Please wait...
SOLUTIONS CORNER
การประมวลผลผ่าน Edge Computing ให้ประโยชน์แก่ธุรกิจอย่างไร

การประมวลผลผ่านเอดจ์(Edge Computing) ให้ประโยชน์แก่ธุรกิจอย่างไร?


ในปัจจุบันความสนใจของ การประมวลผลผ่านเอดจ์(Edge computing) อาจจะน้อยกว่า การประมวลผลผ่านคราวด์ (Cloud Computing) อย่างไรก็แล้วแต่นี่อาจจะเป็นความลับที่จะพลิกโฉมรูปแบบในการดำเนินธุรกิจ
 
จากร้านค้าที่เห็นได้ทั่วไปที่สามารถอธิบายรูปแบบการเข้าเยี่ยมชมร้านของลูกค้า (Traffic patterns) ไปจนถึงยานพาหนะขับเคลื่อนอัตโนมัติซึ่งตีความได้ถึงสภาพแวดล้อมของเทคโนโลยีที่มุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และนี่คือผลจาก เอดจ์(edge) ที่สามารถพบเห็นได้ทุกที่
โดยเทคโนโลยีรูปแบบนี้ได้เริ่มต้นตั้งแต่ช่วง1990sและเมื่อเวลาผ่านไป มันได้ถูกใช้งานในการจัดการข้อมูลของคราวด์เป็นหลัก อย่างไรก็ตาม การพัฒนาในสมัยใหม่ได้มอบ ระบบการเก็บข้อมูลด้วย เอดจ์(edge) และความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลที่รับมาจากตำแหน่งของเครื่องจักรซึ่งทำให้เทคโนโลยี เอดจ์(edge) นี้ต้องแข่งขันกับคราวด์มากกว่าสนับสนุนกัน

ในยุคนี้อินเทอร์เน็ตคือสิ่งที่เราสามารถทำให้มันเป็นตามที่เราต้องการ เราสามารถปั้นตามรูปแบบที่เราปรารถนาและความปรารภนามักจะเร็วขึ้น, คุณภาพสูงขึ้น, และต้องพร้อมที่จะแสดงผลผ่านหน้าจออยู่ตลอด
การพัฒนาของความเร็วในการส่งข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต(bandwidth-intensive) และการเพิ่มจำนวนการใช้งานของ IoT ทำให้ edge computing เข้ามาเป็นตัวกลางในหลากหลายอุตสาหกรรมพร้อมกับผลประโยชน์มหาศาลในผลลัพธ์


ประโยชน์เพื่อสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้า(Customer experience)

ประสบการณ์ที่พบได้แพร่หลายจากประโยชน์ของedge computing คือ ความสามารถในการเพิ่มขีดจำกัดในการลดภัยคุกคาม เนื่องจากอุปกรณ์ IoT จะต้องประมวลผลของ เอดจ์(edge) ผ่านศูนย์ข้อมูลขนาดเล็ก ดังนั้นข้อมูลที่ถูกรวบรวมและส่งออกไม่จำเป็นต้องถูกส่งผ่านเครื่องมือชนิดเดียวกันเพราะว่ามีการส่งข้อมูลผ่านคราวด์

การประมวลผลผ่าน edge คือการประมวลผลผ่านจุดที่ผู้ใช้งานและอุปกรณ์ของเขาอยู่ด้วยกัน ซึ่งเป็นการกระจายรูปแบบการส่งข้อมูลที่ลูกค้าสามารถส่งข้อมูลได้จากระยะไกลตามที่ต้องการซึ่งเป็นการตัดข้อจำกัดเรื่องระยะทางและต่อมาคือเรื่องเวลาที่ลูกค้าได้รับบริการที่มีความเร็วในการส่งข้อมูลมากขึ้น ทั้งหมดนี้คือตัวอย่างบางส่วนของการเดินทางของข้อมูลที่ถูกส่งปลายทางได้รวดเร็วขึ้น
เรื่องความปลอดภัย

ในทางทฤษฏีนั้นการประมวลผลผ่านวงจรภายนอกพร้อมกับส่งข้อมูลไปยังโครงสร้างการประมวลผลคือนำedge computing มาใช้งานทำให้พื้นที่การใช้งานของแอพลิเคชั่นเพิ่มโอกาสที่จะต้องเผชิญกับการโจมตีทางไซเบอร์(Cyber Attack)อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติ การกระจายโครงสร้างจะช่วยลดจำนวนความเสี่ยงที่ข้อมูลจะถูกโจมตีในแต่ละครั้ง เนื่องจากข้อมูลได้ถูกป้องกันโดยไดรเวอร์หลักก่อนจะถูกส่งไปยังศูนย์ข้อมูลย่อย

ในสถานการณ์นี้สามารถอธิบายได้ว่าการประมวลผลข้อมูลโดยที่ไม่มีการใช้คราวด์สาธารณะจะเพิ่มระดับความปลอดภัยมากขึ้นด้วยการเปลี่ยนการประมวลผลผ่านคราวด์ปกติเป็นระบบการส่งข้อมูลผ่านคราวด์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นพร้อมกับ การประมวลผล พื้นที่จัดเก็บและแอพลิเคชั่นที่กระจายไปสู่อุปกรณ์และศูนย์ข้อมูลขนาดเล็กต่างๆ ดังนั้นการประมวลผลด้วยเอดจ์ (edge) จะสามารถลดการถูกรบกวนด้วยการใช้ฐานจัดเก็บข้อมูลหลักในทุกสถานการณ์มารวมข้อมูลเข้ามาอยู่ในเครือข่ายเดียวกัน
หากพูดถึงการโจมตีทางไซเบอร์ เมื่อตรวจพบว่ามีผู้ต้องการประสงค์ร้ายระบบจะทำการปิดกั้นตัวเองเพื่อป้องกันการโจมตีโดยที่ไม่จำเป็นต้องปิดเครือข่ายทั้งระบบซึ่งจะทำให้อุปกรณ์IoT เพียงเครื่องเดียวที่ได้รับผลกระทบเมื่อมีการพบจุดอ่อนและข้อบกพร่อง ดังนั้นถึงแม้ว่าอุปกรณ์จะถูกแทรกซึมแต่มีข้อมูลเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ
 

ความสามารถในการรองรับข้อมูลที่ไม่มีสิ้นสุด(Scalability)

บางทีหนึ่งในข้อได้เปรียบที่เข้าใจได้ในedge computing คือการมีพื้นที่รองรับปริมาณข้อมูลที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ(Scalability)
ในอดีตหลายบริษัทต้องอาศัยศูนย์ข้อมูลที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะสำหรับเก็บข้อมูล อย่างไรก็ตามฐานข้อมูลที่พวกเขามีไม่ได้แสดงผลลัพธ์ที่ดีตลอดไปโดยเฉพาะเมื่อต้องพิจารณาค่าติดตั้งและค่าซ่อมบำรุงที่สูง และอีกอย่างการเติบโตอาจจะมีข้อจำกัดเช่นกันเนื่องจากองค์กรส่วนใหญ่ได้คุ้นเคยกับศูนย์ข้อมูลที่เขามีและพลาดในการปรับปรุงเทคโนโลยี

ดังนั้น edge computing ที่สามารถเชื่อมต่อสู่อุปกรณ์ที่รองรับ Internet of Things ไปยังแหล่งเก็บข้อมูลขนาดเล็กทำให้มีการรองรับพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่มีมากขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยเพื่อให้ความมั่นใจว่าจะเป็นตัวเลือกที่มีต้นทุนต่ำกว่าในการทำหน้าที่เป็นศูนย์จัดเก็บข้อมูล

ข้อดีอีกข้อหนึ่งคือศูนย์ข้อมูลขนาดเล็กนั้นสามารถขยายได้อย่างง่ายดายเพื่อรองรับจำนวนข้อมูลและกิจกรรมจากผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้นหรือตอบสนองความต้องการในการพัฒนา ทดสอบ และการปรับปรุงแอพลิเคชั่นใหม่ เมื่อศูนย์ข้อมูลถูกใช้จนเต็มความจุ แหล่งเก็บข้อมูลใหม่จะถูกเพิ่มในอุปกรณ์เดียวกันขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของพื้นที่ ด้วยพื้นที่จัดเก็บที่มาตรฐานและเป็นรูปแบบสำเร็จรูปทำให้มั่นใจว่าระบบสามารถใช้งานในหลากหลายรูปแบบได้อย่างลงตัว


การบูรณาการได้อย่างหลากหลาย(Interoperability)

การลงทุนใน edge computing สามารถสร้างความมั่นใจได้ว่าจะไม่ทำให้ระบบที่มีอยู่นั้นล้าสมัย อุปกรณ์ที่ประมวลผลด้วย เอดจ์(edge) นั้นมีบทบาทในการเป็นสะพานเชื่อมระหว่างเครื่องมือแบบดั้งเดิมและสมัยใหม่โดยการเพิ่มช่องทางในการสื่อสารเพื่อให้ทั้งสองเครื่องมือมีประโยชน์ในธุรกิจedge computing นั้นสร้างชื่อในอุตสาหกรรมและนี่คือยุคสมัยที่ เอดจ์(edge) จะสร้างประโยชน์และประสบการณ์ที่ดีที่สุด

ถึงกระนั้นก็ยังต้องมีการทำงานเพื่อให้มั่นใจว่าedge computing จะสามารถสื่อสารได้อย่างถูกต้องร่วมกับระบบดั้งเดิมและระบบสมัยใหม่ ซึ่งได้ถูกระบุว่ายังมีปัญหาและประโยชน์ที่ต้องคำนึงถึงในเวลาเดียวกันโดยนักพัฒนา และการทดสอบการบูรณาการนั้นอยู่ในระหว่างรอผลว่าการทำงานของ เอดจ์(edge)  จะเป็นอย่างไรเมื่อประมวลผลร่วมกับ
ระบบsecular โดยเป้าหมายคือการสร้างอินเตอร์เฟซ(Interface)ที่เปิดรับมากขึ้นซึ่งจะมีจุดเด่นคือระบบที่หลากหลายสามารถทำงานร่วมกันได้ (versatility)

ควิกเซิร์ฟ
สินค้า
งานระบบ
บริการ
กิจกรรม
ออนไลน์