เพิ่มความคล่องตัวให้กับธุรกิจของคุณด้วย HPE SimpliVity Hyperconverged

เนื้อหาที่จะกล่าวถึงในบทความนี้

            •          HPE SimpliVity Hyperconverged Infrastructure ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในกลยุทธ์ "Composable" ของ HPE ที่สามารถนำมาประกอบและปรับเปลี่ยนได้อย่างยืดหยุ่น โดยให้ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบสำหรับลูกค้าที่ใช้เทคโนโลยี Virtualization อย่างแท้จริง

            •           เพื่อเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของHPE SimpliVityที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยมีอัตราการเติบโตที่ 100.6% ซึ่งจัดว่าเร็วกว่าอัตราการเติบโตของตลาดด้านHCI ถึง 67.2%

            •          เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งและรู้สึกตื่นเต้นที่จะประกาศว่า เราได้รับการยอมรับในฐานะผลิตภัณฑ์ที่ได้รับรางวัลPeer Insights Customers’ Choice ทางด้าน Hyperconverged Infrastructure จาก Gartner เมื่อเดือนมีนาคม 2019

            •          ด้วยระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI (Artificial Intelligence) ในการขับเคลื่อนการดำเนินงาน, การรักษาความปลอดภัย (Security)และการปฏิบัติตามกฎระเบียบข้อบังคับ (Compliance) เพื่อส่งมอบโซลูชั่นแบบครบวงจร (Turnkey Solution) ที่พร้อมสำหรับการปรับขยาย ในขณะที่ HPE ก็ยังคงมีการทำงานร่วมกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมให้ก้าวไปข้างหน้า พร้อมๆ กัน

กลยุทธ์ที่เรียกว่า "Composable" ของ HPE ที่เน้นในเรื่องของความสามารถในการนำมาประกอบและปรับเปลี่ยนได้อย่างยืดหยุ่นนั้น ช่วยให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ของคลาวด์ที่มีการทำงานอย่างเป็นระบบและเพื่อให้การสร้างสภาพแวดล้อมคลาวด์แบบไฮบริด (Hybrid Cloud Environment) เป็นไปอย่างง่ายดาย

มันเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ที่จะได้ทำงานร่วมกับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชั้นสูง(High Tech Industry)ในขณะที่ลูกค้าสามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ได้เร็วขึ้น ทั้งยังผลักดันให้มีการนำเทคโนโลยีดิจิตอลมาปรับใช้ในทุกภาคส่วนของธุรกิจ (Digital Transformation) ซึ่งก็รวมถึงศูนย์ข้อมูล (Data Center) ของพวกเขาด้วยเช่นกัน เพื่อช่วยให้องค์กรมีความพร้อมในโลกดิจิตอลมากขึ้น และสิ่งที่ทำให้ HPE ถูกจัดอยู่ในตำแหน่งที่ดีนั้นก็คือแนวคิดComposable Cloud ของพวกเขาที่จะช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ในส่วนของ HPE SimpliVity Hyperconverged infrastructure (HCI) ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในกลยุทธ์Composableที่กว้างขวางของHPEนั้น จะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้าที่มีการนำระบบเสมือนจริงไปใช้งานในระดับสูง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการนำไปใช้งานกับสำนักงานสาขา (ROBO – Remote/Branch Office) และการปรับใช้งานกับอุปกรณ์ปลายทาง (Edge)สำหรับสภาพแวดล้อมของระบบคลาวด์แบบส่วนตัว (Private Cloud Environments) ที่มีขนาดใหญ่และมีการปรับเปลี่ยนได้มากยิ่งขึ้น เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งกับโซลูชั่นอย่าง HPE Composable Cloud for Synergy หรือ HPE Composable Cloud for ProLiant DLโดยส่วนประกอบทั้งหมดของกลยุทธ์ “Composable” ของ HPEจะช่วยให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์คลาวด์ที่มีความสอดคล้องกันระหว่าง การให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที (Infrastructure-as-a-Service: IaaS), บริการร่วมรวมลำดับความเชื่อมโยง หรือComposite Service (CaaS) และบริการเช่าใช้ระบบฐานข้อมูลตามความต้องการ (Database as a service: DBaaS) นอกจากนี้ยังช่วยให้พวกเขาสามารถสร้างสภาพแวดล้อมคลาวด์แบบผสมผสาน (Hybrid Cloud) บนคลาวด์สาธารณะ (Public Cloud) และคลาวด์ส่วนตัว (Private Cloud) ได้อย่างง่ายดาย

อย่างไรก็ตาม ยังมีหลักฐานด้านความสำเร็จของพวกเขาดังนี้ จากรายงานที่แสดงให้เห็นว่า HPE SimpliVity กำลังมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยอัตราการเติบโตที่สูงถึง 100.6% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วในช่วงเดียวกันนี้ ซึ่งก็จัดว่าเร็วว่าอัตราการเติบโตของตลาดด้าน HCI ถึง 67.2% นอกจากนี้ HPE ยังได้รับการยอมรับจากผู้ใช้ว่าเป็น Peer Insights Customers’ Choice แห่งปี 2019 ในด้าน Hyperconverged Infrastructure จาก Gartnerเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมานี้

จากที่ได้มีการพูดคุยกับลูกค้า เราพบว่าพวกเขากำลังได้รับประโยชน์จากการปรับใช้งานด้านไอทีที่มีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น, มีการปรับปรุงวงรอบของเวลาในการผลิต (Cycle Time) และการเพิ่มขึ้นของผลผลิต (Productivity Gains) โดยเฉพาะกับระบบ HCI ซึ่งเราพบว่ามีการนำ HPE SimpliVity ไปใช้อย่างจริงจัง ในกรณีที่มีการนำไปใช้งานกับอุปกรณ์ปลายทาง (Edge) และสำนักงานสาขา (ROBO)นอกจากนี้ยังพบว่า บริษัท Alterra Mountain, Flight Safety International, ห้องปฏิบัติการแจ็คสัน (The Jackson Laboratory), Princeton Holdings, Promesa และลูกค้าของ HPE SimpliVity รายอื่นๆ อีกนับพัน ก็กำลังมีการปรับเปลี่ยนจากการใช้เวลาและทรัพยากรที่มีค่าในการดำเนินการไปสู่การขับเคลื่อนผลลัพธ์ทางธุรกิจ (Business Outcomes) และนวัตกรรม (Innovation) อย่างแท้จริง

กลุ่มลูกค้าที่ได้รับประโยชน์จาก HPE SimpliVity

เราจะขอแบ่งปันกรณีการใช้งานที่สำคัญของลูกค้าบางส่วนและเหตุผลที่ลูกค้าเหล่านี้เลือกใช้HPE SimpliVity โดยเราเป็นพยานผู้เห็นเหตุการณ์การนำไปใช้ ในกรณีการใช้งานรูปแบบต่างๆ ซึ่งก็รวมถึง การบูรณาการศูนย์ข้อมูลในส่วนของภาครัฐ (Data Center Consolidation) ที่มีความหลากหลาย; Workloads ต่างๆ ที่มีความสำคัญทางธุรกิจ ยกตัวอย่างเช่น SAP HANA; คลาวด์ส่วนตัว (Private Cloud); การนำเทคโนโลยี Virtualizationมาใช้กับ Desktop เพื่อเสริมความสามารถในการบริหารจัดการ (Virtual Desktop Infrastructure หรือ VDI); การทำงานบน Multi-site Edge และกรณีการใช้งานกับสำนักงานสาขา (ROBO) โดยลูกค้าในอุตสาหกรรมที่หลากหลายจะได้เห็นความเรียบง่าย (Simplicity), ประสิทธิภาพ (Efficiency) และความคล่องตัว (Agility) ที่เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งรอบเวลาของการเกิดนวัตกรรมที่เร็วขึ้นกว่าเดิม โดยใช้ HPE SimpliVity และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่มีการนำไปใช้กับ Edgeและ ROBO

•          สำหรับกรณีการใช้งานกับสำนักงานสาขา (ROBO) และ Multisite Edge นั้นJim Surlow  ซึ่งดำรงตำแหน่ง Senior IT Architect ที่ Alterra Mountain Company ได้กล่าวไว้ว่า "ณ ตอนนี้เรามีจุดเชื่อมต่อ (Node) ถึง 39จุด ที่อาศัยอยู่ในตำแหน่งที่ตั้งที่เป็นสกีรีสอร์ท (Ski Resort)ของเรา และเราก็ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เราชอบตัวเลือกในการปรับใช้ที่ไม่ยุ่งยาก ซึ่งก็ทำให้ได้รับทั้งความยืดหยุ่น (Resiliency), ประสิทธิภาพ (Performance) และบริการทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับการดำเนินงานบนเว็บไซต์ของรีสอร์ท และที่สำคัญ Feedback ที่เราได้รับในส่วนต่างๆ ทั่วทั้งองค์กรนั้นมาจากโซลูชั่น HPE SimpliVity ที่ได้รับการสนับสนุนอย่างท่วมท้น" โดยมีข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่า บริษัท Alterra Mountain Company ได้ผลลัพธ์ที่เป็นค่าเฉลี่ยจากการวัดค่า Data Efficiency ด้วยอัตราส่วนที่ 71.8:1 และความเรียบที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ตลอดจนการกู้คืน VMs ที่ทำได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย

            •          ในส่วนของห้องปฏิบัติการแจ็คสัน (The Jackson Laboratory) ที่เกิดจากการบูรณาการศูนย์ข้อมูลในส่วนของภาครัฐ (Data Center Consolidation) ได้รับประโยชน์จาก HPE SimpliVity ในหลายๆ เว็บไซต์นับตั้งแต่แคลิฟอร์เนียไปจนถึงรัฐเมน (Maine) โดย Eric Buzzell ซึ่งดำรงตำแหน่ง Enterprise Architect ได้กล่าวว่า "ในขณะนี้การสร้างแบบสอบถามสินค้าคงคลัง (InventoryQueries) ของเรา ทำได้เร็วขึ้นถึงหกเท่า ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาการสร้างแบบสอบถามแต่ละครั้งนั้นอาจจะต้องใช้เวลา6-7 นาที แต่ในปัจจุบันการสร้างแบบสอบถามที่ทำงานโดยHPE SimpliVityใช้เวลาเพียงแค่ 1นาที ซึ่งนี่อาจจะเป็นการประหยัดเวลาเพียงไม่กี่นาทีต่อแบบสอบถามแต่ละชุด แต่เมื่อคิดรวมแบบวันต่อวันตลอดทั้งปีแล้ว มันเป็นเวลาที่มากมายเลยทีเดียว ทั้งนี้ การเพิ่มในส่วนของ HPE SimpliVity เข้าไปในระบบ ยังช่วยเพิ่มความเร็วในการสำรองข้อมูลของเราและยังช่วยปรับปรุงระบบการกู้คืนข้อมูลเมื่อเกิดภัยพิบัติ (Disaster Recovery) ให้ดีขึ้น บนเว็บไซต์ทั้งหมด”

            •          ขณะที่บริษัทPrinceton Holdings Limited กำลังทำการขยายธุรกิจและปรับปรุงระเบียบด้านการรักษาความปลอดภัยโดยใช้HPE SimpliVity ซึ่งพวกเขาประสบผลสำเร็จในการจัดการประสิทธิภาพของแอปพลิเคชั่น (Application Performance) ที่ดีขึ้นถึง 50% และได้ผลลัพธ์จากการวัดค่า Data Efficiency ที่ 43:1ในส่วนของการขจัดข้อมูลซ้ำซ้อนแบบอินไลน์ (Inline Deduplication) และการบีบอัดข้อมูล (Compression) โดยทางบริษัทซึ่งให้บริการทางด้านการเงินที่กำลังประสบความสำเร็จอยู่ในขณะนี้ ได้กล่าวถึง HPE SimpliVity ว่า "มันช่วยเพิ่มยอดขายให้กับเราได้มากขึ้น ทั้งยังช่วยให้เราได้ลูกค้าเพิ่มขึ้นอีกด้วย"

            •          สำหรับProductos Metalúrgicos S.A. (Promesa) ในเอกวาดอร์ พวกเขากำลังใช้ประโยชน์จาก HPE SimpliVity สำหรับ Workloadที่สำคัญของพวกเขาที่จำเป็นต้องใช้ระบบSAP HANA ขณะที่ Miguel Sotomayor ซึ่งมีตำแหน่งเป็น CIO และ IT Director ของทางบริษัท มีความยินดีเป็นอย่างมากที่องค์กรของเขาสามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ได้ในทันทีที่ได้รับการรับรองจากSAP HANA HCI เสร็จสมบูรณ์ ซึ่งเขากล่าวว่า "HPE SimpliVity ได้มอบประสิทธิภาพทั้งในเรื่องของความเร็ว (Speed), ความคล่องตัว (Agility) และสิ่งที่บริษัทคาดหวังมากที่สุด นั่นก็คือ Disaster Recovery Site ซึ่งเป็น Solution ในการกู้คืนระบบที่มีความสำคัญ โดยสิ่งนี้จะช่วยให้แอปพลิเคชั่นทั้งหมดยังคงสามารถเปิดใช้งานได้อยู่ แม้ในขณะที่เกิดภัยพิบัติต่างๆ อันเป็นสาเหตุให้ระบบ Data Center หลักหยุดให้บริการ ซึ่งนี่ก็เป็นเป้าหมายที่สำคัญของเราตลอดมา"

ประสบการณ์ของ HPE ในการการพัฒนาและเข้ามามีบทบาทอย่างยั่งยืน

ที่กล่าวมาข้างต้นนี้เป็นเพียงประสบการณ์ส่วนหนึ่งจากลูกค้าหลายพันรายที่ได้รับประโยชน์จากHPE SimpliVity โดยในขณะนี้ HPE กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในส่วนของHyperconverged ที่ขึ้นอยู่กับการแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างกับ HPE SimpliVity Portfolio เป็นสำคัญ ตั้งแต่ที่เริ่มมีการผลิตจนถึงปัจจุบัน HPE ได้มีการส่งมอบ HPE SimpliVity ไปแล้วมากกว่าหมื่นเครื่องทั่วโลก และในไตรมาสล่าสุดนี้ทาง HPE ก็ประสบความสำเร็จ เนื่องจากเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดในแง่ของการเติบโต นอกจากนี้เรายังรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งและตื่นเต้นที่จะประกาศว่า เราได้รับการยอมรับว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้าจากรางวัล Gartner Peer Insights Customers’ Choice ในด้าน Hyperconverged Infrastructure ประจำปี 2019เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สำหรับตำแหน่ง Gartner Peer Insights Customers’ Choice นั้นเป็นรางวัลที่เกิดจากความเห็นพ้องของผู้ขาย (Vendor) โดยผู้เชี่ยวชาญที่เป็นผู้ใช้ปลายทาง (End-User) ที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว ซึ่งเป็นการพิจารณาจากจำนวนความเห็นและการให้คะแนนโดยรวมของผู้ใช้ คำติชมจากลูกค้าผู้ใช้งานจริงเหล่านี้เป็นการยอมรับที่ทรงพลัง และเราก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า นี่จะเป็นการสร้างประสบการณ์ที่ทำให้เรามีความความแตกต่างจากผู้ผลิตรายอื่นๆได้อย่างชัดเจน

ผลลัพธ์เหล่านี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากการแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างที่ทาง HPE SimpliVity มีการนำเสนอเป็นสำคัญ ซึ่งประกอบไปด้วย ความสามารถในการกำหนดระบบต่างๆ ด้วยซอฟต์แวร์ (Software-Defined)ที่มีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการรับประกันมาตรฐานในส่วนของ Data Efficiency, มีความยืดหยุ่น (Resiliency)ในตัว, การสำรองข้อมูล (Backup)และการกู้คืนระบบให้กลับคืนมาทำงานได้อย่างปกติ (Disaster Recovery: DR) นอกจากนี้ยังรวมถึงการจัดการในส่วนของ VM-centric, Intelligence และระบบอัตโนมัติ (Automation) โดยลูกค้าของเรามากกว่าหนึ่งในสามได้ผลลัพธ์จากการวัดค่า Data Efficiency ด้วยอัตราส่วนที่มากกว่า100: 1 และพวกเขายังได้รับประโยชน์จากระบบป้องกันข้อมูลในตัว, การกู้คืน VMอย่างรวดเร็วเพื่อลดช่วงเวลาที่ระบบเกิดการขัดข้องจนไม่สามารถทำงานต่อไปได้ (Downtime) ให้เหลือน้อยที่สุด, ซึ่งทั้งหมดนี้เข้าใจง่ายและถูกรวมเข้าด้วยกันเรียบร้อยแล้ว สำหรับนวัตกรรมใหม่ล่าสุดนั้น เป็นการรวม HPE SimpliVity ใหม่ เข้ากับ Composable Fabric ที่ช่วยให้การปรับขยาย (Scaling)เป็นไปอย่างอิสระ ทั้งยังง่ายต่อการขยายตัวและปรับใช้ (Deployment)ในอนาคต

เพื่อลดความซับซ้อนและเร่งการเดินทางไปสู่ไฮบริดคลาวด์ (Hybrid Cloud) ที่มีการเปิดใช้งานบริการใหม่ๆ, การปรับปรุงระยะเวลาในการนำสินค้าออกสู่ตลาด (Time To Market) ให้ดียิ่งขึ้น และกระตุ้นให้มีการเติบโตทางธุรกิจ (Business Growth) ทั้งหมดนี้ นอกจากจะทำให้ HPE เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางจนมีชื่อเสียงระดับโลกแล้ว ยังช่วยให้ลูกค้าสามารถคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ได้เร็วยิ่งขึ้น และด้วยกลยุทธ์ Composable Cloud ของเรา พร้อมด้วยระบบอัตโนมัติ(Automation), การดำเนินงานที่ขับเคลื่อนด้วย AI (AI-Driven Operation), ระบบรักษาความปลอดภัย (Security)และการกำหนดขอบเขตวิธีการปฏิบัติให้เป็นไปตามมาตรฐาน (Compliance) เพื่อส่งมอบโซลูชั่นแบบครบวงจร (Turnkey Solution) ที่พร้อมต่อการปรับขยาย จึงทำให้ HPE ยังคงมีการทำงานร่วมกับลูกค้าอย่างต่อเนื่องเพื่อผลักดันอุตสาหกรรมให้ก้าวไปข้างหน้า และหลังจากที่เราได้มีการเปิดเผยแนวคิดเกี่ยวกับ Composable Fabricไปแล้วเมื่อเร็วๆ นี้ ก็ได้มีการพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า มันช่วยเพิ่มความคล่องตัว, ช่วยให้การปรับขยายเป็นไปได้อย่างอิสระ และยังช่วยปรับปรุงในส่วนของระบบอัตโนมัติและความเป็นอัจฉริยะ (Intelligent)ให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งในอนาคตอันใกล้นี้เราจะขยายขีดความสามารถในการทำวิสัยทัศน์ (Vision) ของเราให้สำเร็จ เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการปฏิบัติงานด้านไอที ด้วยแพลตฟอร์ม Hyperconverged ที่รวดเร็ว, เรียบง่ายและมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าสามารถแก้ปัญหาที่ยากที่สุดเกี่ยวกับโครงการแบบผสมผสาน (Hybrid Project) ของพวกเขา และยังช่วยให้สามารถนำเทคโนโลยีดิจิตอลมาปรับใช้ในทุกภาคส่วนของธุรกิจ (Digital Transformation) เพื่อช่วยให้ธุรกิจของพวกเขาสามารถปรับตัวเข้ากับยุคดิจิตอลได้อย่างรวดเร็ว และพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้

เราขอขอบคุณลูกค้าทุกท่าน, หุ้นส่วนและพนักงานทุกๆ คนของเรา สำหรับความขยันขันแข็ง, การทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจในทำงานหนักและการรวมเป็นหนึ่งเดียว ที่ช่วยให้เราสามารถสร้างผลงานและลูกค้าที่ยอดเยี่ยมเหล่านี้ขึ้นมา ซึ่งพวกเขาต่างก็เป็นทั้งผู้ให้การสนับสนุนและแรงผลักดันไปพร้อมๆ กัน

ดูสินค้าเพิ่มเติม :https://www.quickserv.co.th