รู้ก่อนย่อมได้เปรียบ Quantum Computing เทคโนโลยีเทรนด์ใหม่ที่จะเข้ามาพลิกโลกในไม่ช้า

คอมพิวเตอร์ทั่วไปที่เราใช้งานกันอยู่นั้น ต่อให้จะเปลี่ยน CPU RAM หรือเมนบอร์ดทั้งหมดไปอย่างไร ก็ยังคงเป็นคอมพิวเตอร์ที่เราคุ้นเคยกันอยู่ดี แต่ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าจะเกิดสิ่งที่เรียกว่า Quantum Computing ขึ้นมาใช้กันอย่างแพร่หลายในธุรกิจอุตสาหกรรมทั่วไป ซึ่งอาจเรียกว่าเป็นนวัตกรรมใหม่หรือระบบคอมพิวเตอร์ใน Generation ถัดไปก็ว่าได้ ซึ่งสิ่งนี้จะเข้ามาพลิกโลกของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ให้ก้าวล้ำหน้าไปอีกขั้น แล้ว Quantum Computing นี้คืออะไรไปหาคำตอบกันเลย

Quantum Computing ระบบคอมพิวเตอร์ที่เร็วขึ้นกว่าเดิม
คอมพิวเตอร์ทั่วไปที่เราใช้งานกันอยู่ในวันนี้นั้น จะมีระบบการทำงานผ่านแผงวงจรหรือเมนบอร์ด ซึ่งจะมีการรับส่งข้อมูลในลักษณะหน่วยที่เรียกว่า Bit อันเป็นเลข 0 กับ 1 แบบภาษารหัสคอมพิวเตอร์ที่เราเห็นกันได้ทั่วไป แต่ระบบการทำงานผ่านแผงวงจรหรือเมนบอร์ดจะอ่านค่าได้เพียง 0 หรือ 1 อย่างละตัวเท่านั้น ไม่สามารถอ่านพร้อมกันได้ แต่ถ้าเป็นระบบ Quantum Computing จะมีการรับส่งข้อมูลในลักษณะหน่วยที่เรียกว่า Qubit ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถประมวลผลข้อมูลที่เป็น 0 กับ 1 นี้ไปพร้อม ๆ กันได้เลย นั่นทำให้การประมวลผลคอมพิวเตอร์จะเร็วขึ้นกว่าเดิมอย่างมากเลยทีเดียว

อันที่จริงแล้วระบบ Quantum Computing ไม่ได้เป็นแค่หลักการหรือความฝัน เพราะจริง ๆ แล้วในด้านฮาร์ดแวร์ได้เกิด Quantum Computer ขึ้นมาใช้งานจริง ๆ แล้ว แต่จะมีใช้กันอยู่ในองค์กรกรไอทีระดับโลกเท่านั้น และตัวอุปกรณ์เองก็ดูเหมือนยังมีข้อจำกัดบางประการที่ยังต้องมีการปรับปรุงแก้ไขและพัฒนาก็ต่อไปอีกสักระยะ เหมือนกับรถยนต์ไร้คนขับที่วันนี้มีจริงแล้ว แต่ยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาให้ปลอดภัยที่สุดเช่นกัน ระบบคอมพิวเตอร์ที่เร็วทะลุโลกนี้ ทาง Google เองก็ได้ร่วมพัฒนาด้วย และในปี 2015 Google ก็ได้ออกมาประกาศว่า ระบบคอมพิวเตอร์นี้จะเป็น Generation ของระบบคอมพิวเตอร์ เมื่อพัฒนาจนใช้ได้แล้ว จะมีศักยภาพที่เหนือกว่าคอมพิวเตอร์ PC ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ถึง 100 เท่าเลยทีเดียว

สิ่งที่ยังต้องพัฒนาของระบบ Quantum Computing

โดยหลักการแล้วคงไม่มีใครกล้าปฏิเสธเลยว่าระบบ Quantum Computing มีความพิเศษและสุดยอดขนาดไหน แต่อุปสรรคในตอนนี้ก็คือ Hardware ที่จะทำให้ระบบนี้ทำงานได้อย่างไร้ที่ติ การผลิตชิปเซ็ตที่จะใช้ประมวลผลในระดับที่เล็กกว่าอะตอมนี้มีความยาก เพราะอุปกรณ์ยิ่งเล็กยิ่งมีความเปราะบาง หากมีสิ่งรบกวนเล็กน้อย อย่างการกระทบกระแทก หรืออุณหภูมิความร้อนเย็นที่ไม่เหมาะสมเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้ชิปเซ็ตประมวลผลเสียหายได้ นั่นจึงทำให้ Quantum Computer ตัวทดสอบที่มีการใช้งานอยู่ในปัจจุบันนั้นยังมีขนาดที่ใหญ่ ลักษณะออกมาจะเหมือนตู้ใส่คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่อยู่นั่นเอง ซึ่งนักพัฒนาได้กล่าวว่า ตอนนี้เราพัฒนามาจนถึงระดับ 50 – 60 % แล้ว เป้าหมายก็คือควบคุมเรื่อง Hardware ให้ได้ระบบนี้ก็จะมีความสมบูรณ์ 100 % ซึ่งคาดกันว่าระบบคอมพิวเตอร์ที่เร็วแรงทะลุโลกนี้จะเริ่มสมบูรณ์และจะเริ่มนำมาใช้กันอย่างจริงจัง ในช่วงปี 2023 – 2025 นี้และจะกลายเป็นเทคโนโลยีเทรนด์ใหม่ที่โลกธุรกิจต่างต้องการ

แม้ว่าวันนี้เรายังคงคุ้นชินกับคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพทั่วไปแบบดั้งเดิมกันอยู่ แต่ถ้า Quantum Computing ถูกพัฒนาออกมาให้ราคาถูกลงจนองค์กรธุรกิจทั่วไปเอื้อมถึงได้ เชื่อว่าคอมพิวเตอร์มีประสิทธิภาพสูงแบบนี้จะกลายเป็นสิ่งที่มีใช้กันทั่วไป และกลายเป็นนวัตกรรมคอมพิวเตอร์ยุคถัดไปที่เปลี่ยนแปลงโลกได้เลยทีเดียว