Work from Home เป็นอะไรที่โดดเดี่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่คุ้นชินกับการใช้ชีวิต 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในสภาพแวดล้อมอันวุ่นวายที่ต้องติดต่อกับคนอื่นอยู่ไม่ขาด ชาร์ลี วอร์รัล ผู้ดูแลการตลาดออนไลน์ของบริษัทออกแบบเว็บไซต์ Imaginaire Digital ก็คิดถึงความเรียบง่ายที่ได้พูดคุยต่อหน้ากับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆเช่นกัน
“ผมไม่เคยทำงานแบบ Work from Home มาก่อน นี่จึงทำให้ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องใหม่มาก และยิ่งทำให้ผมเห็นว่าจริงๆแล้วออฟฟิศของพวกเราดีขนาดไหน” วอร์รัลบอกกับ IT Pro ในมุมมองของเขา การขยับจากบทสนทนาวันต่อวันไปสู่พื้นที่ดิจิทัลนั้นส่งผลกระทบกับคุณภาพของการสื่อสารเป็นอย่างมาก
เคอร์รี ชีฮาน หัวหน้าฝ่าย Content & PR ของ FSE Digital บริษัทดิจิทัลที่เชี่ยวชาญด้านการตลาดเครื่องมือค้นหาออนไลน์ นับปัญหาทางเทคนิคและความเปลี่ยนแปลงในปฏิสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมงานเป็นข้อเสียหลักของการ Work from Home ในช่วงล็อคดาวน์
“พวกเราเป็นบริษัทดิจิทัล ดังนั้นก็แน่อยู่แล้วว่าพวกเราถนัดใช้เครื่องมือดิจิทัล แต่บางครั้งคนก็ชอบลืมว่าการใช้เครื่องมือดิจิทัลเพื่อทำการตลาดมันต่างจากการรู้เรื่องไอที ฉันเขียนเรียงความเล่าเรื่องความซับซ้อนขององค์ประกอบการทำ SEO On-Page ได้สบาย แต่ถ้า Outlook ตัวเองพังก็คงทำได้แค่เฟสไทม์ไปหาพวกฝ่ายไอที” เธอบอก
ผลสำรวจจาก Atlas Cloud ผู้ให้บริการด้านการบริหารจัดการในสหราชจักรที่เน้นให้บริการโซลูชั่นคลาวด์และบริการโฮสติง ชี้ให้เห็นว่าพนักงานเกินกว่าครึ่ง (57%) เชื่อว่าบริษัทของตนควรช่วยเหลือพวกเขาให้ทำงานได้ผลิตภาพมากกว่านี้ ในขณะที่พนักงานออฟฟิศจำนวนสี่ในห้า (79%) ซึ่งต้อง Work From Home เชื่อว่าการล็อคดาวน์พิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเขาสามารถทำงานในสภาพแวดล้อมดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และประมาณหนึ่งในห้า (19%) บอกว่าพวกเขาต้องการให้บริษัทเร่งจัดการให้ตนเองสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในช่วงล็อคดาวน์
ปีเตอร์ วัตสัน CEO ของ Atlas Cloud เห็นว่าสถานการณ์ในปัจจุบันเป็น “การเปลี่ยนแปลงนิสัยการทำงานของชาวอังกฤษในชั่วข้ามคืนที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา นับตั้งแต่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2”
“ผลวิจัยของเราแสดงให้เห็นว่าพนักงานออฟฟิศส่วนใหญ่เชื่อว่าพวกเขาต้องการความช่วยเหลือจากนายจ้างของตนในการรับมือกับความท้าทายด้านเทคโนโลยีจากการที่ต้อง Work from Home” เขาบอก
หนึ่งในสามของพนักงาน (34%) กล่าวว่างานของพวกเขาได้รับผลกระทบจากอินเตอร์เน็ตบ้านที่ย่ำแย่ ในขณะที่ 24% บ่นว่าต้องลงชื่อเข้าใช้แพคเกจซอฟต์แวร์และแอพพลิเคชั่นที่แยกกันมากเกินไปขณะทำงานจากที่บ้าน ผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนหนึ่งในห้ากล่าวว่าพวกเขาไม่สามารถเข้าถึงไฟล์งานที่ตนเองต้องการได้เมื่อทำงานจากที่บ้าน (22%) หรือบ่นว่าคุณภาพของแล็ปท็อป คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ หรือแท็บเล็ตที่ใช้ใน Work from Home นั้นส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพในการทำงานของพวกเขา (20%)
การใช้เทคโนโลยีในการทำงานที่บ้านยังเป็นฝันร้ายของความมั่นคงปลอดภัย จากคำพูดของวัตสัน “พนักงานออฟฟิศอาจไม่สามารถ Work from Home ได้อย่างปลอดภัยเหมือนแต่ก่อน ไม่ว่าจะเป็นทั้งเรื่องธุรกิจไปจนถึงเรื่องความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์”
ลูกจ้างจำนวนถึงหนึ่งในสี่ใช้แล็ปท็อปส่วนตัวในการทำงานที่บ้าน ครึ่งหนึ่งยอมรับว่าพวกเขาเก็บไฟล์งานไว้ในอุปกรณ์ส่วนตัวของตน นี่ก่อให้เกิดความกังวลเป็นอย่างมากเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูลทางธุรกิจ
ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ เป็นประเด็นที่ธุรกิจทั้งหลายต้องหาทางรับมือหากยังต้อง Work From Home กันอยู่ เพียงเดือนเดียว การล็อคดาวน์ในช่วงโคโรนาไวรัสก็เปลี่ยนภูมิทัศน์การทำงานในแบบดั้งเดิมไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ มันแสดงให้ทุกคนเห็นว่าการประชุมก็เป็นเพียงอีเมลได้