาได้ที่ 7 ชม. 14 นาที อย่างไรก็ดี ควรสังเกตว่าหน้าจอระดับ 4K ของ XPS นั้น ใช้พลังงานอย่างสิ้นเปลือง ซึ่งเราก็คาดหวังไว้ว่ารุ่นที่มีความละเอียดของหน้าจอ 1080p จะทำเวลาได้ดีขึ้นในการทดสอบแบบเดียวกันนี้ ถึงกระนั้น เราก็ได้ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจจากทั้งสองแบบ เนื่องด้วยประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์ แต่ในรอบนี้ Apple ก็ยังสามารถเอาชนะ XPS 15 ได้ ในเรื่องของอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า
อีกสิ่งหนึ่งที่ควรคำนึงถึงก็คือ เครื่องของ Apple นั้นยากที่จะให้บริการและอัพเกรด หากคุณต้องการที่จะเปลี่ยนหรือแก้ไขส่วนประกอบต่างๆ ของ MacBook Pro มีโอกาสที่คุณจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในราคาที่สูงและต้องเสียเวลาพอสมควรกับเรื่องนี้ ซึ่ง Dell ก็ทำให้การเข้าไปในตัวเครื่องของ XPS นั้นง่ายยิ่งขึ้น แต่สิ่งที่คุณจะต้องมีก็คือไขควง เพื่อเปิดและจัดการกับฮาร์ดแวร์
พอร์ตและฟีเจอร์ต่างๆ
เราก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจเป็นพิเศษที่ Apple มีความได้เปรียบเหนือ Dell ในแง่ของคุณภาพด้านการแสดงผล เช่นเดียวกัน กับการที่รู้ว่า XPS 15 นั้นอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ MacBook Pro เมื่อพูดถึงพอร์ตต่างๆ และอุปกรณ์อินพุต (Input) เช่นเดียวกับรุ่นก่อนหน้านี้ MacBook Pro รุ่นล่าสุดได้เปลี่ยนมาใช้พอร์ต Thunderbolt 3 ทั้งหมด และแม้ว่ามันจะมีการจัดทั้งสรรพอร์ตทั้งสี่อย่างค่อนข้างหลากหลายแล้ว แต่คุณอาจจะต้องมีอะแดปเตอร์เสริมติดไว้ ถ้าคุณต้องการใช้อุปกรณ์ต่อพ่วงเป็นส่วนใหญ่
ในทางกลับกัน XPS นั้นเต็มไปด้วยพอร์ตต่างๆ ไม่เพียงแต่จะมีพอร์ต Thunderbolt 3 เท่านั้น แต่มันยังมีพอร์ต USB 3.1 อีก 2 พอร์ต พร้อมทั้งเครื่องอ่าน SD Card หรือแม้แต่พอร์ต HDMI ซึ่งเป็นสิ่งที่หายากเมื่อเทียบกับโน้ตบุ๊กสมัยใหม่ แต่ถึงอย่างนั้น เราก็ควรที่จะต้องหักคะแนนมันในฐานะที่มันมีพอร์ต Thunderbolt 3 เพียงพอร์ตเดียว เพราะมันเองก็มีพอร์ตสำหรับชาร์จโดยเฉพาะสำหรับจัดการกับหน้าที่จ่ายไฟ ซึ่งทำให้พอร์ต Thunderbolt 3 เป็นอิสระสำหรับการส่งผ่านข้อมูลความเร็วสูง (High-speed Data) หรือการเชื่อมต่อกับจอภาพ (Display Connector)
นอกจากนี้ XPS 15 ก็ยังมีคุณสมบัติบางอย่างที่ MacBook Pro ไม่มี เช่น การจดจำใบหน้าผ่าน Windows Hello นอกเหนือจากเครื่องอ่านลายนิ้วมือที่มีอยู่ในปุ่ม Power แม้ว่า Apple จะมี Touch ID สำหรับความสามารถในการเข้าสู่ระบบด้วยวิธีการยืนยันตัวตนโดยใช้ข้อมูลทางชีวภาพ (Biometric Login) แต่มันก็ไม่ได้อำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้ได้เท่ากับ Windows Hello
เรายังคงรู้สึกลังเลเกี่ยวกับประโยชน์โดยรวมของ Touch Bar แม้ว่าจะเป็นเรื่องดีที่มันจะช่วยให้คุณสามารถปรับแต่งทางลัดของคุณในแต่ละแอพพลิเคชั่นได้ และคุณสมบัติตามบริบทบางอย่างสำหรับแอพพลิเคชั่นอย่าง Adobe Photoshop ก็ถือว่าดีมาก แต่เราก็พบว่าตัวเองลืมที่จะใช้มันเกือบตลอดเวลา
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องอื่นๆ ที่ควรค่าแก่การพูดถึง นั่นก็คือการรองรับการแสดงผลแบบ InfinityEdge ที่น่าประทับใจ อย่างไรก็ตาม Dell ได้กลับมาติดกล้องไว้ที่ขอบด้านล่างของหน้าจออีกครั้ง ดังนั้น จงเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับบางมุมมองที่ไม่น่าดู หากคุณจำเป็นที่จะต้องใช้มันสำหรับการประชุมผ่านทางวิดีโอ
สรุป
MacBook Pro จัดว่าเป็นแล็ปท็อปที่เกือบจะสมบูรณ์แบบที่สุด ด้วยน้ำหนักที่เบา, รูปลักษณ์ที่น่าดึงดูด และมันก็ยังขึ้นชื่อในเรื่องของความเร็วอีกด้วย อย่างไรก็ตามประสิทธิภาพของ XPS 15 ก็ไม่ได้ต่างกันมากนัก และการที่ Dell สามารถจัดการเพื่อปิดช่องว่างของผลงานที่เกิดขึ้น (Performance Gap) ได้ นั่นก็หมายความว่ามันทั้งคู่มีความเท่าเทียมกันมากกว่าที่เคยเป็นมา
ในขณะที่ฟังดูเหมือนกับว่ามันเป็นเคสที่ตัดสินใจได้ง่ายๆ ไม่มีอะไรซับซ้อน แต่ MacBook Pro ก็ยังมีข้อได้เปรียบที่สำคัญบางอย่าง ประการแรก มันมีหน้าจอที่แสดงผลได้ดีกว่ามาก ส่วนที่เหลือก็คือ มันมีโครงสร้างที่เบาและคล่องตัวมากกว่า อย่างไรก็ตาม ยังมีเรื่องสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่เรายังไม่ได้พูดถึง นั่นก็คือเรื่องของราคา ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าผลิตภัณฑ์ของ Apple นั้น จัดอยู่ในกลุ่ม Premium Product มาโดยตลอด และจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ส่งผลกระทบต่อโปรไฟล์ที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ของพวกเขาในฐานะฮาร์ดแวร์ระดับ Enterprise-Grade อย่างไรก็ตามในกรณีนี้เราคิดว่า MacBook Pro มีราคาแพงมากเกินไป
XPS 15 รุ่นที่เราใช้ในการทดสอบนั้นมีราคาที่ £1,541 ซึ่งนั่นก็เป็นราคาที่ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ในขณะที่ MacBook Pro ขนาด 15 นิ้ว ที่ถูกที่สุดนั้นมีราคาที่แพงกว่า £800 และที่ £2,774 (ก่อนหักภาษี) ส่วนการกำหนดค่าของเครื่องที่เราตรวจสอบนั้นมีราคาสูงกว่า XPS 15 เกือบสองเท่า ซึ่งในความเป็นจริง Apple ก็น่าจะมีอะไรเพิ่มเติมอีกมากมายพอสมควร บริษัทจึงเรียกเก็บเงินจำนวนมากถึง £5,174 สำหรับรุ่นที่เราทำการทดสอบ แต่ก็มีประมาณ 3,000 รายการ ที่สามารถหลุดออกไปได้ โดยการเปลี่ยนเป็น 4TB SSD เป็นรุ่น 512GB ในขั้นตอนการชำระเงิน
ความจริงแล้ว MacBook Pro และ XPS 15 นั้นถือว่าสูสีกันมากในแง่ของคุณภาพ แต่การแข่งกับคนอื่นเพื่อให้ได้ตำแหน่งที่ดีที่สุดในทุกๆ ด้านนั้นคือประเด็นสำคัญ ดังนั้น ถ้าคิดว่าพวกเขามีความใกล้เคียงกันมาก มันคงเป็นเรื่องเรื่องน่าเศร้าใจอย่างยิ่งที่ Apple เรียกเก็บเงินมากพอๆ กับที่ MacBook Pro รุ่น 15 นิ้ว กำลังทำอยู่ และถ้าคุณคิดจะเรียกเก็บเงินมากเป็นสองเท่าของราคาของคู่แข่งแล้วละก็ ผลิตภัณฑ์ของคุณจะต้องดีกว่าของคู่แข่งเป็นสองเท่า แต่ MacBook ก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น
หากคุณกำลังคันไม้คันมือที่จะใช้งบประมาณด้านไอทีจำนวนมหาศาลของคุณ จงอย่าพลาดที่จะเป็นเจ้าของ MacBook Pro ใหม่ เพราะถ้าเทียบกับค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไป มันก็จัดว่าเป็นแล็ปท็อปที่ดีที่สุดเท่าที่คุณจะสามารถหาซื้อได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับบางคนที่คำนึงถึงความเหมาะสมเป็นหลัก คุณควรเลือก Dell XPS 15 เพราะมันก็คือ MacBook ที่มีคุณภาพในราคาที่ถูกกว่าครึ่งหนึ่ง
ที่มา: https://bit.ly/362Q5mZ
สงวนลิขสิทธิ์ Copyright © 2024 บริษัท ควิกเซิร์ฟ โปรไวเดอร์ จำกัด
124/124 หมู่ที่ 2 ถนนนครอินทร์ ตำบลบางสีทอง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี 11130
โทรศัพท์ 0-2496-1234 โทรสาร 0-2496-1001