1726202978.png
1731393918.jpg
1732076627.jpg
1730459076.jpg
1730782055.jpg
1730966771.jpg
1731999875.jpg
Coronavirus ทำให้โซเชียลมีเดียต้องพึ่งพาปัญญาประดิษฐ์
Coronavirus ทำให้โซเชียลมีเดียต้องพึ่งพาการควบคุมจากปัญญาประดิษฐ์
การระบาดของไวรัสนี้ทำให้ซอฟต์แวร์ของโซเชียลมีเดียมีการลบเนื้อหาอัตโนมัติเพื่อทำการทดสอบกับข้อผิดพลาดบางประการ
Facebook, Twitter และ YouTube เตือนว่าวิดีโอและเนื้อหาอื่น ๆ อาจถูกจัดให้อยู่ผิดประเภทที่ไม่ถูกต้องว่าเป็นการการละเมิดนโยบาย เนื่องจากการพึ่งพาของบริษัทต่าง ๆ กับการตัดสินของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในช่วงการระบาดของโคโรนาไวรัส
ปัญญาประดิษฐ์ถูกปล่อยให้ทำงานด้านการตรวจสอบเนื้อหาโดยไม่มีใครดูแล เนื่องจากบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีให้พนักงานทำงานจากที่บ้านเพื่อปกป้องตนเองจากไวรัส และลดการแพร่กระจายของโรคระบาด แต่สถานการณ์แบบนี้ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ส่งผลให้ซอฟต์แวร์ทำการลบเนื้อหาอัตโนมัติบนโซเชียลมีเดียเพราะข้อผิดพลาดบางประการ
Google ประกาศบนบล็อกของพวกเขาว่า “พวกเราให้ความสำคัญในการลงทุนในระบบอัตโนมัติสำหรับการตรวจสอบเนื้อหา แต่การวิเคราะห์เนื้อหาของระบบไม่ได้ถูกต้องเสมอไปและไม่แม่นยำเหมือนการวิเคราะห์โดยมนุษย์เสมอไป เนื่องจากระบบเหล่านี้มีการกำหนดค่าไว้เจาะจงเพื่อระบุเนื้อหาที่อาจละเมิดนโยบายของเรา ดังนั้นบน YouTube ช่วงนี้อาจมีการลบเนื้อหาเพิ่มขึ้น ซึ่งรวมถึงเนื้อหาที่ไม่ได้ละเมิดนโยบายของเรา”
Twitter ประกาศด้วยเช่นกันว่าจะเพิ่มการใช้การเรียนรู้ของเครื่อง และระบบอัตโนมัติ ทั้งในบล็อกโพสต์ กฎหมาย นโยบายความน่าเชื่อถือและความปลอดภัย ประธาน Vijaya Gadde และรองประธานฝ่ายขาย Matt Derella ออกปากว่า “ในขณะที่เราทำงานเพื่อให้ระบบของเราสอดคล้องกัน แต่บางครั้งก็ระบบสามารถขาดบริบทอื่น ๆ จากคนทำงานของเรา ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดข้อผิดพลาดได้” บริษัทยังให้ความมั่นใจแก่ผู้ใช้ว่าจะไม่ถูกระงับบัญชี Twitter อย่างถาวรตามการตัดสินของระบบบังคับใช้โดยอัตโนมัติ
Facebook ได้ประกาศว่าจะให้พนักงานจ้างชั่วคราวตรวจสอบเนื้อหาโดยทำงานจากที่บ้าน แต่ก็เตือนว่าพนักงานอาจจะไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่บางอย่างจากระยะไกลได้ “เนื่องจากความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว และเหตุผลทางกฎหมาย” อย่างไรก็ตาม เฟซบุ๊กมั่นใจว่าปัญญาประดิษฐ์จะช่วยแก้ปัญหาการตรวจสอบเนื้อหาที่เพิ่มมากขึ้น
คัง ซิงจิน หัวหน้าฝ่ายสุขภาพของ Facebook กล่าวว่า “เราเชื่อว่าการลงทุนที่เราทำในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ได้เตรียมเราให้พร้อมสำหรับสถานการณ์แบบนี้” “ ด้วยจำนวนคนสำหรับการตรวจสอบที่มีน้อย เราจะยังคงจัดลำดับความสำคัญของความเสียหายที่ใกล้เข้ามาก่อน และเพิ่มความเชื่อถือของเราในการตรวจจับเชิงรุกในพื้นที่อื่น ๆ เพื่อลบเนื้อหาที่ละเมิดนโยบาย และเราคิดว่าสิ่งนี้จะไม่ส่งผลกระทบด้านใดด้านหนึ่งต่อผู้ใช้เฟซบุ๊ก”
แม้จะมีการยืนยันว่าสถานการณ์นี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อประสบการณ์ของผู้ใช้ Facebook อย่างรุนแรง แต่จิน ก็เตือนว่า “อาจจะมีข้อจำกัดบางประการสำหรับวิธีการนี้ และเราอาจเห็นเวลาตอบสนองที่นานขึ้นและทำให้เกิดข้อผิดพลาดมากขึ้น”