Dell Latitude และ Dell Precision แล็ปท็อปสายธุรกิจที่ดีที่สุด
Dell Latitude และ Dell Precision แล็ปท็อปสายธุรกิจที่ดีที่สุดแห่งปี 2019
Dell ได้มีการขยายรูปแบบการให้ทางธุรกิจของพวกเขาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และจนถึงตอนนี้พวกเขาก็มีผลิตภัณฑ์แทบจะทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นแท็บเล็ตที่สามารถถอดแยกส่วนของคีย์บอร์ดออกมาได้ (Detachable Tablet) ไปจนถึงWorkstation ประสิทธิภาพเยี่ยมและทนทาน (และราคาแพง) อีกด้วย ซึ่งผู้ใช้งานตามสำนักงาน (Business User) แต่ละคนต่างก็มีความต้องการที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้น Dell จึงมีความพยายามที่จะช่วยคุณในการตอบสนองความต้องการเหล่านั้น เราจึงได้ทำการรวบรวมรายชื่อแล็ปท็อปสายธุรกิจของ Dell ที่เราชื่นชอบ โดยจัดเรียงตามลำดับหมวดหมู่ (Category) ของผลิตภัณฑ์
ไม่ว่าจะเป็นแป้นพิมพ์ที่สะดวกสบาย, โครงสร้างของตัวเครื่องที่แข็งแกร่งทนทาน รวมถึงคุณสมบัติด้านความปลอดภัยที่หลากหลาย ซึ่งคุณสมบัติทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นสิ่งที่คุณจะได้รับจากโน้ตบุ๊คระดับองค์กร (Enterprise-level) ที่เรากำลังจะนำเสนอต่อจากนี้ไป นั่นก็คือ Dell Precision และ Dell Latitude แล็ปท็อปที่ดีที่สุดที่คุณสามารถหาซื้อได้แล้วในวันนี้ แต่เดี๋ยวก่อน ถ้าคุณกำลังมองหาวิธีที่จะช่วยให้คุณประหยัดอยู่ล่ะก็ ลองตรวจสอบดูที่หน้าข้อเสนอที่ดีที่สุดสำหรับ Dell ของเรา และเมื่อใดก็ตามที่คุณทำการเลือกโน๊ตบุ๊คของคุณได้เรียบร้อยแล้ว โปรดอย่าลืมตรวจสอบรายการอุปกรณ์เสริมที่ดีที่สุดสำหรับแล็ปท็อปของคุณ
ข่าวสารและอัพเดทกิจกรรม (สิงหาคม 2562)
• เราได้ทำการตรวจสอบ Latitude 7400 2-in-1 ซึ่งจัดว่าเป็นแล็ปท็อปสายธุรกิจที่ทันสมัยที่สุดของDell ที่สามารถใช้งานได้ยาวนานกว่า13 ชั่วโมง จากการชาร์จเพียงครั้งเดียว
แล็ปท็อปที่มีคุณสมบัติโดยรวมดีที่สุด: Dell Latitude 7400 2-in-1
ใครบ้างจะคาดคิดว่าหัวหน้าฝ่ายไอทีสามารถที่จะทำประโยชน์ให้กับเพื่อนร่วมงานของพวกเขา โดยการสั่งซื้อแล็ปท็อป Latitude 7400 2-in-1 เพราะด้วยลักษณะของตัวเครื่องที่เพรียวบาง, น้ำหนักที่ค่อนข้างเบา และที่โดดเด่นที่สุดก็น่าจะเป็นเรื่องของอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ สำหรับ Dell Latitude ที่ได้รับการ Redesign นี้ ได้รับฉายาว่าเป็น Road Warrior หรือนักรบแห่งท้องถนนที่สมบูรณ์แบบ นั่นเป็นเพราะมันเหมาะที่จะเป็นแล็ปท็อปสำหรับการเดินทางเพื่อธุรกิจในระยะยาว นอกจากนี้ Latitude รุ่นดังกล่าวก็ยังอัดแน่นไปด้วยประสิทธิภาพและยังมาพร้อมกับเซ็นเซอร์ในการตรวจจับวัตถุที่อยู่ใกล้ (Proximity Sensor) ซึ่งมีคุณสมบัติในการตรวจจับผู้ใช้งาน ในกรณีที่คุณเดินพ้นจากตัวเครื่อง มันก็จะเข้าสู่โหมด Sleep พร้อมทั้งล็อกตัวเอง และหลังจากที่คุณเดินกลับเข้ามาระบบก็จะถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้งและพร้อมที่จะให้คุณล็อก-อินเข้าสู่ระบบ ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยประหยัดพลังงานและยังเป็นการรักษาความปลอดภัยได้ในระดับหนึ่ง
จุดเด่น:การดีไซน์ของรูปทรงที่ดูเพรียวบางและทันสมัย, ประสิทธิการทำงานที่ยอดเยี่ยม รวมถึงอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 13 ชั่วโมง พร้อมทั้งเซ็นเซอร์ในการตรวจจับวัตถุที่อยู่ใกล้ (Proximity Sensor) ทั้งหมดนี้จะช่วยให้การเดินทางเพื่อการติดต่อทางธุรกิจของคุณนั้นง่ายดายขึ้น
จุดด้อย:จอแสดงผลที่อาจจะเจิดจรัสสว่างชัดเจนมากเกินไป กับลำโพงที่คุณภาพไม่ค่อยดีนัก
ข้อมูลจำเพาะหลัก: CPU: Intel Core i5/Core i7 | GPU: Intel UHD 620 | RAM: 8GB/16GB | Storage: 128GB/256GB/512GB | จอแสดงผล: 14 นิ้ว, ความละเอียด 1080p | ขนาดตัวเครื่อง:12.6 x 7.9 x 0.6 นิ้ว |น้ำหนัก: 3 ปอนด์
แล็ปท็อปที่มีประสิทธิภาพดีที่สุด: Dell Precision 3530
สำหรับ Dell Precision 3530 ที่มีลักษณะภายนอกที่ค่อนข้างจะเหมือนกับแล็ปท็อปสายธุรกิจแบบโบราณ แต่สิ่งที่อยู่ภายในของมันต่างหากที่จะเป็นตัวดึงดูดความสนใจของคุณ เบื้องหลังของประสิทธิภาพที่ร้ายกาจของมันนั้นประกอบไปด้วย โปรเซสเซอร์ Xeon E-2176M, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 32GBและ Quadro P600 ที่เป็นกราฟิกการ์ดแบบแยก (Discrete GPU) นอกจากนี้ Dell Precision 3530 ยังมีการนำเสนอในเรื่องของประสิทธิภาพการทำงานที่โดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นการจัดทำเอกสารที่มีข้อมูลและตัวเลขที่ซับซ้อนหรือแม้แต่การเล่นวิดีโอเกมหลังจากเลิกงานก็ตาม ซึ่งโดยทั่วไปแล้วประสิทธิภาพที่เพิ่มมากขึ้นก็มักจะหมายถึงระยะเวลาของการใช้งานของแบตเตอรี่ที่จะต้องสั้นลง แต่นั่นต้องไม่ใช่ในกรณีของ Precision 3530 เพราะมันสามารถใช้งานได้ยาวนานเกือบ 9 ชั่วโมง สำหรับการชาร์จแต่ละครั้ง นอกจากนี้ ผู้ใช้งานระดับองค์กรจะต้องรู้สึกประทับใจกับปุ่มกดของคีย์บอร์ดที่มีรูปร่างแบน (Chiclet-Style)ของ Precision 3530 ที่ให้สัมผัสนุ่มสบาย รวมถึงโครงสร้างของตัวเครื่องที่มีความแข็งแกร่งระดับ Military Grade
จุดเด่น:ด้วยโครงสร้างของตัวเครื่องที่แข็งแกร่งทนทาน และแป้นพิมพ์ที่จะช่วยให้คุณเพลิดเพลินไปกับการพิมพ์ที่สะดวกสบาย มันจะช่วยให้การทำงานของคุณมีประสิทธิภาพและสำเร็จได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ทั้งยังมีลำโพงที่เสียงดัง และแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้นสำหรับการชาร์จในแต่ละครั้ง
จุดด้อย:เป็นการออกแบบที่ค่อนข้างจะธรรมดาเกินไป และในส่วนของจอแสดงผลก็ยังจัดว่ามีคุณภาพระดับ "ปานกลาง"
ข้อมูลจำเพาะหลัก: CPU: โปรเซสเซอร์ Intel Xeon E-2176M | GPU: Nvidia Quadro P600 (VRAM ขนาด 4GB) | RAM: 32GB | Storage: 32GB/512GB PCIe NVMe Class 50 | จอแสดงผล: 15.6นิ้ว, ความละเอียด 1080p | ขนาดตัวเครื่อง:14.8 x 9.9 x 1 นิ้ว | น้ำหนัก: 5.1 ปอนด์
แล็ปท็อปที่จะช่วยให้คุณจัดสรรงบประมาณได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด: Dell Latitude 5490
หากคุณกำลังอยู่ในช่วงของการเริ่มต้นทำธุรกิจขนาดเล็ก และยังขาดเงินทุนที่จะจัดซื้อ Workstation ให้กับพนักงานแต่ละคน และถ้าเป็นเช่นนั้นก็ลองรับพิจารณา Latitude 5490ไว้ดูสักรุ่น เพราะมันเป็นแล็ปท็อปสายธุรกิจที่มีราคาไม่แพงจนเกินไป ด้วยราคาเริ่มต้นที่ $799ซึ่งนั่นก็จะเป็นวิธีที่จะช่วยให้คุณประหยัดงบประมาณได้มากเลยทีเดียว โดยราคาที่ว่านี้ยังรวมถึงประสิทธิภาพการทำงานที่ดีเยี่ยม, อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ (Battery Life) ที่ใช้ได้ยาวเวลานานถึง9ชั่วโมง (โดยประมาณ) พร้อมแป้นพิมพ์ที่สะดวกสบาย และสิ่งที่สำคัญที่สุดของ Latitude 5490ก็คือฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่หลากหลายซึ่งประกอบไปด้วย ระบบตรวจสอบลายนิ้วมือ (Fingerprint Sensor) และกล้องวงจรปิดแบบ Infrared (IR Camera) เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลที่สำคัญของบริษัทจะได้รับการดูแลและปกป้องเป็นอย่างดี และแน่นอนว่าจอแสดงผลของ Latitude 5490นั้น อาจจะทำให้คุณรู้สึกผิดหวังไปบ้าง แต่มันก็ยังคงทำหน้าที่ได้ดีในฐานะของจอที่ 2 หรือที่เรียกกันว่า "Second Screen"ในขณะที่แล็ปท็อปมีการเชื่อมต่อกับจอภาพผ่าน USB-C
จุดเด่น:แล็ปท็อปประสิทธิภาพเยี่ยม สามารถทำงานอย่างต่อเนื่องได้ตลอดทั้งวัน มาพร้อมกับแป้นพิมพ์ที่ให้ความสะดวกสบาย และตัวเลือกด้านความปลอดภัยที่หลากหลาย
จุดด้อย:จอแสดงผลที่ขาดความมีชีวิตชีวา แถมคุณภาพของลำโพงก็ยังดูแย่กว่ามาตรฐาน ทั้งยังพบว่าเครื่องมีอุณหภูมิเพิ่มขึ้นขณะใช้งาน
ข้อมูลจำเพาะหลัก: CPU: Intel Core i7-8650U | GPU: Intel UHD Graphics 620 | RAM: ขนาด 8GB | Storage: 256GB M.2 PCIe NVMe SSD | จอแสดงผล: ขนาด14 นิ้ว | ความละเอียด: 1080p | ขนาดตัวเครื่อง:13.1 x 9 x 0.8 นิ้ว | น้ำหนัก: 3.8 ปอนด์
Workstationที่ดีที่สุด: Dell Precision 7730
ใครบ้างที่ต้องการแล็ปท็อปที่ใหญ่ที่สุดและเจ๋งที่สุดในคลังสินค้าของDell? ถ้าพูดถึงเรื่องของความประหยัดของ Precision 7730 ที่เป็นเวิร์กสเตชันขนาด 17 นิ้ว เราจะพบว่ามันมีส่วนประกอบที่ทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ และยังเป็นหนึ่งในแล็ปท็อปที่มีจอแสดงผล 4K ที่สวยที่สุดเท่าที่เราเคยทดสอบมา มันยังไม่จบเพียงเท่านั้น เพราะโครงสร้างที่ทำมาจากคาร์บอนไฟเบอร์ (Carbon Fiber) จึงทำให้มันดูทันสมัย นอกจากนี้มันยังได้รับการจัดอันดับความทนทานในระดับ Military-Gradeซึ่งหมายความว่ามันสามารถเอาชีวิตรอดได้ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย หรือถ้าหากคุณต้องการที่จะพักผ่อนหลังเลิกงาน คุณก็ยังสามารถใช้แป้นพิมพ์ที่สะดวกสบายและกราฟิกการ์ดแบบแยก (Dedicated Graphics Card) ของ Precision 7730 เพื่อเล่นวิดีโอเกมที่ต้องใช้การตั้งค่ากราฟิกสูงๆ ได้อีกด้วย
จุดเด่น:จอแสดงผลระดับ 4K ที่มีความคมชัดสูง ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งโครงสร้างที่แข็งแกร่งและทนทานของตัวเครื่อง
จุดด้อย:จัดว่าเป็นแล็ปท็อปที่มีราคาค่อนข้างแพง นอกจากนี้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ก็ยังต่ำกว่ามาตรฐาน ทั้งยังพบว่าตัวเครื่องมีอุณหภูมิเพิ่มขึ้นง่ายขณะที่เครื่องทำงาน
ข้อมูลจำเพาะหลัก: CPU: Intel Core i9-8950HK | GPU: Nvidia Quadro P5200 พร้อม RAM ขนาด 16GB | RAM: ขนาด 32GB | Storage: 2X 512GB PCIe NVMe SSD | จอแสดงผล: ขนาด 17.3 นิ้ว | ความละเอียด: ระดับ 4K |ขนาดตัวเครื่อง:16.3 x 10.8 x 1.2 นิ้ว | น้ำหนัก: 7.5 ปอนด์
ที่สุดของแล็ปท็อป ประเภท 2-in-1: Dell Latitude 7390 2-in-1
สำหรับ Latitude 7390 2-in-1นั้น ที่จัดว่าเป็นการผสมผสานพีซีสายธุรกิจ (Business PC) ที่ค่อนข้างหายาก เพราะว่ามันสามารถที่จะเปลี่ยนจากแล็ปท็อปให้มีรูปแบบการใช้งานไปเป็นแท็บเล็ตได้ แม้ว่า Dell จะยังไม่ประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบ ในการทำให้เครื่องจักรขององค์กรมีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น จากการนำเสนอฟังก์ชันการทำงานแบบ2-in-1แต่ Latitude 7390 2-in-1ของพวกเขา ก็ยังทำหน้าที่สำคัญได้เป็นอย่างดี ยกตัวอย่างเช่น ซีพียู Core i7-8650U ของแล็ปท็อปที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับการใช้งานแอพพลิเคชั่นมัลติมีเดียที่ซับซ้อน พร้อมจอแสดงผลแบบ Touch-Screen ขนาด 13.3นิ้ว ที่สว่างและสดใส แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นการใช้ประโยชน์ที่ก่อให้เกิดการสิ้นเปลืองพลังงาน แต่ Latitude 7390 2-in-1 ก็ยังคงสามารถใช้งานได้ยาวนานมากกว่าหนึ่งวัน ต่อการชาร์จในหนึ่งครั้ง ในขณะที่แป้นพิมพ์ของ 7390 2-in-1 ก็อาจจะไม่ได้ทำให้คุณรู้สึกสะดวกสบายที่สุด แต่เครื่องลูกผสมรุ่นนี้ก็ยังคงเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักออกแบบและวิศวกรที่ต้องการความยืดหยุ่นจากแล็ปท็อปที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ (Convertible Laptop) ตัวนี้
จุดเด่น:ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีเยี่ยม พร้อมจอแสดงผลที่ดูสดใสมีชีวิตชีวา และอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้ยาวนานข้ามวัน
จุดด้อย:การออกแบบยังคงเน้นถึงความเรียบง่าย ไม่ดึงดูดความสนใจเท่าที่ควร รวมถึงแป้นพิมพ์ที่ค่อนข้างคับแคบ
ข้อมูลจำเพาะหลัก: CPU: Intel Core i7-8650U | GPU: Intel UHD Graphics 620 | RAM: ขนาด 16GB |Storage: 512GB SSD | จอแสดงผล: ขนาด13.3นิ้ว | ความละเอียด: 1080p | ขนาดตัวเครื่อง:12 x 8.3 x 0.8 นิ้ว | น้ำหนัก: 3.2 ปอนด์
แท็ปเล็ตที่ดีที่สุด: Dell Latitude 5290 2-in-1
เป็นที่ทราบกันดีว่า แท็บเล็ตเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับงานที่ต้องทำในขณะที่อยู่บนท้องถนนหรือแม้แต่พื้นที่คับแคบ เพื่อให้ทุกที่เป็นที่ทำงานของคุณ เนื่องจากขนาดที่เล็กกะทัดรัดและหน้าจอระบบสัมผัส (Touch Screens) ที่ตอบสนองได้ดีของมัน แต่แท็บเล็ตเหล่านั้นก็ไม่ได้อำนวยความสะดวกในการใช้งานเสมอไป ซึ่ง Dellก็ได้มีการรับมือกับปัญหาที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับMicrosoft Surface Pro โดยการแก้ไขปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของเรา นั่นก็คือ การออกแบบให้ Latitude 5290 2-in-1 สามารถถอดจอเพื่อใช้เป็นแท็บเล็ตได้ มาพร้อมกับขาตั้งที่ปรับระดับได้ เพื่อประสบการณ์การทำงานที่ราบรื่นยิ่งขึ้น เพียงกดที่ขอบด้านล่างของแล็ปท็อปลงบนโต๊ะและดึงขาตั้งที่ปรับระดับได้ออกมา ด้วยกลไกอันชาญฉลาดที่ผสานรวมกับอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานของ5290 2-in-1 จึงทำให้มันเป็นเพื่อนร่วมทางที่สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับคุณ
จุดเด่น:ด้วยขาตั้งที่มีกลไกอันชาญฉลาดที่สามารถระดับได้ แบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้ยาวนานยิ่งกว่า และกล้อง Webcamที่จะช่วยภาพของคุณชัดเจนทุกรายละเอียด
จุดด้อย:ลำโพงมีคุณภาพที่ยังไม่ถึงขั้น (Weak Speakers) และยังเป็นรุ่นที่มีพื้นที่จัดเก็บน้อย
ข้อมูลจำเพาะหลัก: CPU: Intel Core i5-8350U | GPU: Intel UHD Graphics 620 | RAM: ขนาด 8GB | Storage: 256GB NVMe SSD | จอแสดงผล: ขนาด12.3 นิ้ว | ความละเอียด: 1920 x 1280 พิกเซล | ขนาดตัวเครื่อง: 11.5 x 8.5 x 0.6 นิ้ว | น้ำหนัก: 2.8 ปอนด์
แล็ปท็อปที่ทนทานที่สุด : Dell Latitude 5420 Rugged
จากการทดสอบ Latitude 5420 Rugged ด้วยการทิ้งลงบนพื้นในระยะ3 ฟุต จากนั้นก็ราดด้วยน้ำ เราพบว่ามันไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด นี่แสดงให้เห็นว่ามันคืออาวุธร้ายที่ผ่านการทดสอบมาตรฐานความทนทานในระดับชั้นMilitary-Grade เพราะเราแทบจะไม่สามารถทำอะไรมันได้เลย ตั้งแต่การทำหล่นซ้ำแล้วซ้ำอีก ไปจนถึงเผชิญกับทรายและฝุ่นละออง ซึ่งการพิสูจน์ในขั้นตอนต่อจากนี้ไป ก็เพื่อพิสูจน์ว่าLatitude 5420 Ruggedเหมาะที่จะเป็นอุปกรณ์สำหรับการใช้งานนอกสถานที่หรือไม่ นั่นก็คือ อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่ยาวนานและหน้าจอระบบสัมผัสที่ยอดเยี่ยมของมัน ที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนในสภาพที่มีแดดจัด และสำหรับผู้ที่ต้องการใช้มันเพื่อเล่นเกมหรือใช้งานโปรแกรมต่างๆ ที่เน้นการใช้งานด้านกราฟิกนั้น Latitude 5420 Rugged ก็ยังมี AMD Radeon RX540 ที่เป็นการ์ดจอแยกและคีย์บอร์ดRGB พร้อมปุ่มกดที่สะดวกสบาย
จุดเด่น:ตัวเครื่องที่มาพร้อมกับจอแสดงผลที่สว่างสดใส และมันจะยังคงสภาพดีอยู่หลังจากที่คุณทำมันหล่นลงพื้นที่ระยะ 3 ฟุต มันมาพร้อมกับประสิทธิภาพการทำงานที่รวดเร็วยิ่งขึ้น แบตเตอรี่ที่มีอายุการใช้งานได้ยาวนานตลอดทั้งวัน และที่ขาดไม่ได้ก็คือแป้นพิมพ์ RGB ที่จะมอบความสะดวกสบายให้กับกิจกรรมในแต่ละวันของคุณ
จุดด้อย:ราคาแพง และไม่มีพอร์ต Thunderbolt 3 ให้ด้วย
ข้อมูลจำเพาะหลัก: CPU: Intel Core i7-8650U | GPU: AMD Radeon RX540 | RAM: ขนาด 16GB | Storage: 512GB M.2 PCIe NVMe Class 40 SSD | จอแสดงผล: ขนาด 14 นิ้ว | ความละเอียด: 1080p | ขนาดตัวเครื่อง:13.7 x 9.6 x 1.3 นิ้ว | น้ำหนัก: 6.2 ปอนด์
วิธีที่ใช้ทดสอบแล็ปท็อป
เมื่อใดก็ตามที่มีการนำแล็ปท็อปเข้ามาในห้องแล็บของเรา เป้าหมายของเราก็คือ ทำการตรวจสอบเพื่อดูว่ามันจะทำงานอย่างไรถ้าหากคุณนำมันเข้าไปใช้ในบ้านหรือในสำนักงานของคุณ ขณะเดียวกันเราก็มีเกณฑ์ที่ใช้ชี้วัดความสามารถ (Benchmarks) หลากหลายรูปแบบ ที่จะเป็นตัวชี้วัดคุณภาพตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เช่น Geekbench และ 3DMarkโดยจะเน้นหนักในเรื่องของการทดสอบที่เกิดจากสถานการณ์ในโลกแห่งความจริง (Real World) ซึ่งเป็นการทดสอบที่เราได้พัฒนาขึ้นมาเอง
ดังนั้น เพื่อเป็นการทดสอบความทนทาน (Endurance) เราจึงทำการทดสอบ Laptop Mag Battery โดยการท่องเว็บอย่างต่อเนื่องผ่าน Wi-Fiที่ความสว่าง 150 nits จนกระทั่งระบบหยุดการทำงาน และเพื่อเป็นการตัดสินความสามารถในการประมวลผล (Processing Power) อย่างสมบูรณ์ เราจึงใช้สเปรดชีต (Spreadsheet) ขนาดใหญ่ที่เปิดใช้งานมาโคร (Macro) เพื่อจับคู่ชื่อ 65,000ชื่อ ให้ตรงกับที่อยู่พวกเขา, ตัวแปลงสัญญาณวิดีโอที่แปลงวิดีโอขนาด4K มาเป็น 1080pและการทดสอบ Benchmarkด้วยโปรแกรม Geekbench 4 จากนั้นเราจึงทำการวัดความสามารถด้านกราฟิก (Graphics Prowess) ทั้งกับ 3DMark Ice Storm, 3DMark Fire Strike และชุดของเกมส์ต่างๆ ที่ได้มีการระบุไว้ โดยการทดสอบแต่ละครั้งนั้นจะเป็นการจำลองเกมประเภทต่างๆ และทดสอบในเรื่องของอัตราเฟรม การจำลองทางฟิสิกส์ รวมทั้งความสามารถในการแสดงผลและความสามารถด้านอื่นๆ ที่มุ่งเน้นไปที่ GPU
นอกจากนี้เรายังใช้Colorimeter ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ใช้วัดค่าสี (Color Measurement) ในการวัดความสว่างของหน้าจอ (Brightness ) และขอบเขตของสี (Color Gamut) ในขณะที่อุปกรณ์อื่นๆ นั้น จะช่วยให้เราทราบเกี่ยวกับ Key Travel และความร้อนที่เกิดขึ้นโดยรอบ (Ambient Heat) ของแล็ปท็อป
Specs: 1080p / Core i5 / 8GB จัดว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
คุณสามารถที่จะใช้เวลามากมายในการค้นหาเกี่ยวกับรายละเอียดต่างๆ ที่คุณต้องการ แต่อย่างไรก็ตามรายละเอียดที่จะกล่าวต่อไปนี้ จัดได้ว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ควรจะต้องคำนึงถึง เมื่อคุณกำลังมองหาแล็ปท็อปขนาด17นิ้ว
แต่ถ้าคุณต้องการเพียงแค่ประสิทธิภาพการทำงานในระดับMainstream เท่านั้น ให้พิจารณาอุปกรณ์ที่มีองค์ประกอบของ Core i5 CPU, RAM ขนาด 8GB, 256GB SSD และจอแสดงผลที่มีความละเอียด1080p เนื่องด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
• ความละเอียดหน้าจอ: เป็นที่น่าเสียดายที่พบว่าแล็ปท็อปของผู้บริโภคจำนวน 66% และในระบบธุรกิจอีก 51% มีหน้าจอที่มีความละเอียดของหน้าจอต่ำ (Low Resolution) ซึ่งจะทำให้ได้ภาพที่มีลักษณะเบลอๆ หยาบๆ ทั้งนี้ก็เพราะว่า Pixelที่มาประกอบกันเป็นภาพนั้นมีจำนวนน้อย ถ้าเป็นไปได้ ให้ลองพิจารณาจอแสดงผลที่มีการแสดงผลด้วยความละเอียด 1920 x 1080 (หรือที่รู้จักกันในนามของ1080p หรือ Full HD) ที่จะให้ความละเอียดของภาพในระดับที่สูงกว่า
• CPU: Intel Core i5 ที่จะช่วยมอบประสิทธิภาพการทำงานในระดับMainstream ซึ่งโดยทั่วไปแล้วงบประมาณ (Budget) สำหรับบางระบบนั้นจะมาพร้อมกับซีพียูCore i3 ในตระกูล Celeron หรือ Pentium ซึ่งจัดว่าดีสำหรับงานพื้นฐานทั่วไป แต่อาจจะไม่เหมาะสำหรับการทำงานแบบ Multitasking ดังนั้นการเลือกใช้ Core i7 หรือโปรเซสเซอร์Quad-core (ที่มี Serial Number ลงท้ายด้วย HQ หรือ HK) สำหรับการเล่นเกม หรืองานบางประเภทที่ต้องการผลิตภาพ (Productivity) ในระดับ High-endเช่น งานประเภทตัดต่อวิดีโอ (Video Editing) และการสร้างแบบจำลอง 3 มิติ (3D Modeling) เป็นต้น
• RAM: ขนาด 8GB เหมาะสำหรับผู้ใช้ส่วนใหญ่ แต่สำหรับผู้ใช้งานที่ต้องใช้โปรแกรมเฉพาะในการทำงาน คุณอาจจะต้องเลือกใช้ RAM ขนาด 12GB หรือ 16GBและนอกจากนี้ยังพบว่าRAM ขนาด 4GB นั้น ก็ยังเป็นที่ยอมรับได้สำหรับ Budget System หลายๆ ระบบ แต่สำหรับแล็ปท็อปที่เป็นเครื่องสำรอง (Secondary Laptops) และ Chromebooks นั้น อาจจะพบได้น้อยกว่า
• Storage: ถ้าหากคุณไม่ใช่ Gamerหรือผู้ที่ต้องใช้โปรแกรมเฉพาะในการทำงาน (Power User) พื้นที่จัดเก็บข้อมูลภายในขนาด 256GB ก็น่าจะเพียงพอ หรือถ้าเป็นไปได้ คุณอาจจะลองเลือกใช้อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบ Solid-State (SSD: Solid State Drive)แทนฮาร์ดไดร์ฟก็ได้เช่นกัน เพราะมันจะช่วยให้คอมพิวเตอร์ของคุณทำงานได้เร็วยิ่งขึ้น
• Graphics Chip:ในส่วนของ Gamerและผู้เชี่ยวชาญที่ทำงานเกี่ยวกับการสร้างสรรค์ผลงานต่างๆ พวกคุณจำเป็นที่จะต้องทำการค้นคว้าในเพิ่มเติมเล็กๆ น้อยๆ และหาคำตอบว่า GPU ตัวใดบ้างที่นอกเหนือจาก Nvidiaหรือ AMD จะดีพอและเหมาะสมที่จะนำมาใช้รันซอฟต์แวร์ที่พวกเขาชื่นชอบได้ สำหรับผู้ใช้งานคนอื่นๆ พวกเขาก็จะมีความสุขกับ Intel HD Graphics แบบในตัวที่มาพร้อมกับCPU เช่นกัน
หากคุณต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลือกซื้อแล็ปท็อปโปรดติดตามข้อมูลของเราได้ที่Laptop Buying Guide ซึ่งเป็นคู่มือการซื้อแล็ปท็อปฉบับเต็มของเรา และสำหรับ Gamerเราขอแนะนำให้คุณอ่านGaming Laptop Buying Guide และบัญชีรายชื่อของ Best Gaming Laptops จากเว็บไซต์ของเราเพื่อประกอบการตัดสินใจ
สนใจสินค้าเพิ่มเติม: https://www.quickserv.co.th