พีซี Windows 11 ของคุณต้องการ RAM เท่าใด

มันมีความแตกต่างค่อนข้างมากระหว่างความต้องการของระบบขั้นต่ำ และขั้นต่ำที่สามารถใช้งานได้จริง

หน่วยความจำเข้าถึงโดยสุ่ม โดยทั่วไปเรียกว่า “แรม” ซึ่งมีความสำคัญต่อระบบคอมพิวเตอร์ของคุณในการเปิด เรียกใช้ และจัดการบรรดาโปรแกรม แอปพลิเคชัน และบริการต่างๆ

โดยแรมสามารถสร้างหรือทำลายพีซีได้ ยิ่งคุณมีแรมมากเท่าใด คุณก็จะสามารถเรียกใช้แอปพลิเคชันคู่กันได้มากขึ้นเท่านั้น แต่หากคุณมีมันไม่เพียงพอ พีซีของคุณอาจทำงานเฉื่อยช้าลงจนแทบจะทำอะไรไม่ได้ และในทางกลับกันหากคุณใส่แรมมากกว่าที่คุณต้องการลงในพีซีก็อาจทำให้เสียเงินโดยใช่เหตุ

Windows 11 สามารถทำงานบน แรม 2GB ได้หรือไม่?

คุณไม่สามารถติดตั้ง Windows 11 บนระบบที่มีแรมขนาด 2GB ได้ เนื่องจากระบบจะทำการตรวจสอบความเข้ากันได้ของระบบก่อนที่จะพยายามติดตั้ง และหากมันไม่พบแรมขนาด 4GB ระบบจะยกเลิกการติดตั้งทันที ซึ่งนับเป็นสิ่งที่ดี อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้หมายความว่าคุณจะใช้ Windows 11 บนระบบที่มีแรม 2GB ไม่ได้ โดยวิธีแก้ไขข้อจำกัดที่ง่ายที่สุดคือติดตั้งแรมขนาด 4GB ขณะที่ติดตั้ง Windows 11 จากนั้นติดตั้ง 2GB หลังจากติดตั้งเสร็จแล้ว แต่สิ่งนี้ก็อาจจะนำไปสู่ประสบการณ์การใช้งานที่ล้าหลังและเฉื่อยชาอยู่ดี

ย้อนกลับสมัย Windows 10 ที่คุณสามารถติดตั้ง Windows แบบ 32 บิตบนพีซีที่มีแรมเพียง 1GB ได้ โดยรุ่น 64 บิตเพิ่มขั้นต่ำนี้สองเท่าเป็น 2GB และนั่นคือขั้นต่ำสุดจริงๆ ซึ่งคุณก็สามารถทำงานกับมันได้ แต่บางครั้งอาจจะทุกข์ทรมานในการทำงานของมัน

อย่างไรก็ตาม มันเปลี่ยนไปแล้วสำหรับ Windows 11 นี้ โดย Microsoft ได้เพิ่มขั้นต่ำเป็น 4GB แต่น่าแปลกที่การเพิ่มขั้นต่ำเพียง 4GB กลับให้ความรู้สึกที่รวดเร็ว ฉันเคยเห็นระบบที่หลังจากบูตทุกอย่างแล้ว ระบบจะมีพื้นที่ว่างประมาณหนึ่งกิกะไบต์

Windows 11 ต้องการแรมเท่าไหร่จึงจะทำงานได้อย่างราบรื่น?

คุณสามารถใช้แรมขั้นต่ำ 4GB ในการใช้งานทั่วๆไป แต่การทำงานจะเริ่มช้าลงเล็กน้อยเมื่อคุณเปิดแท็บ Google Chrome ไว้สองสามแท็บ หรือพยายามทำบางอย่าง เช่น การแก้ไขรูปภาพอย่างจริงจัง และลืมการตัดต่อวิดีโอหรือการเล่นเกมอย่างจริงจังไปได้เลย เพราะคุณจะผิดหวังกับประสิทธิภาพของมันอย่างแน่นอน

ยิ่งคุณคาดหวังจากพีซีมากเท่าไหร่ คุณจะยิ่งต้องการแรมมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งหากคุณเป็นผู้ใช้ทั่วไป การท่องเว็บไซต์ ส่งอีเมล และแก้ไขเอกสาร แรมขนาด 4GB ก็อาจเพียงพอแล้ว แต่จะรู้สึกถึงความหน่วงแน่นอน ดังนั้น การเพิ่มแรมเป็น 6 หรือ 8GB นี้ไม่เพียงแต่ให้ประสบการณ์ที่ดีขึ้นมาก แต่ยังช่วยให้คุณสามารถทำอะไรกับระบบได้มากขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ เนื่องจากการอัปเดตระบบปฏิบัติการและแอปพลิเคชันจะเพิ่มภาระให้กับระบบมากขึ้น การมีแรมที่สูงจะช่วยให้พีซีของคุณมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ซึ่งจุดที่น่าสนใจในปัจจุบันในแง่ของประสิทธิภาพและราคาคือแรมขนาด 8GB

มีกรณีที่มีแรมมากกว่า 8GB หรือไม่?

แน่นอนว่ามี แต่ผลลัพท์อาจไม่คุ้มกับเงินที่เสียไป เนื่องจากแรมที่มากกว่า 8GB จะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อคุณใช้งานแอปพลิเคชันที่ใช้ทรัพยากรจำนวนมากพร้อมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประมวลผลภาพระดับไฮเอนด์หรือวิดีโอ 4K+, CAD หรือการสร้างแบบจำลอง 3 มิติ

หากคุณใช้งานแอปพลิเคชันอย่าง Premiere Pro, Photoshop และ After Effects ควบคู่กันบนระบบที่มีแรมขนาด 8GB สิ่งต่างๆจะเริ่มช้าลง แต่ในบนระบบที่มี 16GB ขึ้นไปจะไม่มีปัญหาในเรื่องนี้

การมีพื้นที่มากกว่า 8GB จะมีประโยชน์หากคุณใช้เครื่องมือการจำลองเสมือนอย่างมาก เช่น Microsoft Hyper-V หรือ VMware Workstation โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณใช้งานเครื่องเสมือนหลายเครื่องพร้อมกัน แต่จำไว้ว่าคุณจะต้องจ่ายเงินสำหรับแรมนั้น และการเพิ่มจาก 8GB เป็น 16GB หรือมากกว่านั้นก็จะมีราคาที่สูงขึ้นเช่นกัน

พีซีสำหรับเล่นเกมต้องการแรมขนาด 24/32GB หรือไม่?

ส่วนใหญ่ไม่จำเป็น ฉันเคยเห็นระบบเกมมากมายที่มีแรมขนาด 24GB หรือแม้แต่ 32GB และสูงกว่านั้น และแม้ว่ามันจะดีเพราะมันมีโอเวอร์เฮดจำนวนมาก แต่พบว่าส่วนใหญ่แรมตัวนี้ก็จะอยู่ในพีซีเฉยๆ ไม่ได้ทำงาน ซึ่งหากคุณมีเงินเพียงพอ แน่นอนว่าให้ลงทุนกับแรม แต่มันจะดีกว่าหากใช้เงินนั้นไปกับที่เก็บข้อมูล SSD ที่เร็วกว่า หรือกราฟิกการ์ดที่ดีกว่า สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าพีซีที่เร็วนั้นสร้างขึ้นจากชิ้นส่วนที่เร็ว การใส่แรมจำนวนมากในระบบที่มีปัญหาคอขวดอื่นๆ เช่น CPU ช้า ที่เก็บข้อมูลช้า การ์ดกราฟิกที่ไม่ดี การเพิ่มแรมจะเป็นเพียงการเสียเงินเปล่า

พีซีของฉันสามารถใช้แรมได้มากสุดเท่าใด?

นี่คือสิ่งที่ซับซ้อนเล็กน้อย เนื่องจากแล็ปท็อปในปัจจุบันเปลี่ยนไปใช้แรมแบบตายตัวมากขึ้นเรื่อยๆ โดยที่ชิปแรมจะถูกบัดกรีเข้ากับเมนบอร์ดโดยตรง และไม่สามารถถอดออกหรืออัปเกรดได้ สิ่งที่คุณซื้อคือสิ่งที่จะติดอยู่ตลอดชีวิตของระบบ

แต่ก็ยังโชคดีที่เดสก์ท็อปพีซีส่วนใหญ่ยังมีแรมที่สามารถอัปเกรดได้ อย่างไรก็ตาม คุณจำเป็นต้องรู้บางสิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเภทของแรมที่พีซีของคุณใช้ และจำนวนแรมสูงสุด

คุณสามารถหาข้อมูลนี้ได้อย่างไร?

คุณสามารถดูคู่มือพีซี/เมนบอร์ด หรือหากพีซีของคุณผลิตโดย OEM ให้ใช้ตัวตรวจสอบระบบ เช่น ตัวตรวจสอบที่พบใน Crucial.com เพื่อดูว่า RAM ใดที่เข้ากันได้กับระบบของคุณ ซึ่งสิ่งนี้สามารถให้ข้อมูลทั้งหมดที่คุณต้องการได้ และเมื่อคุณได้รับข้อมูลนี้แล้ว คุณก็สามารถไปชอปปิงได้เลย

ที่มา: http://bitly.ws/G3EC