AI ถูกกำหนดขึ้นเพื่อให้มีอิทธิพลต่อธุรกิจ ผู้บริโภคและภาครัฐในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ด้วยการคาดการณ์ล่วงหน้าของผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า เร็ว ๆ นี้เราจะถูกล้อมรอบไปด้วยอุปกรณ์ IoT มีความสามารถในการทำภารกิจธรรมดาทั่วไปและเพิ่มความเร็วให้กับภารกิจที่ซับซ้อนได้ อันที่จริง ยังมีข้อดีอีกมากมายที่เราจะได้รับจาก AI ที่จะมุ่งเน้นความช่วยเหลือไปยังสถานประกอบการ
ในปัจจุบัน เราต่างก็พบว่ามูลค่าของข้อมูลมีความสำคัญต่อธุรกิจ เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่งกับน้ำมัน และด้วยเหตุนี้จึงมีความจำเป็นที่จะต้องทำการประมวลผลข้อมูลเหล่านี้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ เพื่อให้ได้ผลการค้นหาแบบเรียลไทม์ ยกตัวอย่างที่เป็นประโยชน์ของ AI ประเภทนี้ ซึ่งกำลังถูกนำไปใช้โดย DeepMind เพื่อใช้ในการวินิจฉัยสภาพที่เป็นอันตรายต่อการมองเห็นของตาได้อย่างถูกต้องแม่นยำ ในฐานะแพทย์ที่ดีที่สุดในโลก
จากการทำงานร่วมกันกับโรงพยาบาลตา Moorfields ในกรุงลอนดอนและสถาบันจักษุวิทยาของ UCL พบว่าผลการวิจัยของพวกเขาสามารถวางพื้นฐานไว้สำหรับการเปิดตัวของระบบ AI ในโรงพยาบาลทั่วประเทศ เนื่องจาก ระบบ AI ช่วยลดระยะเวลาที่แพทย์จะใช้ในการศึกษาการสแกนตาหลายพันครั้ง และนอกจากนี้ยังสามารถทำการวินิจฉัยให้กับผู้ป่วยได้ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่วินาที
ตั้งแต่ความผิดพลาดในระดับที่รุนแรง ไปจนถึงความผิดพลาดที่ธรรมดาและเรียบง่าย หรือแม้แต่สิ่งที่ดีที่สุดของเราก็ยังมีแนวโน้มที่จะเกิดข้อผิดพลาด แต่เนื่องจากเครื่องจักรระบบปัญญาประดิษฐ์นี้ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อปฏิบัติภารกิจที่เฉพาะเจาะจง เราจึงจะไม่พบลักษณะของความผิดพลาดดังกล่าว
ร้านขายของชำออนไลน์ที่มีชื่อว่า Ocado ใช้ระบบ Automated Machine ภายในคลังสินค้าของตนเอง สำหรับการควบคุมหุ่นยนต์นับพัน ในการติดต่อสื่อสารกับพวกเขาด้วยความถี่ 10 ครั้ง ต่อวินาที ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการประสานงาน ในการเคลื่อนย้ายลังบรรจุสินค้าจำนวนนับแสน
เช่นเดียวกับร้าน Ocado ที่ AI จะถูกนำมาใช้เพื่อให้บริการอัตโนมัติของเรามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในอนาคตข้างหน้า จากรถยนต์ที่สามารถขับเคลื่อนด้วยตัวเอง (Self-Driving Cars) โดยใช้ AI ในการสำรวจถนนและสิ่งกีดขวาง ไปจนถึงสมาร์ตซิตี (Smart Cities) ที่คาดว่าจะช่วยปรับปรุงสภาพแวดล้อม โดยยังคงเพิ่มประสิทธิภาพให้ประชากรของเราให้สามารถอยู่อาศัยด้วยคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ เครื่องจักรกล AI ยังมีความสามารถในการประมวลผลชุดข้อมูลขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็วและถูกต้องแม่นยำ ซึ่งนับว่ามีความสำคัญอย่างมากกับการดำเนินงานในรูปแบบของสมาร์ตเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ (Smart environment) สำหรับตัวอย่างที่มีให้เห็นอย่างชัดเจนนั้น ได้แก่การทำงานบนสมาร์ตโฟนชั้นนำในแบรนด์ต่างๆ ที่มี AI อยู่เบื้องหลังการปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับอุปกรณ์เหล่านั้น
Ben ในฐานะลุงของไอ้แมงมุม ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในตัวละครยอดมนุษย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก ได้กล่าวไว้ว่า "อำนาจที่ยิ่งใหญ่ มักมาพร้อมความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง" และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งความจริงของ AI ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ในปี 2016 มีข่าวความร่วมมือกันระหว่าง 5 บริษัท ในวงการอุตสาหกรรม รวมทั้งบริษัทยักษ์ใหญ่ในซิลิคอน วัลเลย์ (Silicon Valley) ซึ่งได้ประกาศจับมือกันเพื่อก่อตั้งองค์กรความร่วมมือด้านปัญญาประดิษฐ์ ภายใต้ชื่อโครงการ Partnership on Artificial Intelligence to Benefit People and Society (Partnership on AI) ซึ่งเป็นโครงการที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อผลักดันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี Artificial Intelligence (AI) ให้พัฒนาไปอย่างรวดเร็วและมีมาตรฐานมากยิ่งขึ้น โดยการร่วมมือกันในครั้งนี้มีความคาดหวังว่าจะช่วยแก้ปัญหาในเรื่องของความยุติธรรมและจริยธรรมใน AI ให้มากขึ้น
นี่อาจจะเป็นข้อเสียอันดับหนึ่งของ AI ที่ถูกเน้นย้ำตลอดเวลาว่าเป็นสถานการณ์แห่งความเศร้าโศกและบทลงโทษที่เป็นสาเหตุให้แรงงานถูกปลด เพราะไม่สามารถทำงานได้ดีกว่าเครื่องจักร
ในส่วนของรายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้ พบว่ามีการขัดแย้งกัน โดยผลการศึกษาล่าสุดจาก PricewaterhouseCoopers (PwC) อ้างว่า AI จะสร้างงานให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างไรก็ตาม จากรายละเอียดของรายงานระบุว่า เทคโนโลยีใหม่ๆ จะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจอุตสาหกรรมในรูปแบบที่ไม่เป็นธรรม
ในกรณีนี้ สาขาอาชีพที่ได้มีการคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าว่าจะได้รับผลดี ได้แก่ งานบริการด้านสุขภาพและการเรียนการสอน, ส่วนในด้านของตำแหน่งงานที่ต้องใช้แรงงาน ยกตัวอย่างเช่น สายงานด้านการผลิตและขนส่ง มีการคาดการณ์ว่าจะมีการปลดพนักงานออกมากที่สุดในบรรดาสายงานต่างๆ โดยอดีตแชมป์หมากรุกโลกอย่าง Garry Kasparov ได้กล่าวไว้ว่า การปลดพนักงานเหล่านี้เป็นสิ่งที่มีความจำเป็นต่อความก้าวหน้าขององค์กร ซึ่งก็ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่เมื่อต้องเทียบกับสิ่งที่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่สังคมส่วนใหญ่ ที่ AI สามารถทำให้ได้
หากคุณมีปัญหากับเจ้านายที่เป็นมนุษย์คนปัจจุบันของคุณ, ต้องขอบคุณที่เขาไม่ได้เฉยเมยกับคุณ, เครื่องจักรกลไม่สามารถแสดงอารมณ์ความรู้สึกได้ นั่นเป็นเพราะว่ามี AI ที่ทำหน้าที่ในการตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานอยู่แล้ว
ในสถานการณ์ที่ดูเหมือนฝันร้ายที่น่ากลัวของสังคมในจินตนาการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต Watson ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของทาง IBM ได้มีการนำ AI และ Watson Analytics มาใช้ในตัดสินใจว่าพนักงานมีความคุ้มค่าต่อการเพิ่มขึ้นของเงินที่จะจ่ายไปหรือไม่ ทั้งในส่วนของโบนัสหรือการเลื่อนตำแหน่ง โดยดูจากประสบการณ์และผลงานในช่วงที่ผ่านมาของพนักงาน ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการตัดสินคุณภาพและทักษะของแต่ละคน ที่อาจจะเป็นประโยชน์แก่บริษัทในอนาคตข้างหน้า
แม้ว่า AI จะสามารถขจัดข้อผิดพลาดของมนุษย์ออกจากกระบวนการได้เกือบทั้งหมด แต่มันก็ยังคงหลงเหลืออยู่ในรหัสคำสั่ง ที่พร้อมกับความลำเอียงและอคติ โดยส่วนใหญ่จะพบอยู่ในขั้นตอนวิธี หรือ อัลกอริทึม (Algorithm) ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวนี้สามารถประมวลผลเพื่อทำให้เกิดผลกระทบในเชิงลบต่อประชากรบางกลุ่มและการเลือกปฏิบัติต่อผู้คนได้เช่นกัน
สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก, ในกรณีที่ระบบการรักษาความปลอดภัยไม่ถึง100% แฮกเกอร์สามารถใช้ประโยชน์จากความกระหายความรู้ของ AI ได้เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น Chatbot ที่โชคร้ายของ Microsoft จากเรื่องราวของ TayTweets ซึ่งมีความสามารถในการสื่อสารกับผู้คนบนโลกออนไลน์ได้โดยอัตโนมัติผ่านทาง Twitter ต้องปิดการทำงานลง หลังจากที่เปิดใช้งานได้เพียง 16 ชั่วโมง นับตั้งแต่ที่มันเริ่มที่จะ tweet เนื้อหาที่ไม่เหมาะสมซึ่งเกี่ยวกับการเหยียดเชื้อชาติ -- ซึ่งเป็นความคิดเห็นที่เกิดซ้ำๆ จากผู้ใช้ Twitter คนอื่นๆ
ที่มา:www.itpro.co.uk