1726202978.png
1731393918.jpg
1732076627.jpg
1730459076.jpg
1730782055.jpg
1730966771.jpg
1731999875.jpg
รถยนต์ไร้คนขับนวัตกรรมที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้าด้วยพลังของ 5G
รถยนต์ไร้คนขับนวัตกรรมที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้าด้วยพลังของ 5G
รถยนต์ไร้คนขับอีกหนึ่งสิ่งที่สะท้อนความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเป็นนวัตกรรมที่สามารถเข้ามาเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตของมนุษย์ และแน่นอนจะเกิดขึ้นได้ด้วยพลังของ5G
มนุษย์เราไม่เคยหยุดคิดค้นและพัฒนานวัตกรรม นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเทคโนโลยีที่มนุษย์ให้ความสำคัญเรื่อยมาเลยก็คือ เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง นับตั้งแต่การรู้จักใช้สัตว์เป็นพาหนะ การเทียมเกวียนสัตว์ พัฒนามาสู่รถจักรไอน้ำ และมาจนถึงเทคโนโลยีรถยนต์ในปัจจุบัน และรถยนต์ก็ดูเหมือนเป็นปัจจัยที่ 5 – 6 ในชีวิตไปแล้ว และสิ่งที่จะเกิดขึ้นถัดไปหลังจากนี้ไม่กี่ปีก็คือ นวัตกรรมรถยนต์ไร้คนขับแม้เรื่องนี้จะถูกพูดถึงกันมาหลายปีแล้ว มีไอเดียและการทดลองอยู่หลายครั้งแต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จอย่างจริงจังนัก เพราะปัจจัยเรื่องเทคโนโลยีที่เป็นองค์ประกอบหลักยังไม่เกิดขึ้นจริง แต่ในอีกไม่ช้าด้วยพลังของ 5Gจะทำสิ่งที่คนจินตนาการไว้นี้ให้เป็นจริงได้อย่างที่เราคาดไม่ถึง
ก้าวไปสู่ Smart Livingด้วยรถยนต์ไร้คนขับ
ในประเทศไทยเราเริ่มมีการทดสอบโมเดลเรื่องรถยนต์ไร้คนขับกันแล้ว ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 Use Caseด้วยกันดังนี้
· รถยนต์ไร้คนขับแบบทางไกลถ้าจะให้กล่าวจริง ๆ Use Case นี้ก็ไม่เชิงไร้คนขับซะทีเดียว ตัวรถยนต์ยังมีการควบคุมจากคนอยู่แต่เป็นการควบคุมรถจากระยะไกล (Remote)โดยคนที่ควบคุมรถหรือคนขับไม่จำเป็นต้องอยู่ภายในตัวรถ แต่จะใช้วิธีสั่งงานระยะไกลแบบเรียลไทม์ บังคับรถให้เคลื่อนที่ไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งสิ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ระบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างเรียลไทม์จริง ๆ และเกิดความปลอดภัยจริง ๆ ก็คือเครือข่าย 5Gที่จะทำให้เกิดการตอบสนองทันทีระหว่างคนขับที่อยู่ไกลจากตัวรถ
· การสื่อสารระหว่างรถกับรถ 5G ทำให้เกิดนวัตกรรมเกี่ยวกับรถยนต์ที่เรียกว่า Vehicle to Vehicleหรือ V2Vเกิดขึ้น โดยรถยนต์ที่ไม่มีคนขับ 2 คัน หรือทุก ๆ คันที่ใช้ระบบนี้สามารถสื่อสารกันเองได้ จะรู้เส้นทางกันและกัน จะหลบหลีกกันเองเมื่อต้องเคลื่อนที่มาใกล้กัน ซึ่ง 5G จะช่วยทำให้เกิดการสื่อสารกันได้ เกิดการตอบสนองที่รวดเร็วมากขึ้น
· รถตรวจการณ์เพื่อการรักษาความปลอดภัย เป็นอีกหนึ่ง Use Case ของรถยนต์ไร้คนขับเช่นกัน โดยจะมีรถตรวจการณ์ที่ไม่ต้องใช้คนขับ แต่จะมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ในรถ ซึ่งภายในรถจะมีเทคโนโลยี Video Analytics และ AI ติดตั้งอยู่ภายใน อย่างถ้าเป็นการเฝ้าระวังพื้นที่จราจร เมื่อกล้องวงจรปิดในรถสามารถจับภาพการขับขี่ที่ไม่ถูกต้องได้ ก็จะทำการวิเคราะห์ภาพเพื่อหาป้ายทะเบียน รุ่นและสีของรถ เจ้าของรถและส่งไปยังกรมขนส่งหรือสถานีตำรวจได้เลย
รถยนต์ไร้คนขับมีเลเวลในตัวเอง
แม้ว่าไอเดียและแนวคิดเรื่องรถยนต์ไร้คนขับและน่าสนใจแต่ก็ยังคงต้องมีการทดสอบอีกมากมายเพื่อให้เกิดความมั่นใจในเรื่องของความปลอดภัยมากที่สุด ผู้ที่พัฒนาระบบของรถไร้คนขับทั่วโลกจึงได้พยายามกำหนดเลเวลหรือระดับของรถไร้คนขับออกมาให้เกิดมาตรฐานสากลที่สามารถเข้าใจตรงกันได้ ซึ่งแม้จะยังหาข้อมูลที่เป็นมาตรฐานแน่ชัดไม่ได้ แต่คร่าว ๆ แล้วก็จะมีอยู่ประมาณ 4 ระดับด้วยกัน คือ
· อัตโนมัติบางส่วน เป็นรถยนต์ที่ยังมีคนขับ แต่ติดตั้งระบบช่วยควบคุมรถที่ฉลาดขึ้น คนขับสามารถปล่อยมือจากพวงมาลัยได้ในช่วงหนึ่ง แต่ยังต้องมีการควบคุมสภาพการขับขี่ด้วยคนอยู่
· อัตโนมัติโดยมีเงื่อนไข เป็นระดับที่สูงขึ้นมาอีกนิดจากระดับแรก คนเริ่มควบคุมรถเองน้อยลง
· อัตโนมัติระดับสูง ระดับนี้รถยนต์เริ่มขับเคลื่อนตัวเองได้โดยที่คนแทบจะไม่ต้องควบคุม แต่ก็จะมีตัวเลือกในการควบคุมรถด้วยคนอยู่ด้วย
· อัตโนมัติแบบสมบูรณ์ ระดับนี้เป็นรถยนต์ที่ไม่ต้องอาศัยคนขับแบบสมบูรณ์ และจะขับเคลื่อนเองได้อัตโนมัติ
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า5Gเป็นปัจจัยเร่งที่สำคัญที่จะทำให้นวัตกรรมรถยนต์ไร้คนขับในรูปแบบต่าง ๆ เกิดขึ้นจริง คงต้องรอลุ้นกันแล้วว่า จะช้าหรือเร็วแค่ไหนที่เราจะไม่ต้องทนกับการขับขี่รถยนต์ไปไหนไกล ๆ ด้วยตัวเอง