Peter Drucker ที่ปรึกษา นักวิชาการศึกษา และนักเขียนที่มีชื่อเสียงระดับโลกกล่าวว่า “ประสิทธิภาพคือการทำสิ่งต่างๆ อย่างถูกต้อง ประสิทธิผลก็คือการทำสิ่งที่ถูกต้อง” เมื่อพูดถึงประสิทธิภาพการดำเนินงานด้าน ITการทำสิ่งที่ถูกต้อง ซึ่งหมายถึงการปรับปรุงให้ IT มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยการทำเช่นนั้นการจัดระเบียบด้าน IT จะสามารถประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายได้ การทุ่มเททรัพยากรที่มากขึ้นในการทำกิจกรรมเชิงกลยุทธ์แต่ไม่ใช่การทำอะไรแบบขาดระเบียบ ยังมีงานอีกมากมายที่ต้องทำ ฝ่าย IT จำเป็นต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าการเปลี่ยนแปลงที่เราทำ ไม่ได้ทำให้เสียคุณภาพของผลิตภัณฑ์หรือบริการกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เราต้องทำในสิ่งที่ถูกต้องนั่นเอง
ดังนั้นจึงเกิดคำถามในใจขึ้นว่า? คุณจะตัดความซับซ้อนได้อย่างไรโดยไม่ต้องลดคุณภาพ ? เพราะตามที่บางทีม IT บางแห่งพบว่าการนำเอาระบบ โครงสร้างพื้นฐานแบบ Hyperconverged มาใช้ เป็นขั้นตอนที่มั่นคงในทิศทางที่ถูกต้อง
Hyperconverged Infrastructure สามารถทำให้ธุรกิจมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นอย่างมากโดยเฉพาะประสิทธิภาพการดำเนินงาน ตัวอย่างเช่น ธุรกิจที่ใช้ เทคโนโลยี Hyperconverged Infrastructure มาใช้ ต่างก็ตระหนักถึงการเพิ่มขึ้นร้อยละ 81 ในเวลาที่ใช้ในโครงการ และนวัตกรรมใหม่ ๆ นอกจากนี้ธุรกิจเหล่านี้ยังเห็นการเพิ่มขึ้นร้อยละ 33 ในงบประมาณที่ใช้ในโครงการด้านเทคโนโลยีและการซื้อใหม่หลังจากการใช้ เทคโนโลยี Hyperconverged Infrastructure นี่ไม่ใช่กรณีของการลดการทำงานให้น้อยลง แต่จะทำเพียงแค่ “ให้ทุกอย่างดำเนินต่อไป” ในขณะเดียวกันก็เป็นการส่งมอบคุณค่าให้กับธุรกิจมากขึ้น
เทคโนโลยี Hyperconverged Infrastructure ส่งผลให้ธุรกิจมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประสิทธิภาพในการดำเนินงานเฉพาะทาง โดยการรวม 8 ถึง 12 ที่เป็นองค์ประกอบและบริการด้านไอที ที่แตกต่างกันลงในโซลูชันเดียว ที่สามารถตอบสนองความต้องการได้อย่างง่ายดาย ช่วยให้ทีม IT สามารถมุ่งเน้นที่จะเร่งสร้างนวัตกรรมทางธุรกิจ โดยการลดความซับซ้อนของโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที นอกจากนี้ Hyperconverged Infrastructure ยังช่วยเพิ่มความคล่องตัวด้าน IT และเวลาในการผลิต ลดต้นทุนด้าน IT และเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินงาน และยังช่วยลดความเสี่ยงด้วยความยืดหยุ่นขององค์กร และนอกจากนี้ยังเป็นการปกป้องข้อมูลไปในตัว
จากผลการสำรวจลูกค้า พบว่า การปฏิบัติงานด้าน IT ของพวกเขามีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อมีการนำระบบ Hyperconvergence ไปดำเนินงาน ผู้ดูแลระบบไอทีรายหนึ่งอธิบายเพิ่มเติมว่า “เราพบว่าโครงสร้างพื้นฐานนี้ทำงานได้ง่ายและเนื่องจากมีความซับซ้อนน้อยลง มีสินค้าคงคลังและทรัพย์สินที่ต้องจัดการน้อยลง จึงช่วยให้เราสามารถทำงานในส่วนอื่น ๆ ที่เราไม่เคยได้มีเวลาทำมาก่อน” นอกจากนี้ลูกค้ายังสังเกตเห็นด้วยว่า “มีการลดลงอย่างมากกับค่า IOPS ภายใต้สภาพแวดล้อมของเรา”
จากรายงานของ ผู้เขียนบทความ Eric Sheppard ผู้ดำรงตำแหน่ง Research Director ของ IDC Corporation กล่าวว่า “ลูกค้ากล่าวกับเราว่า การลดความเสี่ยงต่อการดำเนินธุรกิจและ การสนับสนุนเป้าหมายทางด้านรายได้ของธุรกิจ เป็นสองผลลัพธ์ทางธุรกิจที่สำคัญที่สุด ที่สามารถทำได้โดยผ่านการใช้งานด้าน IT ซึ่งไม่น่าแปลกใจเลยที่รู้ว่า หน่วยงานด้าน IT กำลังมองหา โครงสร้างพื้นฐาน ที่ช่วยเพิ่มอัตราการใช้ประโยชน์ทรัพยากร ในขณะที่จัดการกับการเพิ่มผลผลิตและความคล่องตัวภายในศูนย์ข้อมูลมากขึ้น ซึ่งองค์กรทั่วโลกก็ได้หันมาใช้ระบบ converged เพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว”
ลูกค้าที่เข้าร่วมในการศึกษาทั้งหมด มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน คือพวกเขาเลือก HPE SimpliVity ที่ขับเคลื่อนโดย Intel® ในฐานะผู้จัดจำหน่าย Hyperconverged ที่พวกเขาเลือก HPE SimpliVity โดดเด่นกว่าคู่แข่งขัน ด้วยความสามารถในการจัดการทรัพยากรและปริมาณงานทั้งหมดจาก single interface และฟีเจอร์สองอย่างที่มีความโดดเด่นในผลสำรวจของลูกค้า นั่นคือฟีเจอร์ built-in data protection และ accelerated data efficiency นอกจากนี้ IDC ยังพบว่าลูกค้าไม่เพียงแต่ประหยัดเวลา โดยการใช้ฟีเจอร์ backup และ replication ของ HPE SimpliVity เท่านั้น แต่ผู้ที่ใช้ยังสามารถที่จะถอนการทำงานของโซลูชั่น third-party data protection สำหรับ HPE SimpliVity workloads โดยจากการสำรวจพบว่า
- กว่า 50% ของลูกค้า HPE SimpliVity ที่ใช้ฟีเจอร์ third-party built-in data protection จะเลิกใช้การสำรองข้อมูลและหรือการ Replication
- 79% ของลูกค้าเห็นพัฒนาการที่สำคัญ ในกระบวนการสำรองข้อมูล และการกู้คืนระบบ เนื่องจากฟีเจอร์ Deduplication และ Replication ทั่วโลกและลดเวลาในการทำ RTO / RPO ลงอย่างมาก
- 75% ของลูกค้าตระหนักถึงการใช้ทรัพยากรจัดเก็บข้อมูลที่เพิ่มขึ้นถึง 65%
ลูกค้าสร้างกรณีที่น่าสนใจว่า HPE SimpliVity hyperconverged infrastructure มีประสิทธิภาพในการทำสิ่งที่ถูกต้องและผลิตผลลัพธ์ที่ตรงตามที่ IDC ระบุว่า “Hyperconverged ระ บบ scale-out และ ระบบ feature-rich กำลังขับเคลื่อนประโยชน์ที่แท้จริงภายในศูนย์ข้อมูลทั่วโลก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อ CAPEX และที่สำคัญกว่านั้น คือ OPEX”