AI 5G และ IoT จะกลายเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญที่สุดในปี 2021
Please wait...
1726202978.png
1731393918.jpg
1732076627.jpg
1730459076.jpg
1730782055.jpg
1730966771.jpg
1731999875.jpg
SOLUTIONS CORNER
AI 5G และ IoT จะกลายเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญที่สุดในปี 2021

AI 5G และ IoT จะกลายเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญที่สุดในปี 2021



แบบสำรวจใหม่ของ IEEE เผยผลสำรวจเทรนด์และความท้าทายของเหล่าผู้นำด้าน IT ขณะปี 2021 ใกล้เข้ามา


รายงานฉบับใหม่ดังกล่าวคาดว่า AI, Machine Learning, 5G และ IoT จะกลายเป็นเทคโนโลยีที่ส่งผลมากที่สุดในปี 2021
เกือบหนึ่งในสาม (32 %) ของหัวหน้าแผนกจัดการข้อมูล (CIO) และหัวหน้าแผนกเทคโนโลยี (CTO) กล่าวว่า เทคโนโลยีจะมีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อบทบาทหน้าที่ของพวกเขาภายในปีหน้าที่ภาคธุรกิจต่าง ๆ จะพยายามฟื้นตัวจากภาวะชะงักงันทางเศรษฐกิจ และพยายามกลับมาทำงานตามปกติ

แบบสำรวจจากสถาบันวิศวกรรมไฟฟ้าและวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์นานาชาติ (IEEE) เผยว่า ผู้นำด้าน IT หลายคนเองมองว่าเทคโนโลยีล้ำ ๆ จะถูกใช้มากที่สุดในวงการอุตสาหกรรมผลิต (19%) สุขภาพ (18%) บริการด้านการเงิน (15%) และการศึกษา (13%) 

แบบสำรวจทำการเก็บข้อมูลจาก CIO และ CTO ในสหรัฐอเมริกา จีน สหราชอาณาจักร อินเดีย และบราซิลมากกว่า 350 คน ตลอดระยะเวลาเดือนกันยายนจนถึงตุลาคม 2020 ซึ่งในส่วนของภาวะชะงักงันทางธุรกิจนั้น มากกว่าครึ่ง (52%) เห็นว่าความท้าทายประการใหญ่ที่สุดในปี 2021 ก็คือการฟื้นตัวจากโรคระบาดโคโรนาไวรัสนั่นเอง 22 % เห็นว่าความท้าทายคือการปรับใช้โครงสร้างการทำงานออฟฟิศแบบใหม่ที่เป็นลูกผสมระหว่างเข้าออฟฟิศกับทำงานจากที่บ้านอย่างถาวร อีก 17% มองว่าความท้าทายคือในปีนี้เป็นการกลับไปทำงานที่ออฟฟิศ  และ 13% เห็นว่าความท้าทายคือการที่ต้องอยู่กับการทำงานระยะไกลอย่างไร้ที่สิ้นสุด

นอกจากนี้ ผู้ทำแบบสำรวจ 11% ยังบอกว่าความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในปี 2021 ก็คือความเป็นไปได้ที่จะต้องทำโปรเจ็ค IT อย่างไม่ต่อเนื่องเพราะสภาพที่ไร้ความแน่นอนของธุรกิจยุคหลังโควิด 

ในขณะที่องค์กรและผู้เชี่ยวชาญต่างก็เลือกพึ่งพิงเทคโนโลยีการทำงานระยะไกล อัตราอาชญากรรมไซเบอร์ก็พุ่งสูงขึ้นในช่วงโรคระบาดเช่นกัน ซึ่งก็เป็นที่เข้าใจได้ว่าเหตุใด CIO และ CTO จึงกังวลเรื่องความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ดังนั้น ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสองประการก็คือการที่มีพนักงานใช้อุปกรณ์ของตนเองในการทำงาน (37%)  และการคุ้มกัน IoT (35%) นั่นเอง
 
อย่างไรก็ตาม มีผู้ตอบแบบสำรวจเพียง 34% เท่านั้นที่บอกว่าตนสามารถติดตามและจัดการอุปกรณ์ในสำนักงานที่เชื่อมต่อกันได้ราว ๆ 26-50%  ในขณะที่มีเพียง 20% ที่บอกว่าตนสามารถดูแลจัดการอุปกรณ์ IoT ได้ราว ๆ 51-75%

ในแบบสำรวจดังกล่าว CIO และ CTO ยังเผยให้เห็นงานที่สำคัญที่สุดของพวกเขาในช่วงการระบาดของไวรัสนับตั้งแต่ต้นปี 2020 เราจะเห็นได้ว่า 55 % ของเหล่าผู้นำด้าน IT รีบปรับมาใช้เทคโนโลยีคลาวด์และ 5G (52%) ในอัตราที่พอ ๆ กับ AI และ Machine Learning  (51%) เพื่อโต้ตอบกับการระบาด

เทคโนโลยีอื่น ๆ ก็ได้รับการยอมรับเพิ่มขึ้นในช่วงระบาดของโรค โดยเฉพาะ IoT (42%) เทคโนโลยีเสมือนจริงอย่าง VR และ AR (35%), และบริการประชุมออนไลน์ (35%)

แม้โรคระบาดจะสร้างความท้าทายมากมายให้กับทีม IT แต่ CIO และ CTO มากกว่าครึ่งยังเชื่อว่ามันช่วยให้พวกเขาเตรียมรับมือกับภาวะชะงักงันในอีกหลายๆแบบที่จะตามมา อันที่จริง 92 % มองว่าองค์กรของพวกเขาพร้อมรับมือกับปัญหาอย่างเรื่องข้อมูลรั่วไหลหรือภัยธรรมชาติมากกว่าเสียด้วยซ้ำ

เจค มัวร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยของ ESET บอกกับ IT Pro ว่า “ตอนนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องแรงงานของเราทำงานอยู่ที่บ้านเยอะกว่าเดิม แต่มันหมายความว่า เรามีแรงงานผู้ทำงานจากบ้านซึ่งมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการป้องกันไซเบอร์ที่จำกัด อุปกรณ์ IoT ส่วนใหญ่ถูกออกแบบให้มีฟีเจอร์รักษาความปลอดภัยที่น้อยมากไปจนถึงขั้นไม่มีเลย และคนจำนวนมากใช้อุปกรณ์ของตัวเองโดยไม่รู้เลยว่าต้องเพิ่มการรักษาความปลอดภัยยังไง”

“ยิ่งกว่านั้น เรายังมีแนวโน้มจะได้เห็นผู้ไม่ประสงค์ดีฉวยโอกาสกับการปรับใช้เทคโนโลยี 5G ดังนั้นภาคธุรกิจต้องเตรียมพร้อมรับมือเหตุการณ์นี้ด้วย ความเป็นไปได้ในทุกทางถูกขยับขยายให้กว้างใหญ่กว่าที่เราเคยชิน ดังเช่นอย่างที่เราต้องระวังการโจมตีทางไกลอย่าง DdoS ด้วย”

“แต่ไม่ว่าการโจมตีรูปแบบใหม่จะมาทางไหน การฝึกฝนและการระมัดระวังตัวของพนักงานก็เป็นกุญแจสำคัญในการรักษาความปลอดภัยของธุรกิจ” เขากล่าว
 
ที่มา: 
https://bit.ly/3trnMrt
ควิกเซิร์ฟ
สินค้า
งานระบบ
บริการ
กิจกรรม
ออนไลน์