รีวิว Lenovo ThinkPad X1 Carbon
Please wait...
1726202978.png
1731393918.jpg
1730459076.jpg
1730782055.jpg
1730966771.jpg
COMMERCIAL IT UPDATE
รีวิว Lenovo ThinkPad X1 Carbon

รีวิว Lenovo ThinkPad X1 Carbon


 

ThinkPad X1 Carbon Generationที่ 6 เป็นแล็ปท็อปประเภท Ultraportable สายธุรกิจที่คุ้มค่า แต่คุณอาจจะต้องอดทนกับข้อบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ บางอย่าง

 

ข้อดี


น้ำหนักที่เบาและขนาดกะทัดรัด จอแสดงผลที่ปรับปรุงได้ดีกว่ารุ่นก่อนๆ มาก สุดยอดของคีย์บอร์ด

 

ข้อเสีย


Trackpad ทำงานไม่ปรกติ; ซีพียูที่ประสิทธิภาพการทำงานต่ำกว่าความเป็นจริง

 

Overview


ThinkPad X1 Carbon รุ่นล่าสุดของ Lenovo มีปัญหาในบางจุด แต่มันก็เป็นปัญหาที่เล็กมากๆ จนสามารถมองข้ามมันไปได้เลย
 
กลุ่มผลิตภัณฑ์ ThinkPad ได้รับการยกย่องว่ามีส่วนสำคัญในโลกธุรกิจมาอย่างยาวนาน โดยประวัติความเป็นมาของ ThinkPad นั้น คงต้องย้อนมองกลับไปตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 1990 ในขณะที่มันยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของ IBM แต่ในปัจจุบันนี้ สายผลิตภัณฑ์ของ ThinkPad ได้รับการออกแบบและผลิตโดย Lenovo แต่สิ่งที่ทำให้มันดูน่าสนใจสำหรับธุรกิจ ก็ยังคงอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง
 
มันไม่ยากที่จะมองออกว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ด้วยการออกที่ผสานรวมกันอย่างลงตัวของความเรียบง่ายที่ดูทันสมัย และประสิทธิภาพการทำงานระดับ High-end รวมถึงการมีคุณสมบัติที่เหมาะสำหรับธุรกิจที่หลากหลาย ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องที่มันเหมาะที่จะนำมาใช้เป็นอุปกรณ์ขององค์กร (Corporate device)
 
เมื่อพูดถึง ThinkPad X1 Carbon ทีจัดอยู่ในซีรีย์กลุ่ม "Flagship device" ของแบรนด์ ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาโดยมีเป้าหมายที่จะกลั่นกรององค์ประกอบทั้งหมดให้ออกมาอยู่ในรูปแบบของ Chassis ที่บางเฉียบ เมื่อจะต้องเทียบกับอุปกรณ์ประเภทเดียวกันอย่าง Apple MacBook Pro และ Dell XPS 13
 
ในเวอร์ชันนี้ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แต่อย่างใด นอกเหนือจากการข้ามไปยังชิปรุ่นที่ 8 (8th-gen) ของ Intel Kaby Lake Refresh และในขณะนี้เรากำลังทำการสดสอบ Core i7-8550U โดยมีหน้าจอรุ่น Quad HD แบบ non-touch ซึ่งจัดว่ามีขอบเขตความสามารถอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง (Upper-middle)


 

Lenovo ThinkPad XCarbon (2018) : Design


เช่นเดียวกับรุ่นก่อนหน้านี้ที่เคยมีการผลิต, ThinkPad X1 Carbon ถูกสร้างขึ้นด้วยการผสมผสานระหว่างวัสดุที่เป็นคาร์บอนไฟเบอร์ (Carbon Fiber), เส้นใยแก้ว (Glass Fibers), พลาสติกและแมกนีเซียมอัลลอยด์ (Magnesium Alloy) นอกเหนือจากการให้สัมผัสที่นุ่มนวลแล้ว มันยังมีน้ำหนักที่เบาจนน่าประทับใจ ด้วยน้ำหนักเพียง 1.13 ดังนั้นมันจึงเป็นแล็ปท็อปขนาด 14 นิ้วที่มีที่ว่างเพียงพอสำหรับพอร์ต USB แบบ Full-size และ HDMI อีก 1 พอร์ต แต่มันกลับมีน้ำหนักที่เทียบเท่ากับอัลตร้าบุ๊ค (Ultrabook) ที่บางเฉียบขนาด 13 นิ้ว ถ้าลองให้นึกภาพตามคุณอาจจะคิดว่ามันอ้วนเกินไป แต่นั่นไม่ใช่ เพราะมันมีความหนาเพียง 16 มม. ซึ่งออกจะดูผอมบางด้วยซ้ำไป
 
เมื่อพูดถึงพอร์ต สิ่งที่ทำให้ ThinkPad X1 Carbon ดูเหนือกว่าแล็ปท็อปประเภท Ultraportable ส่วนใหญ่ นั่นก็คือพอร์ต USB 3.0 จำนวนสองพอร์ต โดยทั้ง HDMI และพอร์ตแบบ USB Type-C ชนิดที่เป็น Thunderbolt 3 ใช้สำหรับเชื่อมต่อกับ Video output ส่วนพอร์ต USB-Type C อันที่สองนั้นนอกจากจะใช้สำหรับรับส่งข้อมูลแล้ว ยังสามารถใช้ชาร์จไฟให้กับอุปกรณ์อื่นๆ ได้อีกด้วย นอกจากนี้ ที่ด้านหลังยังมีช่องเสียบเล็กๆ ซ่อนอยู่ โดยมีช่องที่มีไว้สำหรับทั้ง microSD และซิมการ์ดขนาดเล็ก (micro SIM slot) ซึ่งมาพร้อมกับ LTE-Advanced Receiver ทั้งนี้ มันอาจจะถูกมองว่าเป็นเรื่องที่ง่ายมากๆ ที่จะนำเอาสิ่งเหล่านี้มาผสานรวมกัน แต่นี่ก็เป็นการแสดงให้เห็นถึง Credentials ทางธุรกิจที่จริงจังของ ThinkPad X1 Carbon ได้เป็นอย่างดี
 
ThinkPad X1 Carbon ไม่มีในส่วนของช่องเสียบอีเทอร์เน็ต (Ethernet jack) แต่ Lenovo มีอะแดปเตอร์เสริมสำหรับ Ethernet แยกต่างหาก เป็นพอร์ตเล็กๆ ที่อยู่ถัดจากตัวเชื่อมต่อ Thunderbolt 3 อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าช่องเสียบทั้งสองจะอยู่ใกล้กันมากมากจนเกินไป จนน่าจะเป็นการขัดขวางไม่ให้สาย Type-C ใดๆ สามารถเสียบใช้งานได้ และนี่ก็น่าจะเป็นความผิดพลาดที่โชคร้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคุณกำลังเชื่อมต่อกับจอภาพและต้องการที่จะใช้การเชื่อมต่อเครือข่ายแบบใช้สายในเวลาเดียวกัน
 
ปัญหาอีกข้อของมันก็คือเรื่องความร้อน โดยฐานของแล็ปท็อปสามารถอุ่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อมีการใช้งานเล็กๆน้อยๆ แต่จะร้อนขึ้นมากจนรู้สึกอึดอัดภายใต้สภาวะการทำงานหนัก (Heavy loads) ซึ่งเรารู้สึกได้ทุกครั้งที่มีการสัมผัสกับ Backspace และปุ่ม Enter
 
สำหรับเรื่องที่เป็นด้านดีของมันนั้น Lenovo ได้ทำการปรับปรุงเว็บแคมของ ThinkPad X1 Carbon ด้วย "ThinkShutter" มันเป็นคำศัพท์แปลกใหม่ที่ฟังดูแล้วอาจไม่คุ้นหูของพลาสติกชิ้นเล็กๆ ที่สามารถเลื่อนผ่านเซ็นเซอร์กล้อง มันมีไว้เพื่อช่วยในการปิดบังกล้องนั่นเอง นี่คือชัยชนะเล็กน้อยที่เป็นเรื่องดีสำหรับความเป็นส่วนตัว ที่ Lenovo ให้ความใส่ใจ รวมถึงตัวอ่านลายนิ้วมือ (Fingerprint Reader) ที่ตอบสนองได้ไว ที่อยู่ในตำแหน่งฝ่ามือด้านขวา ที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับแล็ปท็อปของคุณได้อีกขั้นหนึ่ง


 

Lenovo ThinkPad XCarbon (2018) : คีย์บอร์ดและแทร็กแพด


คีย์บอร์ดของผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม ThinkPad นั้น แทบจะไม่เคยทำให้ต้องผิดหวัง และครั้งนี้ก็ไม่แตกต่างกัน ด้วยปุ่มกดที่กว้างขวางและความโค้งงอของปุ่มที่รับเข้ากับนิ้วมือได้อย่างลงตัว จะช่วยให้คุณได้รับประสบการณ์การพิมพ์ที่สะดวกสบายและเงียบสงบ
 
นอกจากแทร็คแพดแล้ว แท่งชี้เพื่อควบคุม หรือพอยติงสติ๊ก (Pointing stick) ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ Lenovo ก็ได้ปรากฏตัวอีกครั้ง โดยส่วนตัวแล้วเราไม่ค่อยได้ใช้สิ่งนี้มากนัก มันเป็นอุปกรณ์ที่ไวต่อแรงกดหรือแรงผลักอย่างน่าประหลาดใจ มันเป็นอุปกรณ์ที่ใช้เพื่อควบคุมทิศทางของเคอร์เซอร์แทนเมาส์ แต่มันก็ไม่ได้ดูโดดเด่นจนเป็นเป้าสายตา และยังกินพื้นที่เพียงเล็กน้อยบนแป้นตัวอักษร G, H และ B ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะไม่ใส่ใจกับมัน หากคุณต้องการที่จะยึดการใช้งานของแทร็คแพดเป็นหลัก
 
พบความผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้น หลังจากที่ทำการ Full Restart ทุกครั้ง แทร็คแพดจะประสบปัญหาความล่าช้าเป็นครั้งคราวระหว่างการปัดและเลื่อนเคอร์เซอร์ หรือในบางครั้งที่มีการแตะเบาๆ ที่แทร็คแพดเพื่อจะคลิกแล้วไม่พบการตอบสนอง แต่ที่ต้องทำให้ประหลาดใจไปกว่านั้นก็คือวิธีการแก้ไข เพียงแค่ปิดและเปิดฝาเครื่องขึ้นมาใหม่ โดยปิดไว้สักพักจนกว่าจะแน่ใจว่ามันจะหายจากอาการตกใจแล้วค่อยเปิดฝาเครื่องขึ้นมาใหม่ ปัญหานี้มันดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้เลวร้ายนัก แต่มันทำให้รู้สึกน่ารำคาญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับแล็ปท็อปที่ขึ้นชื่อว่าพิถีพิถันในเรื่องของการผลิต


 

Lenovo ThinkPad X1 Carbon (2018) : จอแสดงผล


ThinkPad X1 Carbon ขนาด 14 นิ้ว ของคุณสามารถเลือกที่จะติดตั้งจอแสดงผลที่มีความละเอียดได้ทั้งแบบ Full HD และ Quad HD เช่นเดียวกับความสามารถในการสัมผัส (Touch Capability) แต่เรามีความสุขมากกว่าที่ได้ใช้ Panel แบบ IPS Non-Touch ความละเอียด 2,560 x 1,440 ที่แสดงภาพออกมาได้คมชัดและสวยงาม
 
มันเป็นการปรับปรุงครั้งใหญ่จากเวอร์ชั่น 2017 ซึ่งมีความสว่างสูงสุดเพียง 312cd/m2 เท่านั้น และการแสดงสีที่ครอบคลุมเพียง 82% ของขอบเขตของสี (Color Gamut) แบบ sRGB และในครั้งนี้ความสว่างสูงสุดที่ทำได้อยู่ที่ 526.9cd/m2 และยังครอบคลุมมาตรฐานสี แบบ sRGB ที่มีขอบเขตการแสดงสีเพิ่มขึ้นจนเกือบจะสมบูรณ์แบบถึง 99% ด้วยมุมมองที่กว้างขึ้นและค่า Contrast Ratio ที่สูงถึง 1,525: 1 ยังช่วยเสริมให้การแสดงภาพบนหน้าจอดูสวยงามมากยิ่งขึ้น
 
สิ่งที่ยังคงติดอยู่เพียงอย่างเดียวนั่นก็คือเรื่องความแม่นยำของสี เราได้ทำการวัดค่าความแตกต่างที่ยอมรับได้ของสี ∆E* (delta E) โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.04 ซึ่งสิ่งนี้จะไม่รบกวนผู้ใช้งานสายธุรกิจส่วนใหญ่ แต่อาจพิสูจน์ได้ว่ามันจะทำให้เกิดปัญหายุ่งยาก หากคุณกำลังมองหาแล็ปท็อปที่จะใช้เพื่อแก้ไขรูปภาพหรือวิดีโอ เนื่องจากสีที่ปรากฏอาจจะแตกต่างกันเมื่ออยู่บนจอแสดงผลนี้ และมันจะยังคงเป็นปัญหาต่อไปหากพวกเขาจำเป็นต้องใช้งานที่ต้องการความแม่นยำของสีมากยิ่งขึ้น


 

Lenovo ThinkPad X1 Carbon (2018) : ฮาร์ดแวร์และประสิทธิภาพ


ที่น่าสนใจก็คือ ยูนิต (Unit) ที่เราทำการตรวจสอบนั้น มีหัวใจสำคัญภายในเช่นเดียวกับ Dell XPS 13 นั่นก็คือ ซีพียู Intel Core i7-8550U ที่มีหน่วยประมวลผลแบบ Quad Core (4 แกน), Ram ขนาด 16 GB (ซึ่งถูกบัดกรีเพื่อป้องกันการอัพเกรด) และ PCIe SSD ขนาด 512GB ซึ่งดูเหมือนว่าแล็ปท็อปของ Dell จะทำงานได้ดีกว่าในการหลีกเลี่ยงการจำกัดจำนวน Request (Throttling) อย่างไรก็ตามมันสามารถทำคะแนนรวมได้ 96 คะแนน ในแอพพลิเคชั่นมาตรฐาน 4K ของเรา ขณะที่ Lenovo สามารถทำคะแนนได้เพียง 80 คะแนน
 
โดยคะแนนที่ได้จากการทดสอบแต่ละรายการ มีดังนี้ 106 คะแนนในการทดสอบ Image test, 85 คะแนน ในการทดสอบ Video test และ 67 คะแนนในการทำ Multitasking test โดยพบว่า ThinkPad X1 Carbon นั้น สามารถทำคะแนนได้ใกล้เคียงกับ HP EliteBook 745 G5 ซึ่งมีราคาถูกกว่าหลายร้อยปอนด์ ไม่ใช่ว่ามันจะช้าตามมาตรฐานของ Ultraportable แต่เรารู้ว่าฮาร์ดแวร์ของมันสามารถทำได้ดีกว่านี้ ถ้าเป็นเช่นนั้น มันก็น่าจะเหมาะกับสเปรดชีตขนาดใหญ่ (Massive Spreadsheets) และเบราว์เซอร์ที่อัดแน่นไปด้วยแท็บ มากกว่าที่จะถูกนำมาใช้เพื่อการเข้ารหัส (Encoding) ที่มีความยาว
 
ระยะเวลาในการใช้งานของแบตเตอรี่ก็นับว่าอยู่ในระดับที่ค่อนข้างดีปานกลาง โดย ThinkPad ใช้เวลาต่อเนื่อง 7 ชั่วโมง 3 นาที ในการทดสอบการเล่นวิดีโอของเรา ซึ่งก็ยังไม่น่าประทับใจเท่ากับ XPS 13 ที่ทำเวลาได้ 10 ชั่วโมง 7 นาที หรือ LG Gram ที่ใช้งานได้ยาวนานถึง 11 ชั่วโมง 23 นาที ในทางกลับกันมันสามารถทำคะแนนได้ดีกว่า Acer Swift 5 ที่ใช้งานได้ 5 ชั่วโมง 55 นาที และ HP EliteBook 840 G5 ที่ใช้งานได้นาน 6 ชั่วโมง 30 นาที อย่างไรก็ตาม คุณอาจจะบีบให้มันสามารถทำงานได้ทั้งวันด้วยการชาร์จเพียงครั้งเดียว หากคุณไม่ผลักภาระงานที่หนักจนเกินไปให้กับมัน



 

Lenovo ThinkPad X1 Carbon (2018) : Overview


ThinkPad X1 Carbon รุ่นล่าสุดนี้ เป็นความสำเร็จที่ได้รับการยอมรับมากยิ่งขึ้น ซึ่งก็นับว่ามากกว่ารุ่นที่ออกมาก่อนหน้านี้ของมัน แต่ก็ยังติดที่เรื่องความร้อนของมัน ราคาที่แพง และประสิทธิภาพของมันก็ยังไม่แรงเท่า XPS 13 แม้ว่ามันจะมีโปรเซสเซอร์และ RAM ที่เหมือนกันก็ตาม
 
อย่างไรก็ตาม มันก็ยังคงเป็นที่ชื่นชอบอย่างน่าประหลาดใจ ทั้งในฐานะของอุปกรณ์ที่มีความสำคัญทางธุรกิจและในฐานะที่เป็นแล็ปท็อปประเภท Ultraportable ที่เหมาะกับชีวิตประจำวัน ส่วนในเรื่องของความกังวลเกี่ยวกับความถูกต้องของสีนั้นลืมมันไปได้เลย เมื่อคุณเลือกใช้จอแสดงผลความละเอียดสูง มันเหมาะสำหรับงานที่ไม่ค่อยได้ใช้เทคนิคด้านนี้มากนัก และถ้าหากว่าต้องการทางเลือกที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น XPS 13 ก็น่าจะเป็นรุ่นเดียวเท่านั้นที่ไม่ใช่โมเดลขนาด 15.6 นิ้วที่ใหญ่เทอะทะ และ/หรือเป็นแล็ปท็อปสำหรับเล่นเกม ยิ่งไปกว่านั้นในส่วนของปัญหาแทร็คแพดคุณก็สามารถแก้ไขได้ภายในไม่กี่วินาที
 
คุณควรจะตัดสินใจใช้เงิน 1,800 ปอนด์หรือไม่นั้น ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า ความต้องการที่คุณกำลังค้นหาอยู่นั้นมีความสำคัญต่อธุรกิจมากน้อยเพียงใด เช่น การเชื่อมต่อ LTE และระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro และถ้าคุณพอใจกับประสิทธิภาพของมัน โดยที่ไม่มี XPS 13 ที่ยอดเยี่ยมกว่าเป็นตัวเลือก ถ้าคิดได้เช่นนั้นแล้วก็จงอย่าลังเลที่จะจ่ายมันออกไป

ที่มา:
www.itpro.co.uk

ควิกเซิร์ฟ
สินค้า
งานระบบ
บริการ
กิจกรรม
ออนไลน์