เมื่อโลกของการเงินถูกเขย่าด้วยสกุลเงินดิจิตอล สังคมจะเปลี่ยนไปเช่นไร
เมื่อโลกของการเงินถูกเขย่าด้วยสกุลเงินดิจิตอล สังคมจะเปลี่ยนไปเช่นไร
สกุลเงินดิจิตอล เริ่มมีอนาคตมากขึ้นเรื่อย ๆ สกุลเงินที่มีมาตั้งแต่ต้นก็หนักแน่นขึ้น ในขณะที่สกุลเงินใหม่ก็เริ่มเติบโต แล้วโลกการเงินจะพลิกโฉมไปเช่นไรกัน
ไม่ว่า Cryptocurrencyจะดีจริงหรือไม่ก็ตาม แต่ก็ต้องยอมรับว่าสิ่งนี้มีเสน่ห์ไม่น้อย ซึ่งเป็นเสน่ห์ที่มาพร้อมกับความน่ากลัว และตลาดนี้มีโอกาสโตและทำให้เงินสะพัดได้อย่างมากทีเดียว เพราะแค่ดูในประเทศไทยอัตราการซื้อขายสกุลเงินดิจิตอลต่อวันสูงถึง 100-200 ล้านบาทเลยทีเดียว นักลงทุนรุ่นใหม่หลายเสียงยังยืนยันว่า Cryptocurrencyยังคงมีความน่าสนใจและจะเป็นสิ่งที่เปลี่ยนระบบเศรษฐกิจโลกได้จริง แต่อาจจะยังไม่ใช่เวลานี้หรือภายในปีสองปีนี้ สำหรับเงินดิจิตอลแล้วอาจจะต้องใช้เวลาอีกหลายปี กว่าจะให้ทุกอย่างนิ่งกว่านี้ นักลงทุนจึงไม่ควรมองตลาดนี้แค่ผิวเผินแล้วรีบลงทุน สิ่งที่เกิดขึ้นกับแวดวงการเงินและการลงทุนในโลกเพราะพลังของเงินดิจิตอลนี้ จึงนำมาสู่คำถามที่ว่าหากในอนาคตอีกไม่กี่ปี หลาย ๆ ประเทศนำเงินดิจิตอลมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันกันจริง ๆ จะเกิดอะไรขึ้น ระบบเงินตราของโลกจะเป็นเช่นไร
หลาย ๆ ประเทศเตรียมพร้อมการใช้สกุลเงินดิจิตอลกันแล้ว
ในช่วงเวลาที่เรามานั่งตั้งคำถามกันว่าCryptocurrencyเป็นสิ่งดีไม่ดีอย่างไร ควรจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือไม่ มีหลายประเทศเปิดใจกับเรื่องนี้ถึงขนาดเตรียมความพร้อมของประเทศในส่วนต่าง ๆ เพื่อรับมือกับการใช้จ่ายด้วยสกุลเงินดิจิตอลต่าง ๆ กันแล้ว อย่างเช่นสวิตเซอร์แลนด์ พวกเขาเริ่มสร้างหมู่บ้านคริปโตขึ้นมา เหมือนเมืองทดลองที่ภายในหมู่บ้านนั้น จะจับจ่ายใช้สอยทำการซื้อขายสินค้าและบริการต่าง ๆ กันด้วยคริปโตเคอเรนซี่เท่านั้น ไม่ใช้เงินสดเลย และสิ่งนี้ก็ไปสร้างแรงบันดาลใจให้กับเกาหลีใต้ ซึ่งเกาหลีใต้เป็นอีกชาติหนึ่งที่ให้ความสนใจและให้ความสำคัญกับเรื่องของคริปโตเคอเรนซี่ เมื่อพวกเขาได้แรงบันดาลใจมาจากหมู่บ้านคริปโตของสวิตเซอร์แลนด์จึงเกิดไอเดียคล้าย ๆ กันในการสร้างCrypto Beachหรือชายหาดคริปโต อันจะกลายเป็นศูนย์รวมนักลงทุนด้านสกุลเงินดิจิตอลและจะเป็นจุดท่องเที่ยวแห่งใหม่ด้วย ซึ่งคาดว่าจุดดังกล่าวนี้จะตั้งอยู่ทางตะวันออกของปูซาน รวมไปถึงญี่ปุ่นเองก็เปิดใจรับเรื่องนี้มากว่า 2 ปีแล้ว โดยร้านค้าแบบอิเล็กทริคซูเปอร์มาร์เก็ตที่มีนามว่าBic Cameraในญี่ปุ่น ได้เปิดรับการชำระเงินค่าสินค้าเป็นสกุลเงินดิจิตอลอย่างBitcoinแล้วด้วย ซึ่งเป็นการดำเนินการที่ถูกต้องตามกฎหมายของญี่ปุ่นอย่างเรียบร้อย ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่าเงินดิจิตอลเริ่มขยับเข้ามาใกล้ชีวิตประจำวันของผู้คนมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้จะเป็นไปอย่างช้า ๆ ก็ตาม
สกุลเงินดิจิตอลไม่ได้มีแค่ Bitcoin
เรามักเข้าใจกันว่าเงินดิจิตอลคือ Bitcoinแต่ในความเป็นจริงแล้วสกุลเงินดิจิตอลปัจจุบันมีกว่า 2,000 สกุลเงินเลยทีเดียว ซึ่งดูแล้วไม่ต่างอะไรกับค่าเงินจริง ๆ ของโลกที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันที่จะมีสกุลเงินแยกกันไปตามแต่ละประเทศของตนเอง แต่สิ่งที่เงินดิจิตอลแตกต่างออกไปจากสกุลเงินจริง ๆ ในโลกก็คือ เงินดิจิตอลไม่มีใครมากำหนดค่าเงินตายตัว จึงทำให้การใช้เงินแบบนี้มีความเสี่ยงสูงเพราะราคาและมูลค่ามีความผันผวนสูงมาก วันเดียวราคาเปลี่ยนแปลงได้ถึงหลักหลายหมื่นบาทก็มีมาแล้ว ก็คงเป็นเรื่องน่าคิดอยู่เหมือนกันหากว่าคุณมีเงิน 1 Bitcoinอยู่ในกระเป๋าแบบe-Walletซึ่งมูลค่าในตอนนั้นอยู่ที่ 3 แสนบาท วันต่อมาคุณไปซื้อสินค้าชิ้นใหญ่อะไรสักชิ้น ที่มูลค่า 3 แสนบาท แต่ปรากฏว่ามูลค่าของ Bitcoinเปลี่ยนไปในข้ามคืน 1 Bitcoinเหลือมูลค่าอยู่เพียง 1 แสนบาทคุณจะทำอย่างไร นี่คือสิ่งที่โลกการเงินดิจิตอลเองก็ยังตอบไม่ได้เช่นกัน
หากสกุลเงินดิจิตอลสามารถเปลี่ยนสังคมโลกให้กลายมาเป็นสังคมไร้เงินสดได้จริงก็คงจะเป็นเรื่องดีไม่น้อย เพราะชีวิตติดสปีดของคนยุคใหม่ก็คงจะสะดวกมากขึ้นในหลาย ๆ อย่าง แต่ทว่าวันนี้เงินดิจิตอลยังเป็นอะไรที่คลุมเครือและไม่มีความชัดเจนทำให้วงการนี้ยังคงต้องจับตาดูกันไปแบบยาว ๆ ซึ่งคาดว่าคงไม่ใช่เร็ว ๆ นี้แน่นอนที่เงินดิจิตอลเหล่านี้จะนำมาใช้จับจ่ายแทนเงินสดได้จริง แต่ก็ถือว่าสิ่งนี้คือสิ่งที่สร้างความสั่นสะเทือนให้วงการการเงินของโลกได้อย่างมากจริง ๆ