เหตุผลที่มนุษย์เป็นกุญแจสำคัญทำให้ AI น่าเชื่อถือ
Please wait...
1726202978.png
1731393918.jpg
1730459076.jpg
1730782055.jpg
1730966771.jpg
COMMERCIAL IT UPDATE
เหตุผลที่มนุษย์เป็นกุญแจสำคัญทำให้ AI น่าเชื่อถือ



 
ในหนังสั้นเรื่อง “ม้าตัวเก็งหาย” (Silver Blaze) ของ เซอร์อาเธอร์ โคนัน ดอยล์ (Sir Arthur Conan Doyle) นั้น เชอร์ล็อก โฮมส์ (Sherlock Holmes) สามารถค้นพบการขโมยม้าแข่งที่มีชื่อเสียงโดยทำการจับอย่างรวดเร็ว แถมยังไม่มีใครได้ยินเสียงสุนัขเห่าหอนในคืนที่ขโมยอีกด้วย เนื่องจากสุนัขถูกเก็บไว้ในคอกสัตว์  จึงสรุปตามปกติวิสัยว่าขโมยต้องเป็นใครซักคนที่สุนัขรู้จักดี


 
การให้เหตุผลแบบนี้ถือว่าเป็นการสืบหาความจริงที่ง่ายที่สุดและอธิบายว่าเป็นไปได้มากที่สุดจากการสังเกต ซึ่งเป็นแนวคิดอีกรูปแบบหนึ่งที่เรียกว่า การให้เหตุผลแบบจารนัย (Abductive Reasoning) และเป็นประเภทของเหตุผลที่มนุษย์มักใช้บ่อยที่สุด จริง ๆ แล้วเป็นเรื่องธรรมดาที่เราสามารถสรุปได้ทันที และบ่อยครั้งจะคาดเดาเข้าใจผิดกันว่าเป็นสัญชาตญาณ การให้เหตุผลแบบจารนัยมีประโยชน์ในสถานการณ์ที่ไม่สมบูรณ์หรือในรายละเอียดที่อาจลวงตา ทำให้เหมาะที่สุดในสถานการณ์จริง มันเป็นรูปแบบของเหตุผลที่ต้องได้รับการกระตุ้นในระบบ AI เสียก่อนจึงจะเป็นที่น่าเชื่อถือได้ นั่นคือ ประเด็นสำคัญที่เราไว้วางใจระบบ AI ในการทำงานที่ซับซ้อนซึ่งต้องการความยืดหยุ่นและการตัดสินใจที่ฉับไว แม้ว่าจะมีการป้อนข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์หรือไม่ถูกต้องก็ตาม และในกระบวนการนี้จะไม่เป็นอันตรายต่อเราอีกด้วย
 
เมื่อเราได้ยินเกี่ยวกับ AI มักมาพร้อมกับคำศัพท์ต่าง ๆ อาทิ การเรียนรู้เชิงลึก (deep learning) การเรียนรู้ของเครื่อง (machine learning)  และข้อมูลขนาดใหญ่ (big data) จำเป็นต้องมีข้อมูลที่ดีมากพอและต้องมีโครงสร้างพื้นฐานเพียงพอ (หนักหน่วงและราคาสูง) เพื่อใช้ประมวลผลข้อมูลทั้งหมด มันเป็นสิ่งหนึ่งที่จะเอาชนะเกมหมากรุกหรือชนะแชมป์ระดับโลก และทั้งหมดนั้นเป็นตัวช่วยหากคุณพยายามจะทำแลนด์โรเวอร์บนดาวอังคาร นั่นคือ การก้าวกระโดดระหว่างระบบ AI ที่จดจำเกมที่มีกฎเกณฑ์จำกัด กับระบบ AI ที่น่าเชื่อถือเพื่อให้ตัดสินใจได้อย่างฉับไว ทั้งในขอบเขตความเป็นไปได้ไม่มีที่สิ้นสุดและความเป็นไปไม่ได้ตามปกติวิสัย
 



มันเป็นก้าวกระโดดที่บริษัทด้าน AI หลายแห่งกำลังพยายามทำอยู่ พร้อมด้วยนักวิจัยด้าน AI สุดไฮเทค และบริษัทกำลังสร้างแพลทฟอร์ม AI ที่ได้แรงบันดาลใจจากชีวภาพ (bio-inspired AI platform) โดยสามารถให้เหตุผลเหมือนมนุษย์และสามารถไขปัญหาต่าง ๆ ได้ ในขณะนี้นักวิจัยจำนวนหนึ่งตัวอย่างเช่นที่ Jet Propulsion Laboratory (บางส่วนของแพลตฟอร์ม AI ของบริษัทของเราทำงานบนพื้นฐานการวิจัยและเทคโนโลยีจากโครงการวิจัยของ NASA/JPL research) ได้พัฒนาแพลตฟอร์ม AI ประเภทนี้ขึ้นแล้ว ในขอบเขตจำกัดขนาดเล็กที่สามารถอยู่รอดได้และมีค่าใช้จ่ายหลายล้านในการวิจัยและพัฒนา มีความฉับไว คล่องแคล่ว ระบบยืดหยุ่นที่เห็นได้ชัด สามารถวินิจฉัย คาดการณ์ และตอบสนองในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ที่มีปัจจัยที่ไม่แน่ชัดหลากหลายหรือคำตอบที่เป็นไปได้มีมากมายก็ตาม
 
เทคโนโลยีด้าน AI ที่ผสมผสานความสามารถในการอุปนัย (inductive) นิรนัย (deductive) และจารนัย (abductive) ทำให้การให้เหตุผลเหมือนมนุษย์มีความเป็นไปได้ ช่วยให้แพลตฟอร์มสามารถวิเคราะห์สถานการณ์ที่ซับซ้อนได้อย่างรวดเร็วและใช้วิธีการแก้ปัญหาแบบเดียวกับมนุษย์ แม้ว่าจะมีข้อมูลที่ขาดหายไป ข้อมูลที่ทำให้เข้าใจผิด หรือข้อมูลที่กวนใจ ก็ตามที สิ่งที่ทำให้แพลตฟอร์ม AI เหล่านี้มีเอกลักษณ์มากยิ่งขึ้นคือ มันสามารถทำหน้าที่เป็นทูตสวรรค์เป็นผู้พิทักษ์ต่าง ๆ นานา ที่ทำงานควบคู่กับระบบ AI แบบดั้งเดิมเพื่อเพิ่มชั้นเลเยอร์ของการจัดการ แพลตฟอร์ม AI สามารถตั้งโปรแกรม ให้เรียนรู้ถึงกฎเกณฑ์และแนวคิดที่เป็นนามธรรม คล้ายกับศีลธรรมและจริยธรรม และสามารถปฏิบัติตามกฎเหล่านี้ได้ไม่ว่าจะมีการนำเสนอในสถานการณ์ใดก็ตาม
 


ฟังก์ชันเหล่านี้มีความสำคัญและมีมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากระบบ AI เริ่มมีบทบาททำงานมากขึ้นในสังคมของเรา มักจะมีการควบคุมน้อยที่สุด คนที่มีชื่อเสียงโด่งดัง อย่างเช่น อีลอน มัสก์ (Elon Musk) และ สตีเฟน ฮอว์คิง (Steven Hawking) ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับมนุษย์หากอุปกรณ์ด้าน AI รุดหน้าไปไกลเกินกว่าที่ผู้ใช้งานจะควบคุมมันได้ เมื่อไม่นานมานี้ Facebook ต้องปิดห้องทดลองด้าน AI ลงชั่วคราว เนื่องจาก chatbots เริ่มสื่อสารด้วยภาษาที่นักวิจัยไม่สามารถเข้าใจได้
 
นอกจากนี้ระบบ AI อาจมีความเสี่ยงต่อการถูกแฮ็กและข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือเสียหายจะส่งผลต่อฟังก์การทำงานที่เหมาะสม ยกตัวอย่างเช่น กรณีของ นักบินของเยอรมันวิงส์ (Germanwings) ถูกล็อกโดยผู้ช่วยนักบินอยู่ด้านนอกห้องนักบิน และใช้ระบบการบินอัตโนมัติปะทะชนเทือกเขาในที่สุด ระบบ AI อิสระที่เชื่อถือได้ต้องมีความซับซ้อนมากพอที่จะเอาชนะคำสั่งดังกล่าวได้ แม้ว่าจะมีการให้คำสั่งผิด ๆ ก็ตาม เป็นไปได้ที่เจ้าหน้าที่ควบคุมการบินจะตั้งธงคำสั่งยับยั้งเมื่อวิถีโคจรของเครื่องบินเป็นที่น่าสงสัย แม้ว่าอาจไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบนเครื่องบิน ในฐานที่ AI เป็นผู้พิทักษ์ควรสามารถวิเคราะห์สถานการณ์แสดงบทบาทในสถานการณ์ต่าง ๆ และประเมินคำสั่งที่แปลกประหลาดได้ภายในเสี้ยววินาที และหากคำสั่งเป็นที่น่าสงสัยก็อาจปฏิเสธที่จะเปลี่ยนเส้นทางโคจรโดยอัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงโศกนาฏกรรมใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นอย่างคาดหวังไว้
 
แม้ว่า AI ที่มีลักษณะเป็นเอกเทศที่น่าเชื่อถือ แต่เป็นไปตามกฎคลาสสิกของ ไอแซค อสิมอฟ (Issac Assimov) คือ กฎสามข้อของหุ่นยนต์ และมีความยืดหยุ่นมากพอที่จะปรับเปลี่ยนให้เข้ากับอุตสาหกรรมและแอพพลิเคชันต่าง ๆ ที่ปรับใช้งานได้ ขณะเดียวกันระดับของการคุกคามของ AI ยังคงมีมากขึ้นทุกวันดั่งนิยายวิทยาศาสตร์ แต่กลับทำให้รู้สึกอุ่นใจเมื่อรู้ว่าผู้สร้าง AI ยุคใหม่จะก้าวหน้าสามารถสร้าง AI ขั้นสูงที่ให้เหตุผลเหมือนมนุษย์ที่สามารถทำงานควบคู่กับคำสั่งของมนุษย์ได้ และช่วยให้ชีวิตมนุษย์มีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

ที่มา: https://www.autodesk.com
ควิกเซิร์ฟ
สินค้า
งานระบบ
บริการ
กิจกรรม
ออนไลน์