Intel Core i5 13600K vs AMD Ryzen 5 7600X
Intel Core i5-13600K vs AMD Ryzen 5 7600X
AMD ต้องลดราคาลง
Core i5-13600K เป็นรุ่นที่ราคาเอื้อมถึงได้มากที่สุดในซีรีส์ Raptor Lake (K-SKU) รุ่นใหม่ของ Intel เราตื่นเต้นมากที่มีโอกาสได้ใช้ CPU นี้ เนื่องจาก 12600K เป็นรุ่นโปรดของเรา ดังนั้น 13600K ที่น่าจะมีประสิทธิภาพการเล่นเกมที่ดียิ่งกว่าก็อาจเป็นผู้ชนะตัวจริง
Intel ตั้งราคาขายปลีกที่ผู้ผลิตแนะนำไว้ที่ $330 (ต่อราคา 1,000 หน่วย) และเรายินดีรายงานว่า ผู้ค้าปลีกสามารถตั้งราคาได้ถึง $330 เช่นกัน นั่นทำให้ Core i5-13600K แพงกว่า Ryzen 5 7600X เพียง $30 และถูกกว่า 5800X3D ถึง $70
สำหรับสเปค เมื่อเทียบกับ 12600K แล้ว รุ่นนี้มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ โดย P-core มีความจุแคช L2 เพิ่มขึ้นเป็น 2 MB ในขณะที่ E-core ถูกอัปเกรดมากยิ่งกว่า ไม่เพียงแต่เพิ่มจำนวนขึ้นเป็นสองเท่าโดยมี E-core ถึง 8 คอร์ แต่แคช L2 ยังเพิ่มขึ้นจาก 2 MB ต่อคลัสเตอร์เป็น 4 MB รวมเป็นทั้งหมด 8 MB แม้แต่ความจุของแคช L3 ก็ยังเพิ่มขึ้นจาก 20 MB เป็น 24 MB
โดยรวมแล้ว i5-13600K มีแคชมากกว่า 12600K ถึงร้อยละ 49 ซ้ำยังมีช่วงพีคความเร็วสัญญาณนาฬิกาคอร์สูงสุดเพิ่มขึ้นร้อยละ 4 จาก 4.9 GHz เป็น 5.1 GHz นอกจากนี้ การรองรับหน่วยความจำ DDR5 ยังถูกปรับปรุงจาก DDR5-4800 รุ่นที่ 12 เป็น DDR5-5600 สำหรับรุ่นที่ 13 ถึงแม้ว่า DDR4 จะรองรับ 3200 เหมือนกันก็ตาม นอกจากนี้ยังมี PCI Express 5.0 ที่มีถึง 16 เลน และ PCIe 4.0 ของ CPU อีก 4 เลน
เช่นเดียวกันกับที่เรารีวิวชิปของ Raptor Lake ไว้ก่อนหน้านี้ เกี่ยวกับการจำกัดด้านพลังงาน ดังนั้นคุณจำเป็นต้องรู้ว่า ถึงแม้ว่า Intel จะอ้างว่ามีกำลังเทอร์โบสูงสุด 181 วัตต์สำหรับ 13600K แต่ก็ไม่มีการบังคับใช้ให้ต้องมีการจำกัดด้านพลังงาน (ระเบียบข้อแนะนำของ Intel เองก็ไม่มีการกำหนดบังคับใช้ขีดจำกัดด้านพลังงาน) ซึ่งหมายความว่าบอร์ด Z690 และ Z790 ทั้งหมดใช้งานโปรเซสเซอร์ Core รุ่นที่ 12 และ 13 โดยไม่มีการจำกัดด้านพลังงานแต่อย่างใด
สิ่งนี้เป็นปัญหาของ Intel มาอย่างเนิ่นนาน และกลายเป็นปัญหาของ AMD เช่นกัน โดย CPU Zen 4 นั้นรันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าเมื่อมีการจำกัดพลังงาน โดยแลกเพียงการสูญเสียประสิทธิภาพลงเล็กน้อยกับการเสียพลังงานช้าลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่นี่ไม่ใช่ประสิทธิภาพในการทำงานแบบที่นอกกรอบอะไร และทั้ง AMD กับ Intel ก็กำลังแข่งกันเป็นที่หนึ่งอยู่
อย่างไรก็ตาม เราไม่ได้จำกัดพลังงานของ CPU AMD Zen 4 ในการทดสอบ เราจึงจะไม่จำกัดของ Intel ด้วยเช่นกัน แต่เราจะเน้นการโชว์ให้คุณดูว่าพฤติกรรมการทำงานปกติทั่วไปเป็นอย่างไรสำหรับชิปพวกนี้
เราใช้คอร์โปรเซสเซอร์ Intel 10th-gen และ 12th-gen สำหรับการทดสอบ และการทดสอบเปรียบเทียบเกณฑ์มาตรฐาน รวมถึงใช้รุ่น Core i5, i7 และ i9 ที่เป็นที่นิยมสำหรับการเปรียบเทียบในกรณีที่คุณอยากอัปเกรด CPU โดย CPU รุ่น 12th และ 13th ทั้งหมดถูกทดสอบด้วยหน่วยงานความจำ DDR4-3600 dual-rank CL14 และหน่วยความจำ DDR5-6400 single-rank CL32 การทดสอบทั้งหมดนี้อัปเดตมาแล้วสำหรับรีวิวนี้ ดังนั้นข้อมูลที่พูดในที่นี้จึงเป็นข้อมูลใหม่ทั้งหมด
เรายังมี CPU Zen 2 และ Zen 3 จาก AMD ที่ทดสอบโดยใช้หน่วยความจำ DDR4-3600 dual-rank CL14ขนาด 32GB บนเมนบอร์ด MSI MPG X570S Carbon Max WiFi ที่รัน BIOS ตัวล่าสุด โดยระบบทดสอบ Zen 4 AM5 นั้นใช้ MSI MEG X670E ACE ที่ใช้หน่วยความจำ DDR5-6000 CL30 ขนาด 32GB เราได้รวมซีพียู Zen 4 ทั้งหมดที่มีวางจำหน่ายไว้ในนี้แล้ว
ข้อมูลการเล่นเกมของ CPU ทั้งหมดของเราที่มีการอัปเดต ใช้ Nvidia GeForce RTX 4090 ในการทดสอบที่ 1080p และ 1440p ซึ่งแปลว่ามีอะไรให้ทดสอบเยอะเลยทีเดียว
โปรดทราบว่าเราใช้ Windows 11 และบาร์ที่ปรับขนาดได้สำหรับทุกการปรับแต่งค่าในการทดสอบนี้
ความเร็วนาฬิกา
ก่อนอื่น เรามาดูความเร็วนาฬิกาของรุ่น i5-13600K ในการทดสอบ Cinebench R23 กันก่อน หลังจากทดสอบโหลดมาหนึ่งชั่วโมง เราพบว่า 13600K รักษาความถี่ในการทำงานของคอร์ทั้งหมดไว้ที่ 4.9 GHz สำหรับ P-core และ 3.9GHz สำหรับ E-core ซึ่งลดลงจาก 5.1 GHz สำหรับ P-core เมื่อ CPU เย็นตัว โดยสรุปแล้วพบว่า ประสิทธิภาพลดลงร้อยละ 4 เนื่องจากการควบคุมอุณหภูมิ
โดยความถี่ระดับนี้คือความถี่ในระดับคงที่จากการใช้ระบบ MSI CoreLiquid S360 ขนาด 360 มม. ซึ่งถูกติดตั้งไว้ในเคสของ MSI Prospect 700R
สำหรับปริมาณงานแบบแกนเดี่ยว 13600K ดูเหมือนจะรักษาความถี่สัญญาณนาฬิกาไว้ได้ที่ 5.1 GHz เมื่ออันเดอร์โหลด การทดสอบนี้จึงชี้ให้เห็นว่าเป็นไปตามระดับความถี่ที่โฆษณาไว้
การทดสอบเกณฑ์มาตรฐานการใช้แอปพลิเคชัน
ผลของการทดสอบ Cinebench R23 แบบหลายคอร์เผยว่า 13600K ได้คะแนนประมาณ 24,000 จุดสำหรับการวนลูปประมาณสิบนาที ซึ่งทำให้มันไวว่องกว่า 7600X ถึงร้อยละ 54 ซึ่งเป็นความต่างในระดับที่น่าอายเลยล่ะสำหรับ AMD และทำให้เห็นได้อย่างรวดเร็วเลยว่า การแข่งขันด้านประสิทธิภาพการทำงานนี้เหมือนเป็นการแข่งขันอยู่ฝ่ายเดียว
การทดสอบประสิทธิภาพคอร์เดี่ยวของ P-core ก็นับว่าดีมาก เนื่องจาก 13600K นำหน้า 12900K และ 7700X ไปอีก โดยเร็วกว่า 7600X เพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่ากรณีเดียวที่ดีที่สุดที่ 7600X จะเทียบ 13600K ได้ก็คือในด้านของเกณฑ์มาตรฐานด้านประสิทธิภาพเท่านั้น และถึงอย่างนั้นก็คงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก
เมื่อลองทดสอบเปรียบเทียบการบีบอัดไฟล์ 7-Zip ก็พบว่า 13600K ชนะ 7600X ไปได้อย่างง่ายดาย โดยมีประสิทธิภาพในการทำงานที่ดีกว่าถึงร้อยละ 36 ทำให้มันขึ้นไปอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับ 5950X และ 12700K ซึ่งถือว่าไม่แย่เลยสำหรับโปรเซสเซอร์ราคา $330 ไม่แย่เลยจริงๆ
ส่วนผลของการทดสอบแตกไฟล์ก็เข้าทาง AMD แต่ถึงกระนั้น Core i5 ใหม่ก็ยังเอาชนะ 7600X ไปได้อย่างง่ายดายโดยทิ้งห่างถึงร้อยละ 20 และช้ากว่า 7700X เพียงร้อยละ 7 เท่านั้น
เมื่อลองทดสอบเกณฑ์มาตรฐาน Blender Open Data เราก็พบว่า 13600K เร็วกว่า 7600X เกือบร้อยละ 40 และทำให้เวิร์กโหลดนี้เสร็จสิ้นภายในเวลาเพียง 625 วินาที เทียบกับ 862 วินาทีของ 7600X นี่นับเป็นอีกหนึ่งชัยชนะของโปรเซสเซอร์ Core i5 ตัวใหม่ของ Intel ได้สบายๆ
ผลการทดสอบยิ่งแย่กว่าเมื่อทดสอบด้วย Corona เนื่องจาก 13600K นั้นทำงานได้ดีกว่าสำหรับเวิร์กโหลดสั้นๆ โดยทำงานได้เร็วกว่า 7600X ถึงร้อยละ 51 และทำงานทั้งหมดเสร็จภายในเวลาเพียง 61 วินาที ซึ่งเร็วกว่า 12700K เล็กน้อย และพอๆ กับ Ryzen 9 5900X
แม้แต่การทดสอบด้วย Premiere Pro 13600K ก็ยังนำ 7600X แต่คราวนี้มีความต่างกันเพียงร้อยละ 11 ซึ่งทำให้เห็นว่ามันเทียบได้กับ 5950X ด้วยคะแนน 1084 จุด
และต่อมาคือกรณีอันหาได้ยากที่ 7600X แซงหน้า 13600K ในด้านของเวิร์กโหลดการผลิตงาน แม้ว่าประสิทธิภาพโดยรวมจะใกล้เคียงกัน โดยมีความแตกต่างกันเล็กน้อยร้อยละ 4 ทั้งคู่ให้ประสิทธิภาพที่เหมือนกับ 12700K ไม่ต้องบอกเลยว่า CPU ทั้งสองตัวนั้นเร็วมาก
13600K นำไปอีกในการทดสอบด้วย After Effects โดยทิ้งห่าง 7600X ไปร้อยละ 6 ซึ่งก็ห่างกันไม่มาก
การทดสอบเกณฑ์มาตรฐานแอปพลิเคชันล่าสุด คือประสิทธิภาพในการคอมไพล์โค้ด โดยในการทดสอบนี้ 13600K แซงหน้า 7600X ไปได้สบายๆ โดยนำไปถึงร้อยละ 16 ซึ่งตามหลัง 5900X อยู่เพียงเล็กน้อย
การทดสอบเกณฑ์มาตรฐานการเล่นเกม
การทดสอบเฉลี่ย 12 เกม
ภาพรวมของค่าเฉลี่ยการเล่นเกมที่ 1080p นั้น พบว่า Ryzen 5 7600X อยู่ในอันดับต้นๆ เป็นอย่างน้อย เมื่อเปรียบเทียบที่เฟรมเรตโดยเฉลี่ยแล้วมันเร็วขึ้นร้อยละ 3 ส่วนที่เฟรมเรตต่ำสุดร้อยละ 1 นั้นได้ผลเหมือนกันหมดเมื่อทดสอบที่เฟรมเรต 175 fps โดยข้อสรุปที่ได้ก็คือ ประสบการณ์การเล่นเกมโดยรวมนั้นแทบจะเหมือนกันไม่ว่าจะใช้ CPU ตัวใด
13600K ดร็อปลงเล็กน้อยเมื่อใช้หน่วยความจำ DDR4-3600 CL14 แต่มันดร็อปลงเพียงร้อยละ 6 เท่านั้นสำหรับเฟรมเรตโดยเฉลี่ย และลดลงร้อยละ 8 สำหรับเฟรมเรตต่ำสุดร้อยละ 1 แน่นอนว่าความต่างนี้มีความสำคัญ แต่ก็ขึ้นอยู่กับเกมที่คุณเล่น
เมื่อทดสอบที่อัตรา 1440p ก็ได้ผลใกล้เคียงกัน โดย R5 7600X เร็วกว่าร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับเฟรมเรตโดยเฉลี่ย แต่ไม่ได้เร็วไปกว่าเมื่อเฟรมเรตต่ำสุดที่ร้อยละ 1
โดยสรุปคือ 13600K เทียบได้กับ 12900K และเร็วกว่า 12700K เล็กน้อย ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบที่เป็นไปในทางบวกสำหรับโปรเซสเซอร์ Core i5 ตัวใหม่
การใช้พลังงาน
สำหรับการทำงานเวิร์กโหลดคอร์ทั้งหมด หรือที่คล้ายๆ กันที่ทำงานบน CPU รุ่น 13 ตัวอื่นๆ ทั้งหมด 13600K นั้นค่อนข้างกินไฟเล็กน้อย ทำให้การใช้งานระบบทั้งหมดกินพลังงานถึง 315 วัตต์ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้ขึ้นจนเวอร์เกินไป แต่ก็มากกว่า 5900X กว่า 70 วัตต์ ซึ่งสามารถทำงานโดยมีประสิทธิภาพน้อยกว่าเพียงเล็กน้อย
นอกจากนี้ มันยังใช้พลังงานมากกว่า 7900X เล็กน้อย ถึงแม้ว่าส่วนที่เป็น Zen 4 จะเร็วกว่าเกือบร้อยละ 90 ดังนั้นประสิทธิภาพการใช้พลังงานจึงไม่ดีนัก แต่ก็จัดการได้ คงพูดให้ดีที่สุดได้เท่านี้ล่ะ
ประสิทธิภาพการทำความเย็น
Core i5-13600K ซึ่งใช้ระบบ liquid cooling MSI CoreLiquid S360 360mm แตะยอด TjMAX ภายในช่วงเวลาน้อยกว่าหนึ่งนาทีหลังจากทำงานโหลดคอร์ทั้งหมดที่ 100 c ซึ่งหมายความว่า ถึงแม้จะทำงานจนร้อนจัด ความถี่คอร์ทั้งหมดก็ลดลงเพียง 200 MHz โดยลดจากความถี่ 5.1 GHz เมื่อตอนเริ่มการทดสอบ เหลือ 4.9 GHz เมื่อความร้อนถึงจุด TjMAX ดังนั้นถึงแม้ว่าจะน่ารำคาญ แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพอย่างมีนัยสำคัญ แต่ก็น่าแปลกที่ผลที่ได้แย่กว่า 13700K เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เราต้องบอกคุณไว้ก่อนว่า 13600K รันอย่างประหยัดพลังงานอยู่ที่พลังงาน 186 วัตต์ และมีจุดพีคของการใช้พลังงานอยู่ที่ 200 วัตต์
ความคุ้มค่า vs. ประสิทธิภาพการทำงาน
หากลองวิเคราะห์จากมุมของความคุ้มค่า เราจะเริ่มจากการเปรียบเทียบราคาของ CPU ก่อน ซึ่งทำให้ 7600X ได้เปรียบกว่า 13600K เนื่องจากมันมีประสิทธิภาพการเล่นเกมในระดับเดียวกัน โดยมีราคาถูกกว่าถึง $30
ข้อคิดที่ได้
เป็นไปตามคาด Core i5-13600K เป็น CPU ที่ใช้งานได้จริงและคุ้มค่ากว่า 13900K และยังดีกว่า 13700K ด้วย โดยเฉพาะถ้าเน้นการเล่นเกม ถ้าสำหรับตลาดไฮเอนด์เราอาจจะรู้สึกว่า Intel Raptor Lake และ AMD Zen 4 มีจุดที่ถกเถียงกันได้อยู่ว่าอะไรดีกว่า แต่ถ้าสำหรับตลาดกระแสหลัก ดูเหมือน Intel จะอยู่ในสถานะที่ดีกว่า AMD
แน่นอนว่ามันกินพลังงาน และถ้าไม่มีการจำกัดพลังงาน อุณหภูมิอาจพุ่งจนน่าเกลียด แต่ถ้าใช้เพียงเล่นเกม การจำกัดพลังงาน 150 วัตต์ก็คงไม่ส่งผลกระทบมากนัก พูดตามความเป็นจริงแล้วคุณก็อาจจะเห็นผลลัพธ์ที่คล้ายๆ กันนี้กับในรีวิวนี้นั่นแหละ ถึงจะไม่เหมือนกันเป๊ะก็ตาม
พูดชัดๆ ก็คือ 7600X และ 13600K มีประสิทธิภาพที่เท่าเทียมกันอย่างมาก ไม่มีผู้ชนะที่ชัดเจน แต่โดยรวมแล้ว 13600K นั้นมีราคาถูกกว่า เนื่องจากมีเมนบอร์ด Intel Z690 ที่มีอยู่แล้วและพร้อมใช้งาน
และแม้ว่าคุณอาจประหยัดเงินได้มากขึ้นด้วยการเลือกใช้ DDR4 ซึ่งบางทีการไม่เอา DDR4-3600 CL16 อาจเป็นหนทางสู่ความประหยัดนั้น โดยยอมเสียสละประสิทธิภาพไปเพียงเล็กน้อย
เมื่อเทียบกับประสิทธิภาพที่เราทดสอบในรีวิวนี้ จะเห็นได้ว่าเมื่อเล่นเกมใหม่ๆ ด้วย DDR5 นั้นสามารถสร้างความแตกต่างได้เพียงไร ดังนั้นการยอมจ่ายพรีเมียมมากขึ้นอาจเป็นอะไรที่คุ้มกว่าในระยะยาวหากคิดจะสร้างระบบอะไรใหม่ๆ แต่ถ้าไม่อย่างนั้นคุณก็มีทางเลือกสองทางคือใช้ DDR4 หรือ DDR5 ด้วย 13600K ซึ่งส่งผลให้ผลิตภัณฑ์นี้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น
จากนั้นก็เป็นเรื่องของประสิทธิภาพในการทำงาน โดย 7600X โดนเหยียบจนแบนแต๊ดแต๋เลยทีเดียว ซึ่งนี่เป็นปัญหาใหญ่สำหรับ AMD ถึงแม้จะมีการจำกัดพลังงานไว้ที่ 150 วัตต์แล้วก็ตาม ซึ่งลดทอนประสิทธิภาพลงกว่าร้อยละ 7 ในส่วนนี้ 13600K ได้คะแนนนำ 7600X ไปมากกว่าร้อยละ 40 ในการทดสอบ Cinebench R23 ซึ่งการจำกัดพลังงานนี้ไม่ได้กระทบประสิทธิภาพการทำงานเธรดแบบโหลดเบาๆ แต่กระทบเพียงประสิทธิภาพการทำงานคอร์หนักๆ เท่านั้น
ดังนั้นไม่ว่าจะพูดยังไง 7600X ก็ดูน่าขายหน้าเมื่อเทียบกับ 13600K ในการทดสอบเกณฑ์มาตรฐานด้านประสิทธิภาพการทำงาน ซึ่งกลับกันกับสิ่งที่เราเคยเห็นเมื่อหลายปีก่อนตอนที่ AMD แซงหน้า Intel ไปเลยด้วยเดสก์ท็อป 16-core ที่แข่งกับรุ่น 8-core และ 10-core
ในความเห็นของเรา AMD อยู่ในสถานะที่ต้องลดราคา 7600X ลงให้ถึง $200 เพื่อแข่งกับอะไรก็ตามที่ไม่ได้แข่งด้วยประสิทธิภาพการเล่นเกม ไม่เพียงแค่นั้น AMD ยังต้องมีเมนบอร์ด AM5 ในกลุ่มราคา $200 สำหรับ 7600X เพื่อให้ราคาสมกับการลดราคา CPU อีกด้วย
ที่มา: https://bit.ly/3TXVf92