วิธีการเลือกอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่เหมาะสมสำหรับกลยุทธ์การสำรองข้อมูล
วิธีการเลือกอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่เหมาะสมสำหรับกลยุทธ์การสำรองข้อมูลขององค์กรของคุณ
ฮาร์ดดิสก์เป็นอุปกรณ์สำรองข้อมูลที่ถูกนำมาใช้หลายทศวรรษ แต่มันกำลังจะถูกพวกเขาทิ้งลงกองขยะใช่หรือไม่?
กลยุทธ์การสำรองข้อมูลที่ครอบคลุม น่าเชื่อถือ และปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจทุกที่ เมื่อเทคโนโลยีสื่อจัดเก็บข้อมูลขยายตัวขึ้น การเลือกแพลตฟอร์มการสำรองข้อมูลที่เหมาะสมกลายเป็นเรื่องที่ซับซ้อนขึ้นมากขึ้น ตั้งแต่เทปไปจนถึงระบบคลาวด์ บริษัทต่างๆ ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าพวกเขาใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมเพื่อลดการสูญเสียข้อมูลและประสิทธิภาพของแพลตฟอร์มที่อาจจะตกอยู่ในสภาพล้าสมัย
การใช้ฮาร์ดดิสก์เป็นรากฐานที่ธุรกิจได้สร้างกลยุทธ์การสํารองข้อมูลมานานหลายทศวรรษ อย่างไรก็ตาม ฮาร์ดดิสก์ที่ราคาถูกและมีเพียงพออาจกลายเป็นเทคโนโลยีการสำรองข้อมูลรูปแบบเก่าตามคำพูดของ Pure Storage ที่กล่าวว่าฮาร์ดดิสก์จะหายไปในปี 2028 เนื่องจากการจัดเก็บแบบแฟลชความจุสูงกำลังกลายเป็นเทคโนโลยีที่คุ้มค่าเหมือนกับฮาร์ดดิสก์ในไม่ช้า
แน่นอนว่า Pure เป็นธุรกิจที่เชี่ยวชาญในด้านหน่วยความจำ และยังคงมีการพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ได้ประกาศเกี่ยวกับ DFM (DirectFlash Module) ความจุ 75TB ที่คาดว่าจะพร้อมใช้งานในปี 2026 - โดยที่คาดว่าเทคโนโลยีนี้จะมีความจุเก็บข้อมูลถึง 300TB นี่เป็นคำกล่าวอ้างที่กล้าหาญและชัดเจน เนื่องจากหน่วยความจำแฟลชในปัจจุบันยังไม่มีความจุใกล้เคียงกันในราคาที่คุ้มค่า
ค่าใช้จ่ายเป็นปัจจัยสำคัญเมื่อเราพูดถึงการจัดเก็บข้อมูลที่มีความจุมาก ในปัจจุบัน ฮาร์ดดิสก์มีราคาต่ำมากเพนนีตีอ GB แต่ถ้าเราต้องการนำการจัดเก็บข้อมูลแบบแฟลชมาใช้แทนฮาร์ดดิสก์ จำเป็นต้องลดราคาลงมาให้มีราคาที่เทียบเท่ากัน ในปัจจุบัน ราคาของทั้งคู่ยังแตกต่างกันมากเกินไปสำหรับธุรกิจส่วนใหญ่ที่จะนำมาพิจารณาเปลี่ยนจากฮาร์ดดิสก์ไปเป็น SSD (Solid State Drives)
ปัจจัยใดบ้างที่เข้ามามีบทบาทในการเลือกอุปการณ์จัดเก็บข้อมูลที่ดีที่สุด?
เมื่อต้องตัดสินใจเกี่ยวกับการสำรองข้อมูล ธุรกิจจะต้องพิจารณาหลายประการโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องอัตราความเสียหาย ในปีที่แล้ว Backblaze รายงานว่าพวกเขาพบความเสียหายของฮาร์ดดิสก์อย่างน้อย 8 ครั้ง/วัน สำหรับการจัดเก็บข้อมูลบนฮาร์ดดิสก์ แม้ว่าจะเกี่ยวข้องกับการเก็บข้อมูลที่มีมากกว่า 230,000 ฮาร์ดดิสก์ก็ตาม แต่นี่เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่บ่งบอกว่าอายุการใช้งานของฮาร์ดดิสก์อาจเป็นเหตุให้ธุรกิจต้องพิจารณาเทคโนโลยีทางเลือกอื่นๆ ต่อไป
ธุรกิจต่าง ๆ เต็มไปด้วยข้อมูลโดยข้อมูลนี้ขยายตัวอย่างทวีคูณ แต่ข้อมูลไม่จำเป็นต้องถูกสำรองไว้ทั้งหมด การสำรองข้อมูลจำเป็นต้องประเมินคุณภาพของข้อมูลและความคุ้มค่าของข้อมูลต่อบริษัท
Recovery Point Object (RPO) และ Recovery Time Object (RTO) เข้ามามีบทบาทสำหรับใช้ในการตัดสินใจว่าข้อมูลใดสามารถสูญเสียได้โดยไม่มีผลกระทบกับกลยุทธ์ของบริษัท และใช้เวลาแค่ไหนในการกู้คืนข้อมูล การตรวจสอบข้อมูลเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อระบุชุดข้อมูลเหล่านี้และแอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้อง ด้วยข้อมูลเหล่านี้สามารถสร้างกระบวนการสำรองข้อมูลที่ครอบคลุมได้
แนวทางการสำรองข้อมูลขององค์กรต้องใช้การดูแลรักษา การวางแผน และการนำมาใช้ ตามที่ Stew Parkin, ประธานการเทคโนโลยีของ Rubrik MSP Assured Data Protection กล่าวว่า “ด้วยอัตราการเปลี่ยนแปลงที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ขนาดข้อมูล และการสร้างข้อมูล ปริมาณข้อมูลที่จะต้องถูกป้องกันกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และเพิ่มขึ้นถึงขนาดที่ฮาร์ดดิสก์แบบ SATA หรือ HDD แบบดั้งเดิมไม่สามารถทำได้”
“แน่นอนความไว้และความเร็วคือข้อได้เปรียบ แต่สิ่งเหล่านั้นยังไม่เพียงพอ แต่ยังรวมถึงอัตราการลบข้อมูลที่ซ้ำกัน ความเร็วในการทำดัชนีและกระบวนการหลังการสำรองข้อมูลอื่นๆ และการจัดเก็บข้อมูลแบบสดๆ หรือการคืนค่าทันทีของ I/O caching แน่นอนว่านี่มาพร้อมค่าใช้จ่าย โซลูชันสำรองข้อมูลรุ่นใหม่จะทำให้การจัดชั้นข้อมูลเป็นส่วนหนึ่งของโซลูชันของพวกเขา โดยที่ข้อมูลที่สำคัญที่สุดเท่านั้นจะถูกจัดให้อยู่บน SSD”
หนึ่งในเหตุผลที่ชัดเจนที่จะทำให้การสำรองข้อมูลมีประสิทธิภาพและเชื่อถือได้ คือการขยายตัวของแรนซัมแวร์ "ทุกธุรกิจต้องให้ความสําคัญกับกระบวนการสํารองข้อมูลและการกู้คืนมากขึ้น" James Watts ผู้อำนวยการผู้บริหารของ Databarracks บอกกับ ITPro
“ในการสำรองข้อมูลประจำปี 2022 ของเรา เพียง 1/3 ของผู้ตอบสนองที่ประสบปัญหาจากการโจมตีทางไซเบอร์ที่กู้คืนข้อมูลจากการสำรองข้อมูลและไม่ต้องจ่ายค่าไถ่ ส่วน 2/3 นั้นยังคงจ่ายค่าไถ่”
James Watts ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “เราเห็นว่าในปีนี้ ยังคงเกิดสถานการณ์แบบนี้อย่างต่อเนื่อง นั่นเป็นข้อกังวลสําหรับเราเพราะมันชี้ให้เห็นว่าองค์กรต่างๆเชื่อว่าไม่มีช่องทางอื่นที่เป็นไปได้ในการรับมือกับการโจมตี การจ่ายค่าไถ่เป็นไปเพื่อทำให้ผู้กระทำผิดได้รับเงินและสร้างแรงจูงใจในการเพิ่มการโจมตีต่อไป”
การสำรองข้อมูลที่ครอบคลุม มีความแข็งแรง และปลอดภัย เป็นเครื่องมือสำคัญทางธุรกิจที่ต่อสู้กับอันตรายทางไซเบอร์และทำให้ธุรกิจมีความแข็งแรงมากขึ้น การกู้คืนข้อมูลอย่างรวดเร็วหลังจากถูกละเมิดข้อมูลมีความสำคัญเท่ากับการมีโครงสร้างสำรองข้อมูลที่เหมาะสมอยู่แล้ว
ควรเลือกการเก็บข้อมูลเพียงรูปแบบเดียวหรือรูปแบบที่หลากหลาย?
รูปแบบการสำรองข้อมูลต่าง ๆ ได้รับการพัฒนาเมื่อเวลาผ่านไป ตั้งแต่เทปไปจนถึงแผ่น CD-ROM แต่ฮาร์ดดิสก์ยังคงเป็นเทคโนโลยีหลักของบริการสำรองข้อมูลในที่ตั้งและระยะไกล ธุรกิจส่วนมากจะมีการผสมผสานเทคโนโลยีสำรองข้อมูลในรูปแบบต่างๆ เนื่องจากการจัดเก็บข้อมูลเพียงรูปแบบเดียวไม่เพียงพอ
20 ปีที่แล้ว บริษัทสำรองข้อมูลออนไลน์กำลังประกาศว่า 'เทปได้ตายไปแล้ว' James Watts กล่าวว่า 'ตอนนี้เราอยู่ในปี 2023 และเทปยังไม่ตาย Pure อาจทำให้เกิดประเด็น HDD vs SSD แต่เทปยังคงเป็นทางเลือกที่มีต้นทุนต่ำที่สุด 'คลาวด์' ไม่ใช่แค่ HDD เท่านั้น ผู้ให้บริการคลาวด์ระดับไฮเปอร์สเกลไม่ได้โฆษณาหรือแม้กระทั้งยืนยัน ซึ่งการจัดเก็บข้อมูลแบบถาวรก็ยังคงเป็นการจัดเก็บแบบเทป
"มันขึ้นกับขอบเขตของการใช้งาน" James Watts กล่าวเพิ่ม “ตอนนี้เทปได้ถูกยกเลิกไปในหลายบริษัท และส่วนใหญ่ได้หันมาใช้ประโยชน์จากการสำรองข้อมูลในรูปแบบ HDD (ความเร็ว ความน่าเชื่อถือ ความเข้ากันได้)”
“แต่องค์กรที่มีข้อมูลปริมาณมากต้องการป้องกันยังคงค้นหาสิ่งที่มีราคาต้นทุนต่ำสุดต่อจำนวน GB, TB หรือ PB ซึ่งองค์กรขนาดเล็กอาจหันไปใช้เทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว และพวกเขาอาจจะกลายเป็นผู้ที่นำ SSD มาใช้อย่างเต็มระบบก่อนใคร”
โดยทั่วไปธุรกิจต่างๆกําลังมองหาแนวทางแบบผสมผสานในการสํารองและกู้คืนข้อมูล นอกจากนี้ Kunal Purohit, ประธานฝ่ายบริการดิจิทัลหลักของ Tech Mahindra กล่าวเพิ่มเติมว่า “ธุรกิจกำลังมองหากลยุทธ์การป้องกันข้อมูลแบบทั่วไป ที่ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีปัจจุบันและคุณสมบัติของคลาวด์รวมถึงขนาด ความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ ความง่ายในการใช้งาน และการลดต้นทุน ระบบความปลอดภัยข้อมูลรุ่นใหม่สามารถกู้คืนข้อมูลที่รวดเร็วพร้อมกับแอปพลิเคชันมีความพร้อมใช้งานในกรณีเหตุฉุกเฉิน และสามารถผสมผสานกับคลาวด์ได้อย่างไม่มีปัญหา”
Jon Fielding ผู้อำนวยการส่วนภูมิภาค EMEA ของ Apricorn ยังคงชี้ให้เห็นถึงการขาดระบบอัตโนมัติ และข้อสังเกตทั่วไปของกระบวนการสำรองข้อมูลที่ไม่ครอบคลุมและการนำไปใช้ “สำรวจล่าสุดของเราพบว่าในขณะที่ 90% ของบริษัทต้องกลับไปใช้ระบบสำรองข้อมูล แต่เพียง 27% เท่านั้นที่สามารถกู้คืนข้อมูลและเอกสารทั้งหมดของพวกเขา เปรียบเทียบกับ 45% ที่กู้คืนข้อมูลของพวกเขาอย่างสมบูรณ์ในปีที่แล้ว และเห็นได้ชัดว่าเราได้ย้อนกลับไปในแง่ของประสิทธิภาพของกลยุทธ์การสํารองข้อมูลและความยืดหยุ่นทางธุรกิจ”
แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสําหรับการกําหนดค่ากลยุทธ์การสํารองข้อมูลขององค์กร
Parkin กล่าวว่า “ฉันคิดว่าธุรกิจกําลังดิ้นรนเพื่อในการต่อสู้ค้นหาว่ามีความสนใจมีอะไรเป็นตัวเลือกบ้าง ตลาดในขณะนี้มีข้อมูลมากมายเข้ามาอย่างหลากหลายมากไม่เหมือนในอดีต”
จากเทปไปจนถึง SSD - อุปกรณ์ที่ธุรกิจเลือกเป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งของกลยุทธ์การสำรองข้อมูล การทําความเข้าใจคุณภาพของข้อมูลและว่าข้อมูลทั้งหมดต้องการการปกป้องหรือไม่เป็นสิ่งสําคัญ วิธีการแบบไฮบริดมักใช้กับบริการ on-prem และ cloud พื่อสร้างสภาพแวดล้อมการสำรองข้อมูลและการกู้คืนที่แข็งแกร่ง
Charly Batista หัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยี PostgreSQL ที่ Percona สรุปแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดบางประการในการเลือกรูปแบบพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่เหมาะสมสำหรับกลยุทธ์การสำรองข้อมูลของคุณ และกำหนดค่ากลยุทธ์ของคุณให้กว้างขึ้น
- ระบุข้อมูลสำคัญของคุณ: มีเพียงข้อมูลบางส่วนเท่านั้นที่ถูกสร้างขึ้นอย่างเท่าเทียมกัน และเราต้องการประหยัดเวลา ความพยายาม และเงิน ด้วยข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องซึ่งไม่จำเป็นต้องสำรองข้อมูล สิ่งนี้ควรได้รับการจัดทำเป็นเอกสารและวางแผน เนื่องจากคุณอาจพบว่าข้อมูลที่คุณคิดว่ามีคุณค่าน้อยกว่าและมีความสำคัญมากกว่าในการกู้คืน
- สร้างเอกสารการสำรองข้อมูล: คุณควรสร้างและดูแลรักษาเอกสารประกอบกลยุทธ์การสำรองข้อมูลของคุณอย่างละเอียด รวมถึงฐานข้อมูลและประเภทของข้อมูลที่จะสำรองข้อมูล กำหนดการสำรองข้อมูล และขั้นตอนการกู้คืน เอกสารนี้ควรได้รับการอัปเดตและพร้อมใช้งานสำหรับทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการดูแลฐานข้อมูล คุณควรเก็บสำเนากระดาษไว้นอกสถานที่ด้วย
- กำหนดตารางเวลาการสำรองข้อมูลเป็นประจำ: ข้อมูลมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง และการค้นหากำหนดเวลาที่ดีในการสำรองข้อมูลนั้นถือเป็นสิ่งสำคัญ คุณควรสำรองข้อมูลนี้ทุกวันหรือทุกสัปดาห์หรือไม่ แผนความต่อเนื่องทางธุรกิจที่สร้างขึ้นของระบบหรือบริษัทที่จัดการการสำรองข้อมูลควรกำหนดความถี่และประเภทของการสำรองข้อมูลที่คุณดำเนินการ ตั้งแต่อิมเมจระบบเต็มรูปแบบ ไปจนถึงการสำรองข้อมูลส่วนเพิ่มหรือส่วนต่าง แต่ความสอดคล้องเป็นสิ่งสำคัญ
- ทำการสำรองข้อมูลของคุณโดยอัตโนมัติ: นอกเหนือจากการสำรองข้อมูลที่เป็นมาตรฐานแล้ว คุณควรทำให้เป็นอัตโนมัติมากที่สุด เพื่อให้ระบบมีความแข็งแกร่งและเชื่อถือได้มากขึ้น และลดโอกาสที่จะเกิดข้อผิดพลาดให้เหลือน้อยที่สุด
- สร้างสำเนาหลายชุด: เราเคยพูดว่า “ใครมีสองมีหนึ่ง และใครมีหนึ่งไม่มี” การมีสำเนาสำรองหลายชุดบนไซต์ต่างๆ ทำให้กระบวนการกู้คืนเร็วขึ้น การมีสำเนาหนึ่งสำเนาใกล้กับอินสแตนซ์ที่ถูกบุกรุกและอีกเวอร์ชันหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปนั้นมีความน่าเชื่อถือมากกว่า เนื่องจากจะป้องกันภัยพิบัติทางธรรมชาติและการโจมตีได้
- ใช้สื่อบันทึกข้อมูลที่หลากหลาย: ควบคู่ไปกับการมีสำเนาหลายชุด คุณควรมีสำเนาในรูปแบบสื่อหลายรูปแบบร่วมกันเพื่อปรับปรุงความซ้ำซ้อนและความน่าเชื่อถือ ตัวอย่างเช่น หากคุณใช้งานบนคลาวด์ คุณอาจต้องการเรียกใช้การสำรองข้อมูลบนคลาวด์และการสำรองข้อมูลครั้งที่สองไปยังตำแหน่งอื่น
- สร้างการเข้ารหัสที่มีประสิทธิภาพ: กลยุทธ์การเข้ารหัสที่ดีจะช่วยรักษาข้อมูลให้ปลอดภัยในระหว่างการส่งและจัดเก็บข้อมูล นี่เป็นข้อบังคับเมื่อจัดเก็บข้อมูลสำรองไว้นอกสถานที่หรือในสภาพแวดล้อมคลาวด์ โปรดจำไว้ว่าฮาร์ดไดร์ฟอาจจะล้มเหลวอยู่เสมอ เราจำเป็นต้องรู้ว่าผู้ให้บริการกำจัดสิ่งเหล่านี้อย่างไร
- ทดสอบ ทดสอบ ทดสอบและทดสอบ: ฉันไม่สามารถเน้นย้ำถึงความสำคัญของการทดสอบการสำรองข้อมูลและทำให้แน่ใจว่าข้อมูลเหล่านั้นเชื่อถือได้และสามารถกู้คืนได้ คุณต้องทดสอบกระบวนการกู้คืนทั้งหมดเป็นประจำเพื่อให้แน่ใจว่าการสำรองข้อมูลของคุณทำงานได้อย่างถูกต้องและกระบวนการของคุณเป็นข้อมูลล่าสุดและแม่นยำ อย่ารอจนกว่าจะเกิดภัยพิบัติจึงพบว่าการสำรองข้อมูลของคุณเสียหาย หรือกระบวนการสำรองข้อมูลของคุณมีข้อผิดพลาด
ที่มา : https://bit.ly/3u0sxgq