1726202978.png
1731393918.jpg
1732076627.jpg
1730459076.jpg
1730782055.jpg
1730966771.jpg
1731999875.jpg
ความยั่งยืน เทรนด์หลักแห่งกลยุทธ์ด้านเทคโนโลยีในปี 2023
“ความยั่งยืน” คือเทรนด์หลักแห่งกลยุทธ์ด้านเทคโนโลยีในปี 2023 – Gartner
CEOs รายงานว่า ณ เวลานี้ ปัจจัยด้าน “ความเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม” ขึ้นมามีความสำคัญติดอันดับท็อป 3 สำหรับนักลงทุน ตามหลังปัจจัยด้านรายได้และกำไรเท่านั้น
ผลวิจัยล่าสุดจาก Gartner เผยอันดับของเทรนด์แห่งกลยุทธ์ด้านเทคโนโลยีหลักสำหรับปี 2023 แล้ว โดย “ความยั่งยืน” กลายเป็นปัจจัยในการพิจารณาที่มาเหนืออื่นใดสำหรับองค์กรที่เตรียมวางแผนการดำเนินงานในปีหน้า
Gartner ประกาศผลอันดับเทรนด์นี้ในงาน IT Symposium/Xpo ของตน พร้อมกล่าวว่า ธุรกิจต้องทบทวนกลยุทธ์ปัจจุบันของตนให้มั่นใจว่า กลยุทธ์ของตนสอดคล้องกับธีมหลักในปัจจุบันที่สั่งสมมาจากทั้งโรคระบาดและจากปี 2022 ในขณะที่เร่งแผนปรับเปลี่ยนสู่ความเป็นดิจิทัลของตนเองอย่างต่อเนื่อง
“เพื่อยกระดับสถานะทางการเงินขององค์กรตนในช่วงที่เศรษฐกิจปั่นป่วน CIOs และผู้บริหารด้านไอทีต้องมองข้ามการประหยัดต้นทุน ไปสู่การมองรูปแบบใหม่ของความเป็นเลิศในการดำเนินงาน ในขณะที่ยังต้องเร่งแผนปรับเปลี่ยนสู่ความเป็นดิจิทัลของตนเองอย่างต่อเนื่อง” Frances Karamouzis ผู้เป็น Distinguished VP Analyst ที่ Gartner อธิบาย
ทั้งนี้ อันดับของเทรนด์หลักสำหรับปี 2023 โดยบริษัทวิจัยดังกล่าว มีธีมหลักอยู่สามธีม คือ “เพิ่มประสิทธิภาพเต็มที่” “ปรับขนาด” และ “บุกเบิก”
บุกเบิก
หมวดหมู่ 'บุกเบิก' นั้น มีโครงคร่าวๆ ที่พูดถึงรูปแบบการมีส่วนร่วมและโอกาสแบบใหม่ โดยรวมถึงพื้นที่ความเป็นจริงดิจิทัลเสมือน 3 มิติ อย่าง Metaverse โดย Gartner คาดการณ์ว่า สิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ที่ใช้ (device dependent) และจะไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็นอุปกรณ์ของผู้จำหน่ายรายเดียว และจะขับเคลื่อนโดยสกุลเงินดิจิทัลและ NFTs
อันที่จริง บริษัทวิจัยคาดว่า ภายในปี 2027 องค์กรขนาดใหญ่ทั่วโลกจำนวนร้อยละ 40 จะมีการบูรณาการรูปแบบการใช้งาน Web3, AR cloud และ digital twins ร่วมกันในโครงการที่เป็น Metaverse โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างรายได้เพิ่มขึ้น
อีกจุดหนึ่งที่ถูกเน้นย้ำในหมวดของการบุกเบิก คือ เหล่า superapps ซึ่งออกแบบโดยรวมคุณลักษณะของแอป แพลตฟอร์ม และระบบนิเวศเข้าไว้ในแอปพลิเคชันเดียว และยังมีระบบ AI ที่ปรับตัวได้ ซึ่งจะฝึกฝนพัฒนาโมเดลและเรียนรู้จากข้อมูลใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง
เพิ่มประสิทธิภาพเต็มที่
หมวดหมู่ "เพิ่มประสิทธิภาพเต็มที่" ระบุการมุ่งเน้นเทคโนโลยีทั้งสามเทคโนโลยีชั้นนำที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพความยืดหยุ่นต่อสถานการณ์ขององค์กร การดำเนินงาน และความไว้วางใจ
โดยเทคโนโลยีเหล่านี้ คือ ระบบภูมิคุ้มกันดิจิทัลที่สามารถลดความเสี่ยง และ เทคโนโลยี applied observability สำหรับการใช้ประโยชน์จากอุปกรณ์ข้อมูลในการตัดสินใจ เช่นเดียวกับเทคโนโลยี AI ความเสี่ยง และการจัดการความปลอดภัย
ปรับขนาด
สำหรับหมวดหมู่ “ปรับขนาด” นั้นมุ่งเน้นสามประเด็น คือ แพลตฟอร์มคลาวด์อุตสาหกรรม และแพลตฟอร์มวิศวกรรม รวมถึงการเข้าใจคุณค่า (value realization) ของความเชื่อมต่อไร้สาย
ซึ่งในหมวดหมู่ทั้งสามนี้ “ความยั่งยืน” คือปัจจัยขับเคลื่อนหลัก โดยผลสำรวจล่าสุดของ Gartner CEOs รายงานว่า ณ เวลานี้ ปัจจัยด้านความเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม ขึ้นมามีความสำคัญติดอันดับท็อป 3 สำหรับนักลงทุน ตามหลังเพียงกำไรและผลรายได้สุทธิเท่านั้น
“ในปี 2023 การส่งมอบเทคโนโลยีจะไม่เพียงพออีกต่อไป” David Groombridge ผู้เป็น Distinguished VP Analyst ของ Gartner กล่าว “ธีมเหล่านี้ได้รับผลกระทบมาจากความคาดหวังเชิงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) รวมถึงการกำกับดูแล ซึ่งหมายความว่าทุกคนต้องมีความรับผิดชอบร่วมกันในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่มีความยั่งยืน”
“ทุกการลงทุนด้านเทคโนโลยี จะต้องคำนึงถึงผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อม โดยคำนึงถึงคนรุ่นต่อไปในอนาคต การกำหนดวัตถุประสงค์ให้เป็น 'ยั่งยืนโดยพื้นฐาน' ต้องอาศัยเทคโนโลยีที่ยั่งยืนร่วมด้วย”
ความยั่งยืนในฐานะโอกาสทางธุรกิจ
Charles Cao หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการและการวางแผนกลยุทธ์ของ Conga ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ SaaS เห็นด้วยกับผลลัพธ์ของ Gartner ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่างกำลังมองเห็นโอกาสทางธุรกิจในความยั่งยืนอยู่ ณ ขณะนี้
“เห็นได้ชัดว่านี่คือสัญญาณบอกว่า ผู้นำทางธุรกิจกำลังรู้สึกว่าถูกกดดันจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลักๆ ให้ทำอะไรเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือพวกเขาเริ่มเห็นแล้วว่า การริเริ่มเหล่านี้เป็นโอกาสในการขับเคลื่อนประสิทธิภาพของธุรกิจและการเติบโตของรายได้” เขากล่าว
“เป็นอย่างที่รายงานของ Gartner เสนอ ความยั่งยืนไม่ได้เป็นเพียงสิทธิพิเศษทางธุรกิจเท่านั้น แต่ยังต้องดำเนินควบคู่ไปกับความสำเร็จของธุรกิจอีกด้วย มันยังช่วยสร้างโอกาสให้ผู้นำทางธุรกิจสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและปรับขนาดการดำเนินงานของตน รวมถึงสำรวจวิธีการทำงานและการทำธุรกิจใหม่ๆ ได้อีกด้วย”
Cao เสริมว่า การปรับเปลี่ยนสู่ดิจิทัลและความยั่งยืน เป็นสิ่งที่เกี่ยวเนื่องกันโดยพื้นฐาน และควรถูกปฏิบัติในลักษณะที่เป็นเหมือนสิ่งเดียวกันไปเลย
“ในขณะที่ผู้บริหารลงทุนกับโซลูชันด้านนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง พวกเขาก็ต้องจับคู่เทคโนโลยีเหล่านั้นเข้ากับวัตถุประสงค์ทางธุรกิจและเป้าหมายด้านความยั่งยืน” เขากล่าวต่อ
“การที่จะทำแบบนั้นได้ องค์กรต้องวางกรอบแนวคิดสำหรับเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน โดยต้องเป็นกรอบแนวคิดที่วางโครงร่างพื้นที่ในการพัฒนาปรับปรุงหลักๆ ไว้แล้ว ว่าตนจะส่งมอบบริการของตัวเองได้อย่างไร หรือมีกระบวนการใดที่ไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ไหม เพื่อให้มั่นใจได้ว่าตนใช้พลังงานได้อย่างเต็มที่และคุ้มค่าในเชิงวัตถุดิบมากที่สุด”
“ในอุดมคติแล้ว ผู้นำธุรกิจควรวางโปรแกรมความยั่งยืน โดยพยายามลดทอนหรือเพิ่มความคล่องตัวให้กับกระบวนการทางธุรกิจหลัก มากกว่าจะหันไปใช้เทคโนโลยีการปรับเปลี่ยนอย่างเต็มตัวโดยไม่ได้ระบุให้ชัดว่า เทคโนโลยีนั้นมีประโยชน์กับวงจรการดำเนินการทั้งหมดอย่างไร”
ในยามที่ธุรกิจทั้งหลายต่างมองเป้าหมายปี 2023 ไว้แล้ว Cao ย้ำประเด็นของ Gartner ว่าการส่งมอบเทคโนโลยีใหม่นั้นยังไม่เพียงพอ และผู้นำทางธุรกิจต้องมองให้ไกลกว่าแค่การรักษาต้นทุน
“เมื่อมองไปยังปี 2023 ทุกการลงทุนด้านเทคโนโลยีจะต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หรืออย่างน้อยก็ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า ตนสามารถส่งมอบแนวปฏิบัติทางธุรกิจที่ยั่งยืนมากขึ้น ผู้นำธุรกิจทั้งหลายต้องเปิดใจยอมรับความยั่งยืน” เขากล่าว
ที่มา: https://bit.ly/3i2fJAi