วิธีแชร์การเชื่อมต่อ WiFi ให้ปลอดภัย
วิธีแชร์การเชื่อมต่อ Wi-Fi ให้ปลอดภัย
ขอบคุณภาพ: twenty20
ไม่ว่าคุณจะอยู่ในสำนักงานหรือระหว่างการเดินทาง คุณก็สามารถแชร์การเชื่อมต่อ Wi-Fi ได้อย่างปลอดภัย
เครือข่ายไร้สายมีประโยชน์มากมาย ตั้งแต่ความสะดวกสบายไปจนถึงต้นทุนที่ลดลง อย่างไรก็ตามการฉ้อโกงทางไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้การแบ่งปันการเชื่อมต่อ Wi-Fi ของคุณมีความเสี่ยง เพราะจากการสำรวจล่าสุดโดย Kaspersky Lab พบว่า “25% ของเครือข่าย Wi-Fi ทั่วโลกไม่มีการเข้ารหัสหรือป้องกันรหัสผ่านใดๆ ทั้งสิ้น” และจากสถานการณ์นี้นักธุรกิจมีแนวโน้มที่จะถูกขโมยข้อมูลมากกว่าเงินของพวกเขาเสียอีก
สิ่งนี้ทำให้เกิดคำถามว่าการแชร์ Wi-Fi นั้นเป็นที่ยอมรับสำหรับมืออาชีพในระดับใด เนื่องจากยิ่งคุณมีอุปกรณ์ในเครือข่ายมากเท่าไหร่ โอกาสในการละเมิดความปลอดภัยและการโจรกรรมข้อมูลก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
วิธีการหนึ่งที่ดีในการแชร์อินเทอร์เน็ตในขณะเดียวกันก็สามารถรักษาความปลอดภัยรหัสผ่านของเครือข่ายของคุณ คือการเปิดใช้งานเครือข่าย Wi-Fi ของผู้ใช้งานภายนอก โดยเครือข่ายผู้ใช้งานจากภายนอกจะใช้ชื่อเครือข่ายของ Wi-Fi และรหัสผ่านอื่นจากเครือข่ายไร้สายที่คุณสามารถเข้าถึงได้
เครือข่ายผู้เยี่ยมชมที่แยกจากกันหมายความว่า ข้อมูลและอุปกรณ์ของบริษัทคุณ เช่น เซิร์ฟเวอร์และไฟล์ที่แชร์จะมีความเสี่ยงต่อการจัดการและการขโมยน้อยกว่ามาก และเครือข่ายสองขั้ว (bifurcated network) นี้ยังช่วยให้คุณสามารถควบคุมการเข้าถึงทรัพยากรที่สำคัญของบริษัทได้ ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้ที่เชื่อมต่อกับ Wi-Fi ของผู้เยี่ยมชมจะไม่สามารถเข้าถึงทรัพยากรที่คุณแบ่งปันบนเครือข่ายของคุณได้เว้นแต่คุณจะกำหนดค่าเป็นอย่างอื่น
จากมุมมองทางเทคนิค ระดับความปลอดภัยนี้ทำได้โดยการมีจุดเชื่อมต่อสองจุดไปยังเร้าเตอร์เดียวกัน นอกจากนี้อัลกอริธึมการเข้ารหัสยังช่วยให้มั่นใจได้ถึงความลับของข้อมูลที่ส่งผ่านเครือข่ายที่ทำให้ข้อมูลของคุณปลอดภัยตลอดเวลา
เมื่อคุณทราบถึงประโยชน์ด้านความปลอดภัยของเครือข่ายของผู้ใช้งานภายนอกแล้ว เรามาดูวิธีการตั้งค่ากัน
วิธีเปิดใช้งาน Wi-Fi สำหรับผู้ใช้งานภายนอกในที่ทำงาน
เครือข่ายไร้สายของผู้ใช้งานภายนอกส่วนใหญ่ได้รับการกำหนดค่าและดูแลโดยผู้ดูแลระบบเครือข่าย อย่างไรก็ตาม การรู้ขั้นตอนอาจมีประโยชน์ในสถานการณ์ที่คุณทำงานจากระยะไกล
โดยใช้ขั้นตอนดังต่อไปนี้เพื่อตั้งค่าเครือข่ายไร้สายสำหรับผู้ใช้งานภายนอก ผู้ขาย, คนรู้จัก, เพื่อนบ้านและอื่นๆ :
-
ป้อนที่อยู่ IP เร้าเตอร์ของคุณในแถบ URL ของเบราว์เซอร์ (สิ่งนี้จะพาเข้าสู่ระบบทันที) โดยดูคู่มือผู้ใช้เร้าเตอร์ของคุณสำหรับที่อยู่ IP, ชื่อผู้ใช้ของผู้ดูแลระบบ และรหัสผ่าน
-
ป้อนชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านของผู้ดูแลระบบเพื่อลงชื่อเข้าใช้
-
เปิดใช้งาน “อนุญาตสิทธิการเข้าถึงของผู้เยี่ยมชม” ในส่วนของ “Wi-Fi” ในการตั้งค่าเร้าเตอร์
-
กำหนดค่าเครือข่ายสำหรับผู้ใช้งานภายนอกโดยเพิ่มชื่อเครือข่ายและรหัสผ่าน สำหรับเร้าเตอร์แบบที่ทำงานบนสองคลื่นความถี่ (dual-band routers) ที่มีตัวเลือกแบนด์วิดท์ 2.4 และ 5 GHz คุณจะต้องตั้งชื่อเครือข่ายและข้อความรหัสผ่านแยกกันสำหรับแต่ละแบนด์ นอกจากนี้แผงควบคุมของเร้าเตอร์บางตัวจะระบุชื่อเครือข่ายเป็นตัวระบุชุดบริการ (SSID)
-
เลือกระบบเข้ารหัสจากตัวเลือกที่มี เพื่อไม่ให้ข้อมูลที่ส่งผ่าน Wi-Fi ถูกดักจับได้ (WPA2 คือ การเข้ารหัสที่แนะนำสำหรับเร้าเตอร์ Wi-Fi)
-
สุดท้ายปิดการใช้งาน“ อนุญาตการเข้าถึง” ทรัพยากรเครือข่ายท้องถิ่นและการตั้งค่า
-
แชร์ชื่อและรหัสผ่านของเครือข่าย Wi-Fi ที่กำหนดค่าไว้ เพื่อให้สิทธิ์การเข้าถึงเครือข่ายสำหรับผู้ใช้งานภายนอกของคุณ
และเพื่อเป็นการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย ควรอัปเดตเฟิร์มแวร์ของเร้าเตอร์ที่บ้านเป็นระยะๆ เพราะวิธีนี้จะช่วยป้องกันช่องโหว่ที่ทำให้สามารถโดนแฮ็กได้, ทำให้เครือข่ายของคุณปลอดภัย และไม่สามารถเข้าถึงได้
วิธีแชร์ Wi-Fi มือถือ เมื่ออยู่นอกสถานที่
สำหรับมืออาชีพที่ต้องเดินทาง การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่ช้าอาจทำลายประสิทธิภาพการทำงาน นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องน่าหงุดหงิดที่ต้องจ่ายราคาแพงสำหรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่แย่ ในห้องพักของโรงแรมและห้องรับรองในสนามบิน
โชคดีที่สมาร์ทโฟนส่วนใหญ่ในปัจจุบันมีคุณสมบัติในตัวที่ช่วยให้คุณสร้างฮอตสปอต Wi-Fi ได้ โดยฮอตสปอตนี้เป็นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตส่วนตัวของคุณที่ใช้สัญญาณเซลลูลาร์ แม้ว่าคุณจะใช้การเชื่อมต่อเซลลูลาร์ แต่คุณก็ยังสามารถโทรออกและรับสาย และตอบกลับข้อความได้ในขณะที่ใช้งานฮอตสปอตอยู่
แผนบริการเซลลูลาร์บางแผนมีข้อมูล Wi-Fi ฮอตสปอตแบบ “ไม่จำกัด” แต่ในส่วนแบบ “ไม่จำกัด” จะใช้กับการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของคุณที่ไม่เกี่ยวกับความเร็ว โดยทั่วไปผู้ให้บริการเหล่านี้จะให้ข้อมูลความเร็วสูงอยู่ที่ 20-100GB ต่อเดือนที่ดาวน์สตรีมประมาณ 5-12Gbps และอัปสตรีมได้ 2-5Gbps และเมื่อคุณใช้ข้อมูลถึงขีดจำกัดแล้ว ผู้ให้บริการของคุณอาจจะลดความสำคัญของการเชื่อมต่อนี้ซึ่งส่งผลทำให้ความเร็วของฮอตสปอตช้าลงอย่างมาก
หากคุณกำลังสงสัยว่าข้อมูลของคุณจะไปได้ไกลแค่ไหน สามารถคาดคะแนได้ดังนี้ การโทรแบบกลุ่ม Zoom คุณภาพสูงจะใช้ 81 MB ต่อชั่วโมง ในขณะที่การท่องเว็บและอีเมลทั่วไปใช้เพียง 7GB ต่อเดือนโดยเฉลี่ย ซึ่งในทั้งสองสถานการณ์นี้จะไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เว้นก็แต่คุณจะใช้ข้อมูลถึงขีดจำกัดของแผนบริการข้อมูลของคุณ อย่างไรก็ตามโปรดทราบว่าแม้แต่แผนข้อมูลแบบไม่จำกัด ก็มีขีดจำกัดเหมือนกัน
การปิดแอปพื้นหลังที่ไม่ต้องการและการปิดใช้งานคุณสมบัติดาวน์โหลดอัตโนมัติสามารถเพิ่มความเร็วข้อมูลมือถือได้อย่างมาก และการปิดฮอตสปอตเมื่อไม่ใช้งานก็เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต
วิธีเปิดใช้งานคุณลักษณะฮอตสปอต Wi-Fi บนแพลตฟอร์ม โดยระบบปฏิบัติการที่ใช้กันมากที่สุดมีอยู่ 2 แพลตฟอร์ม ได้แก่ iPhone และ Android
การตั้งค่าฮอตสปอตบน iOS
-
ไปที่การตั้งค่าสมาร์ทโฟนของคุณ
-
แตะตัวเลือก “Personal Hotspot”
-
เปิด "อนุญาตให้ผู้อื่นเข้าร่วม"
หากคุณใช้คุณสมบัติฮอตสปอต Wi-Fi เป็นครั้งแรก หน้าต่างป็อปอัปจะปรากฏขึ้นพร้อมข้อมูลต่อไปนี้ ชื่อเครือข่ายและรหัสผ่าน โดยตามค่าเริ่มต้น ชื่อเครือข่ายจะเหมือนกับชื่ออุปกรณ์ของคุณ ในส่วนนี้ให้เปลี่ยนชื่อเครือข่ายหากจำเป็นแล้วพิมพ์รหัสผ่าน Wi-Fi ใหม่ จากนั้นเลือกโปรโตคอลความปลอดภัย WPA2 ที่ใช้การเข้ารหัสแบบ AES เพื่อเพิ่มความปลอดภัย
การตั้งค่าฮอตสปอตบน Android
-
เปิด“ การตั้งค่า”
-
ไปที่ “เครือข่ายและอินเทอร์เน็ต” > “ฮอตสปอตและการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านมือถือ” > “Wi-Fi ฮอตสปอต”
-
สลับ “Wi-Fi ฮอตสปอต” เป็นเปิด
เช่นเดียวกับ iPhone ชื่อฮอตสปอตของโทรศัพท์มือถือ Android จะเหมือนกับชื่ออุปกรณ์ ควรตั้งรหัสผ่านที่คาดเดายากตามด้วยประเภทการเข้ารหัส หรือเปลี่ยนชื่อฮอตสปอตหากจำเป็น
2.4 GHz vs 5 GHz: คุณควรใช้ความถี่ใด?
การเลือกความถี่ระหว่าง 2.4 ถึง 5 GHz เป็นการแลกเปลี่ยนระหว่างความเร็วและช่วง
ย่านความถี่ไร้สาย 5GHz ให้อัตราข้อมูลที่เร็วกว่าแต่สัญญาณเดินทางในระยะทางนั้นสั้นกว่า ในขณะที่สัญญาณ 2.4GHz เดินทางได้ไกลกว่าแต่ความเร็วของข้อมูลนั้นช้ากว่า
เวลาแฝงที่ต่ำกว่าของย่านความถี่ 5GHz ทำให้เหมาะสำหรับกิจกรรมที่มีแบนด์วิธสูง เช่น การประชุมทางวิดีโอและการเล่นเกม แต่สำหรับอุปกรณ์ที่อยู่ห่างจากเร้าเตอร์มาก เช่น สมาร์ทโฟนหรือสมาร์ทวอทช์ ช่วงที่กว้างขึ้นของเครือข่าย 2.4GHz จะเหมาะกับที่ราคาต้องจ่ายมากกว่า
ข้อได้เปรียบที่สำคัญอย่างหนึ่งที่ 2.4GHz มีมากกว่าย่านความถี่ 5GHz ที่ใหม่กว่า คือ มันสามารถทะลุผ่านวัตถุที่เป็นของแข็งได้ง่ายขึ้น เนื่องจากเวิร์คสเตชั่นและพื้นที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่ไม่มีวัตถุใดๆ อย่างไรก็ตามการใช้ 5GHz ควบคู่กับ 2.4GHz จะทำให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากทั้งสองแบบ
วิธีเพิ่มความแรงของสัญญาณ Wi-Fi
เร้าเตอร์ Wi-Fi มีกำลังส่งสัญญานที่จำกัดกว่าเสาสัญญาณหรือสถานีกระจายสัญญาณ นอกจากนี้สิ่งกีดขวาง เช่น กำแพงหรือชิ้นส่วนโลหะ สามารถปิดกั้นสัญญาณ Wi-Fi บางส่วนหรือทั้งหมดได้ ดังนั้นเพื่อให้เร้าเตอร์มีประสิทธิภาพสูงสุดควรหลีกเลี่ยงการวางไว้ใกล้สิ่งกีดขว้างหรือบนพื้น
ตำแหน่งที่เหมาะสำหรับเร้าเตอร์ คือ จุดยกระดับที่อยู่ใกล้กับใจกลางห้อง เนื่องจากคลื่นวิทยุมักจะกระจายออกไปในทิศทางลง และแม้ว่าสัญญาณ Wi-Fi จะสามารถทะลุผ่านกำแพงและเพดานได้อย่างง่ายดาย แต่สิ่งกีดขวางที่น้อยลงมักส่งผลให้การส่งผ่านข้อมูลนั้นดีขึ้น นอกจากนี้วัตถุโลหะ, กระจก และเครื่องใช้ที่ปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เป็นตัวขัดขวางสัญญาณ Wi-Fi อย่างมาก
สุดท้ายนี้ พยายามหลีกเลี่ยงการตกเป็นเป้าหมายของเหล่าแฮกเกอร์ Wi-Fi
แม้จะมีเครือข่ายที่มีการป้องกันด้วยรหัสผ่านแล้ว แต่การระมัดระวังเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันการบุกรุกเครือข่ายและการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งการเปลี่ยนรหัสผ่านเริ่มต้นของเร้าเตอร์ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี โดยปกติผู้ผลิตอุปกรณ์จะกำหนดชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านของเร้าเตอร์ให้กับผู้ใช้ทุกคนหมือนกัน
ยิ่งไปกว่านั้น เหล่าสแฮกเกอร์สามารถเข้าถึงข้อมูลรับรองของเร้าเตอร์ผ่านการค้นหาง่ายๆ ของ Google เกี่ยวกับแบรนด์ และเพื่อเพิ่มการป้องกันสูงสุด ให้เข้าไปที่การตั้งค่าการดูแลระบบของเร้าเตอร์ แล้วตั้งรหัสผ่านที่คาดเดายากด้วยตัวเลขและอักขระพิเศษ นอกจากนี้ควรปิดใช้งานการเชื่อมต่ออัตโนมัติเมื่อเข้าร่วมเครือข่ายและงดการเข้าถึง, เยี่ยมชมหรือใช้เว็บไซต์ใดๆที่คุณคิดว่าอาจไม่มีโปรโตคอลความปลอดภัย HTTPS ที่จำเป็น
ที่มา: https://bit.ly/3jeorbl