วิธีการตั้งค่า Firewall แบบที่ใคร ๆ ก็สามารถทำตามได้อย่างง่ายดาย

การมีคอมพิวเตอร์หรือโน๊ตบุ๊คเพื่อเอาไว้ใช้ทำงานแต่เพียงอย่างเดียว สำหรับผู้ใช้งานในยุคปัจจุบันนี้อาจไม่เพียงพอ ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีที่เรามีจะสามารถตอบสนองความต้องการและเพิ่มความสะดวกในการใช้งานให้มากขนาดไหน ในฐานะเจ้าของคอมพิวเตอร์แล้ว ก็จำเป็นที่จะต้องมีความรู้และความเข้าใจถึงการตั้งค่าต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับระบบการทำงานของคอมพิวเตอร์เอาไว้ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของความปลอดภัยที่เราต้องใส่ใจมากเป็นพิเศษ ซึ่งการตั้งค่า firewall ให้สามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพก็จะช่วยปราการด่านแรกของคอมพิวเตอร์แข็งแรงขึ้นได้

รู้จักและศึกษาก่อนเข้าสู่การตั้งค่า firewall

ระบบการตั้งค่า firewall ถือได้ว่าเป็นระบบความปลอดภัยด่านแรกของคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะทำหน้าที่ในการดูแลการเข้าถึงจากระบบภายนอก อย่างเช่น อินเทอร์เน็ต เครือข่ายสำนักงาน ไปจนถึงตัวคอมพิวเตอร์เอง หรืออาจกล่าวได้ว่า ระบบ firewall คือการ์ดเฝ้าประตูทางเข้าออกระหว่างคอมพิวเตอร์กับระบบเชื่อมต่ออื่น ๆ โดยหากเป็นการเข้าถึงแบบทั่วไปที่มีความปลอดภัย firewall ก็จะอนุญาตให้สามารถทำการสื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ แต่หากไม่ชัวร์ว่าใช่ก็จะทำการปิดกั้นและสั่งหยุดกระบวนการต่าง ๆ ในตอนนั้น ณ ทันที

ซึ่ง ณช่วงเวลาปัจจุบันนี้การตั้งค่า firewall ได้มีการพัฒนาความสามารถในการทำงานและการรับมือกับอันตรายที่มากขึ้น โดยมีชื่อว่า Next-Generation Firewall ซึ่งมีความสามารถในการตรวจจับไวรัส มัลแวร์ และโปรแกรมอันตรายได้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม รวมไปถึงการคัดกรองแอปพลิเคชันอันตรายต่าง ๆ ที่อาจทำการแฝงมากับโปรแกรมโดยที่ผู้โหลดมาใช้งานไม่ทันได้รู้ตัว นับว่าเป็น firewall รุ่นใหม่ที่มีการปรับตัวได้ดี เพื่อการรับมือกับความเสี่ยงและอันตรายในรูปแบบใหม่ที่มีการยกระดับความร้ายกาจมากขึ้นทุกวันเช่นเดียวกัน

การตั้งค่า firewall ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง

ในขั้นตอนการปรับตั้งค่า firewall สำหรับระบบปฏิบัติการ windows 10 ขั้นแรกให้เข้าไปที่เมนู start เข้าไปที่ช่องค้นหา (Search) แล้วพิมพ์คำว่า firewall ลงไป จากนั้นโปรแกรม windows defender firewall จะขึ้นมาให้เราใช้งาน และที่แถบเมนูทางซ้ายจะมีคำว่า turn windows defender firewall on or off โดยในเมนูนี้เราสามารถที่จะเลือกว่าจะเปิดหรือปิด firewall โดยเราสามารถเลือกเปิดได้ทั้งแบบ private network setting และแบบ public network setting ซึ่งขอแนะนำว่าให้ทำการตั้งค่าแบบเปิดและเลือกเป็น public เอาไว้จะเหมาะสมกับการใช้งานและรูปแบบการเชื่อมต่อในปัจจุบันมากกว่า แต่หากว่าเป็นคอมพิวเตอร์ที่เน้นไปที่การใช้ง่านเฉพาะเครือข่ายภายในก็จะเหมาะกับการตั้งค่าแบบ private ที่เป็น firewall สำหรับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตแบบส่วนตัว

ซึ่งการตั้งค่า firewall โดยให้เป็นการตั้งค่าไว้ที่ on อยู่ตลอดเวลา จะช่วยให้คอมพิวเตอร์ของเราสามารถป้องกันทั้งไวรัสและโปรแกรมอันตรายต่าง ๆ ได้ ทำให้มีความปลอดภัยในการทำงานมากขึ้น และยิ่งเมื่อบวกเข้ากับการทำงานร่วมกันกับโปรแกรม anitivirus ก็จะยิ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของความปลอดภัยให้สูงขึ้นได้