วิธีการลบ driver printer ที่ถูกต้องสามารถทำได้อย่างไร ที่นี่มีคำตอบ

โปรแกรมหรือ driver บางตัว เมื่อเราไม่ได้ทำการใช้แล้ว ก็จะยังคงอยู่และยังคงใช้พื้นที่ทรัพยากรของเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราเช่นเดิม และหากว่าผู้ใช้ได้มีการลงโปรแกรม แอฟพลิเคชัน และ driver ของอุปกรณ์ใหม่เข้าไป อย่างเช่นของ printer ตัวใหม่ ก็จะทำให้เกิดการลง driver ทับซ้อน ซึ่งอาจส่งผลต่อการทำงานของเครื่องได้ สำหรับวิธีลบ driver printer นั้น ก็จะมีความแตกต่างที่ไม่เหมือนกับวิธีการลบโปรแกรมทั่วไป ซึ่งการทำอย่างถูกต้องจะสามารถช่วยลดปัญหาที่จะเกิดขึ้นไปได้มากเลยทีเดียว

ถ้าไม่เลือกใช้วิธีลบ driver printer จะเกิดอะไรขึ้นหากมี driver หลายอัน

เชื่อได้เลยว่าคงมีผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์หลายคนที่ยังไม่กล้าตัดสินใจว่าจะใช้วิธีลบ driver printer ดีหรือเปล่า เพราะกลัวว่าอาจจะไปเผลอลบ driver ตัวสำคัญที่จะส่งผลต่อการทำงานของระบบ ก็เลยมักจะปล่อย driver ตัวเก่าเอาไว้อย่างนั้น อันที่จริงแล้วก็อาจไม่ใช่เรื่องผิดมากแต่อย่างใดในช่วงแรก ๆ แต่หากว่าเราปล่อยผ่านนานไปเรื่อย ๆ เจ้า driver ที่ว่านี้ก็จะมีจำนวนมากขึ้น ซึ่งผลเสียของมันก็คือการทำให้คอมพิวเตอร์ของเราช้าลง โดยเฉพาะใน driver ที่มีการเรียกใช้งานใน task manager ตอนที่เปิดเครื่อง ซึ่งจะทำให้เครื่องช้าแบบสุด ๆ ไปเลย หรือหากเป็นในกรณีที่เราจำเป็นต้องใช้วิธีลบ driver printer ก็เพราะว่า หาก printer มี driver ที่ซ้ำกันมากกว่าหนึ่ง จะทำให้เกิดการสับสนในการสั่งงานหรือที่เรียกง่าย ๆ ว่า print ไม่ออก scan ไม่เข้า และ fax แล้วไม่ไป เป็นต้น

เริ่มต้นวิธีลบ driver printer อย่างถูกต้อง ทำได้อย่างไร

สำหรับผู้ใช้งานที่ใช้ระบบปฏิบัติการ windows 10 สามารถที่จะใช้วิธีลบ driver printer ได้ โดยเริ่มเข้าไปที่ Start Menu จากนั้นให้เลือก Device Manager หรือหากใครหาไม่เจอก็ให้เข้าไปที่เมนู setting ก่อน แล้วก็จะเจอกับหัวข้อ Device แล้วก็ให้เข้าไปที่ตัว driver ในอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่าง printer ที่เราต้องการลบ กดคลิก (Double) หรือคลิกขวาแล้วเลือก Properties จากนั้นคลิกเลือกแถบ Driver แล้วก็คลิกที่ปุ่ม Uninstall Device แล้วก็รอให้กระบวนการทุกอย่างเสร็จสิ้น เพียงเท่านี้ก็สามารถลบ driver ที่ไม่ต้องการออกไปได้อย่างหมดจดแล้ว

และเพื่อให้ทั้งวิธีลบ driver printer และการลง driver printer รวมไปถึง driver โปรแกรมอื่น ๆ สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบและไม่มีปัญหา ในทุกครั้งหลังจากที่ผู้ใช้ทำการลบ driver ออกจากเครื่องด้วยวิธีที่ถูกต้องไปแล้ว ก็ให้ทำการ restart เครื่องคอมพิวเตอร์ก่อนหนึ่งครั้ง จากนั้นก็ค่อยลง driver ตัวใหม่ แล้วก็ restart คอมพิวเตอร์อีกสักครั้งหนึ่ง ก็จะช่วยให้การทำงานของ driver เป็นไปอย่างถูกต้องได้มากยิ่งขึ้น และที่สำคัญอีกอย่างเลยก็คือ ให้จำเอาไว้ว่าเวลาไหนที่มีการเปลี่ยน Device ก็อย่าลืมกลับมาลบ driver ออกไปจากเครื่องด้วย