ป้องกันปัญหาที่ข้อมูลในคอมพิวเตอร์จะสูญหาย ต้องใช้อุปกรณ์สำรองข้อมูลบันทึกข้อมูลเก็บไว้อีกขั้นตอน
อะไรก็ล้วนแต่ไม่แน่นอน คำนี้สามารถใช้ได้กับทุกเรื่องไม่เว้นเรื่องไอที เวลาเราทำงานบนคอมพิวเตอร์โดยมักมั่นใจว่าบันทึกข้อมูลไว้เรียบร้อยแล้ว วันดีคืนดีเกิดเหตุไม่คาดคิดข้อมูลเหล่านั้นสูญหาย สิ่งที่ทำมาเป็นปี ๆไม่เหลืออะไรเลย เกิดผลกระทบมากมาย ไม่ว่าจะเป็นไฟล์งานที่จะส่งให้เจ้านาย ให้ลูกค้า ถ้าทำใหม่ได้ก็อาจจะแค่เสียเวลาทำขึ้นมาใหม่ แต่บางกรณีข้อมูลนั้นไม่สามารถทำใหม่ขึ้นมาได้ ก็ต้องไปหาวิธีแก้ไขปัญหาที่ค่อนข้างวุ่นวาย ซึ่งเชื่อว่าไม่มีใครอยากเจอเรื่องแบบนี้และแน่นอนอุปกรณ์สำรองข้อมูลจึงเป็นอีกตัวช่วยเพื่อบันทึกข้อมูลเก็บไว้ เมื่อเกิดเหตุจำเป็นก็ยังมีข้อมูลที่สำรองไว้อีกที
สำหรับคนทำงานแล้วข้อมูลเป็นเรื่องที่สำคัญมาก งานที่ถูกเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์อาจจะใช้กระบวนการทำงานมาหลายขั้นตอน มีมูลค่าของงานสูง หากเกิดสูญหายไป แปลว่าเราอาจจะเสียเวลาและค่าใช้จ่ายที่ลงทุนไปเปล่าประโยชน์ ถ้าไม่มีการเก็บข้อมูลลงในอุปกรณ์สำรองข้อมูล ซึ่งสาเหตุที่อาจจะทำให้เกิดข้อมูลสูญหายที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ มีดังนี้
อุปกรณ์สำรองข้อมูลที่คุ้นเคยกันดี สำหรับผู้ใช้งานทั่วไป จะเป็น flashdrive และ External Harddisk มีให้เลือกใช้หลายขนาด เราสามารถเลือกใช้งานให้เหมาะกับความต้องการได้
Flashdrive นั้นจะมีขนาดเล็กสามารถพกพาได้ง่าย ส่วนความจุนั้นจะสามารถบันทึกข้อมูลได้น้อยกว่า External Harddisk และด้วยขนาดที่เล็กก็มีข้อเสียแถมมาด้วย เพราะบางทีก็หล่นหายง่าย หรือบางครั้งก็เสียง่ายถ้าไม่ระมัดระวังในการใช้งาน อาจจะติดไวรัสได้ง่าย
ส่วน External Harddisk จะมีขนาดใหญ่กว่า ความจุมากกว่า ตอนนี้ความจุที่มีจะไปถึงระดับหลาย TB กันเลย เหมาะกับการใช้งานอยู่กับที่มากกว่า
และด้วยเทคโนโลยีการส่งข้อมูลในปัจจุบันนี้ ความเร็วในการส่งข้อมูลของอุปกรณ์สำรองข้อมูลทั้งสองแบบ ก็ทำงานได้เร็วมากขึ้น ทำให้สะดวกกับการใช้งานมาก
การใช้อุปกรณ์สำรองข้อมูลในรูปแบบฮาร์ดแวร์ จะค่อนข้างสะดวกสำหรับการใช้งานทั่วไป เพราะสามารถใช้งานได้ แบบออฟไลน์ แค่เสียบกับพอร์ต USB ก็ใช้งานได้แล้ว แต่หากเป็นไฟล์ที่ต้องการแชร์หรือต้องการความสะดวกการใช้งานมากขึ้น ก็จะมีระบบคลาวน์ที่ช่วยได้ในกรณีนี้ ทั้งนี้เราแนะนำให้คุณสำรองข้อมูลไว้กับทั้ง 2 ระบบ เพื่อความปลอดภัยและความสะดวกสบายนั่นเอง