พาคุณไปรู้จักกับ Supercomputer คอมที่เร็วแรงที่สุดในโลก

ไม่ว่าใครก็ตามล้วนต้องการคอมพิวเตอร์ที่สเปคสูงประสิทธิภาพดีกันทั้งนั้น ยิ่งโดยเฉพาะบริษัทเอกชน องค์กรขนาดใหญ่ที่จำเป็นต้องมีการประมวลผลข้อมูลอยู่ตลอดเวลา ประสิทธิภาพคอมพิวเตอร์ยิ่งสูงก็ยิ่งตอบโจทย์การใช้งาน ปัจจุบันองค์กรชั้นนำในต่างประเทศนั้นมีหลายบริษัทเลยทีเดียวที่เป็นเจ้าของสิ่งที่เรียกว่า Supercomputer ซึ่งบริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ชั้นนำแบรนด์ดังหรือผู้ผลิตชิปเซ็ตแบรนด์ชั้นนำต่างแข่งกันผลิตออกมาให้องค์กรชั้นนำได้นำไปใช้งาน แล้วเจ้า supercomputer นี้มีความพิเศษหรือมีความสามารถอย่างไรกันบ้างลองมาดูกัน

Supercomputer เร็วแรงตอบสนองการประมวลผลที่หนักหน่วง

เมื่อขึ้นชื่อว่า “Super” ทั้งที จะให้ประสิทธิภาพ การใช้งานธรรมดาเหมือนคอมพิวเตอร์ทั่ว ๆ ไปก็คงไม่ใช่ Supercomputer จึงเป็นคอมพิวเตอร์ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ มีสเปคอุปกรณ์ภายในทั้งชิปเซ็ต หน่วยประมวลผล และทุกอย่างอยู่ในระดับสูงทั้งหมด เพื่อให้สามารถทำงานได้เหนือกว่าคอมพิวเตอร์ธรรมดาและคอมพิวเตอร์เมนเฟรมทั่วไป หากคุณนึกไม่ออกว่าคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่าสุดยอดนี้จะเร็วแรงขนาดไหน หรือจะใช้งานกับเรื่องอะไร ก็ขอให้นึกถึงองค์กร NASA ที่ส่งยานอวกาศและดาวเทียมไปในนอกโลก อุปกรณ์ที่ถูกส่งออกไปนอกโลกนั้นจะถูกควบคุมและส่งข้อมูลกับมาประมวลผลที่ Supercomputer เหล่านี้ทั้งสิ้น การจะส่งดาวเทียมสักดวงขึ้นไปนอกโลก หรือส่งยานอวกาศออกไป มีข้อมูลจำนวนมากที่จะต้องมีการประมวลผล ไม่ใช่แค่เพียงความสูง ความไกล แต่ยังมีปัจจัยอีกมากมายที่ติดอยู่กับอุปกรณ์ที่ต้องส่งออกไปนอกโลก ทุกอย่างต้องมีการคำนวณออกมาเพื่อความพร้อมที่สุดก่อนที่จะส่งขึ้นไป ด้วยข้อมูลจำนวนมหาศาลเหล่านี้ หากใช้คอมพิวเตอร์ธรรมดาทั่วไป ต่อให้สเปคสูงที่สุดในท้องตลาดทุกวันนี้ก็คงยังไม่เพียงพอที่จะประมวลผลข้อมูลทั้งหมดเหล่านี้ออกมาได้ทัน สุดยอดคอมพิวเตอร์นี้จึงเหมาะอย่างยิ่งกับการใช้ประมวลผลข้อมูลอันมากมายและหนักหน่วง

Supercomputer มีข้อจำกัดอะไรบ้าง

แน่นอนเลยว่าทุกอย่างต้องมีข้อดีข้อเสียในตัวเอง Supercomputer มีข้อจำกัดหลัก ๆ เลยก็คือ เรื่องของราคาที่สูง การใช้พลังงานที่มาก และเรื่องของความร้อน ต้องบอกว่าอุปกรณ์ชิ้นนี้ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ ที่มี Data Center ของตนเอง โดยส่วนใหญ่แล้วหน่วยงานที่จะใช้ก็จะมีฐานข้อมูลใหญ่ในระดับประเทศ หรือเป็นองค์กรที่ต้องใช้ข้อมูลระดับประเทศเท่านั้น อย่างศูนย์วิจัยแห่งชาติที่ต้องทำการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ต่าง ๆ การทดลองเรื่องเทคโนโลยีการบิน เทคโนโลยีการแพทย์เหล่านี้เป็นต้น ซึ่งแน่นอนว่าองค์กรหรือหน่วยงานเหล่านี้จะต้องมีจำนวนข้อมูลมหาศาลที่ต้องประมวลผล จึงจำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงเหนือกว่าธรรมดาทั่วไป ซึ่งเมื่อมีการประมวลผลอย่างต่อเนื่องก็ต้องใช้พลังงานไฟฟ้ามาก ยิ่งใช้งานหนักเท่าไหร่ก็ยิ่งเกิดความร้อน เมื่อมีความร้อนมากก็ต้องมีระบบปรับอากาศที่ดีซึ่งก็ต้องใช้พลังงานไฟฟ้าอีก นี่จึงเป็นข้อจำกัดที่ทำให้สุดยอดคอมพิวเตอร์แบบนี้ยังไม่เป็นที่แพร่หลายทั่วไป

อย่างไรก็ดี ก็ต้องยอมรับว่า Supercomputer เป็นสิ่งที่มีประโยชน์และน่าสนใจอย่างมาก หากในอนาคตมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเชื่อว่า คอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูงเหล่านี้ จะมีราคาที่ลดลงมาบ้าง รวมถึงขนาดก็อาจจะเล็กลงไปจากเดิมด้วยเล็กน้อย ซึ่งถึงเวลานั้นความแพร่หลายของสุดยอดอุปกรณ์ชิ้นนี้ก็คงจะมากขึ้นอย่างแน่นอน