DiskPart คืออะไร
Please wait...
1726202978.png
1731393918.jpg
1732076627.jpg
1730459076.jpg
1730782055.jpg
1730966771.jpg
1731999875.jpg
SOLUTIONS CORNER
DiskPart คืออะไร

DiskPart คืออะไร?

 

วิธีเก็บรักษาข้อมูลของคุณให้ปลอดภัยจากซอฟต์แวร์ที่ไม่เสถียร (Unstable Software)
 
เมื่อพูดถึงการบำรุงรักษา (Maintenance) คอมพิวเตอร์และการบริหารจัดการแพทช์ (Patch Management) ไม่ว่าคุณจะพยายามแค่ไหน แต่สิ่งต่างๆ ก็สามารถที่จะเกิดข้อผิดพลาดได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันบังเอิญเกิดขึ้นกับฮาร์ดไดร์ฟของคุณ
 
โชคดีที่ยังมีวิธีจัดการกับข้อผิดพลาด (Errors) ต่างๆ หรือแม้แต่ความล้มเหลว (Failures) ไว้ล่วงหน้า ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถควบคุมความเสียหายได้อย่างมหาศาล ก่อนที่คุณจะรับรู้ถึงปัญหาด้วยซ้ำไป หนึ่งในวิธีการดังกล่าวนั่นก็คือ การแบ่งพาร์ติชัน (Partition) บนฮาร์ดดิสก์ของคุณ เพื่อแยกระบบปฏิบัติการ (Operating System) และแอปพลิเคชั่น (Applications) ออกจากข้อมูลของคุณ ซึ่งก็หมายความว่า ในกรณีที่ซอฟต์แวร์ของคุณเผชิญกับข้อผิดพลาดร้ายแรง (Critical Error) ไฟล์ของคุณก็จะยังคงสามารถกู้คืนกลับมาได้
 
น่าเสียดายที่วิธีการนี้ก็ยังไม่ได้จัดว่าเป็นวิธีการป้องกันความผิดพลาดที่สมบูรณ์แบบสำหรับการป้องกันข้อมูลสูญหาย (Data Loss) แต่ก็ยังถือว่าเป็นวิธีปฏิบัติที่ดีที่สุดในการป้องกันข้อมูลสำคัญทางธุรกิจของคุณให้ห่างจากซอฟต์แวร์ที่มีช่องโหว่ (Vulnerable Software) นอกเหนือไปจากการเก็บสำรองข้อมูลปกติทั่วไป
 
เมื่อพูดถึงการสำรองข้อมูล (Backup) เราพบว่าการแบ่งพาร์ติชั่น (Partitioning) ทำให้กระบวนการนี้ง่ายต่อการจัดการ ยกตัวอย่าง เช่น หากคุณต้องการติดตั้ง Windows ใหม่ และไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม พาร์ติชันข้อมูล (Data Partition) ของคุณจะยังคงไม่มีใครแตะต้อง และสามารถที่จะเข้าถึงได้ตามปกติเมื่อเสร็จสิ้นการติดตั้ง
 
คุณยังมีตัวเลือกอื่นๆ อีกมากมาย เมื่อพูดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับการแบ่งพาร์ติชัน (Partitioning)บนดิสก์ของคุณ เพราะ Windows นั้นมาพร้อมกับยูทิลิตี้การจัดการดิสก์ในตัว (Built-in)ซึ่งคุณสามารถที่จะใช้มันเพื่อแบ่งพาร์ติชันดิสก์ได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามยังมีเครื่องมือ (Tool) อย่าง "คำสั่ง DiskPart"ที่มีตัวเลือกการจัดการเพิ่มเติมสำหรับการสร้างพาร์ติชันที่มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น
 

DiskPart คืออะไร

DiskPart เป็นยูทิลิตี้บรรทัดคำสั่ง (Command Line) สำหรับการจัดการแบ่งพาร์ติชันฮาร์ดดิสก์ (Disk Partition) ที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้กับ Windows และ Windows Server ทุกรุ่น ตราบใดที่ซอฟต์แวร์ของคุณไม่เก่าเกินกว่า Windows XP และ Windows Server 2003
 
นอกจากนี้ DiskPart ยังถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้คุณสามารถควบคุมการบริหารจัดการดิสก์ได้ละเอียดมากยิ่งขึ้น รวมถึงการทำความสะอาด (Cleaning) และการจัดรูปแบบ (Format) ของ USB Flash Driveตลอดจนการสร้างพาร์ติชัน (Partitions) และการกำหนดตัวอักษรเพื่อระบุไดร์ฟ
 
DiskPart  เป็นเครื่องมือที่แตกต่างจากเครื่องมือการจัดการดิสก์ (Disk Management Tool) ของ Microsoft เพราะมันสามารถเรียกใช้ได้โดยที่คุณไม่ต้องเปิด Windowsนอกจากนี้ยังมีการควบคุมโวลุ่ม (Volumes) และพาร์ติชันของฮาร์ดดิสก์อย่างชัดเจน ตลอดจนพาร์ติชันการกู้คืนที่ซ่อนอยู่ ด้วยเหตุนี้มันจึงเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ และมันก็เป็นสิ่งที่จะต้องใช้ความระมัดระวังสำหรับการนำมาใช้งาน เนื่องจากการฟอร์แมตต่างๆ ที่ทำบนฮาร์ดไดร์ฟนั้นไม่สามารถยกเลิกได้ เมื่อสั่งดำเนินการไปแล้ว
 
ความสามารถของ DiskPartนั้นยังหมายรวมถึง มันเป็นเครื่องมือที่สามารถนำมาใช้เพื่อการแก้ไขปัญหาต่างๆ เช่น การเกิดข้อผิดพลาดในส่วนของข้อมูล (Data Corruption) บน USB แฟลชไดร์ฟ และ SD Cards ซึ่งการฟอร์แมตอย่างง่ายในWindows ก็ไม่สามารถแก้ไขได้
 

วิธีการใช้ DiskPart

ก่อนที่คุณจะเริ่มลงมือทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดก็ตามที่มีผลต่อส่วนสำคัญของคอมพิวเตอร์ของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเกี่ยวข้องกับฮาร์ดไดร์ฟของคุณ จำเป็นอย่างยิ่งที่คุณจะต้องทำการสำรองข้อมูลของคุณก่อนที่คุณจะพยายามใช้ DiskPart  และทันทีที่คุณมีการสำรองข้อมูลที่อยู่ในฮาร์ดไดร์ฟของคุณเรียบร้อยแล้ว คุณสามารถที่จะเริ่มกระบวนการได้ทันที
 
คุณจำเป็นที่จะต้องใช้สิทธิ์การเข้าถึงในระดับผู้ดูแลระบบ (Admin) เพื่อที่จะสามารถสร้างพาร์ติชันบนฮาร์ดไดร์ฟ ดั้งนั้น หากคุณไม่สามารถทำได้ คุณอาจจำเป็นที่จะต้องขอความช่วยเหลือจากแผนกไอทีของคุณ เพื่อทำตามคำแนะนำเหล่านี้ ขั้นตอนแรกก็คือ เปิดหน้าต่างพรอมต์รับคำสั่ง (Command Prompt) ขึ้นมา โดยกดปุ่ม Windows + X หรือพิมพ์คำว่า "Command Prompt" ลงในช่องค้นหา เมื่อพรอมต์รับคำสั่งถูกเปิดขึ้นมาให้ป้อนคำว่า "diskpart" แล้วกด Enter รอให้เครื่องมือ DiskPart เปิดขึ้นในหน้าต่างใหม่ แล้วจึงระบุว่าไดร์ฟเก็บข้อมูลใดที่คุณต้องการแบ่งพาร์ติชัน หากต้องการดูรายการของไดร์ฟจัดเก็บข้อมูลภายในเครื่องของคุณให้พิมพ์คำว่า "list disk" และกดEnter
 
สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์โดยส่วนใหญ่ คุณจะพบว่ามันมีอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล (Storage) เพียงอันเดียว ดังนั้น ให้เลือกฮาร์ดไดร์ฟที่โชว์ขึ้นมา ถ้าหากคุณยังไม่แน่ใจว่านั่นเป็นไดร์ฟที่คุณต้องการใช้แล้วล่ะก็ คุณอาจจะต้องตรวจดูให้แน่ใจเสียก่อน ก่อนที่คุณจะแบ่งพาร์ติชันไดร์ฟที่ไม่ถูกต้อง เมื่อคุณพบดิสก์แล้วให้เลือก'select disk' แล้วตามด้วยหมายเลขที่เกี่ยวข้องเพื่อเลือกดิสก์ที่ต้องการ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าดิสก์ที่ต้องการเป็นลำดับที่สองในรายการ ให้พิมพ์คำสั่ง "select disk 2" เพื่อไฮไลต์ให้เด่นชัดและเริ่มกระบวนการพาร์ติชัน
 
ขอย้ำอีกครั้งว่า คุณจะต้องใช้คำสั่ง (Commands)เพื่อดำเนินการต่างๆ สำหรับคำสั่ง "Extend"นั้น จะเป็นการขยายพาร์ติชันของดิสก์ไปยังไดร์ฟข้อมูลที่ไม่ได้ใช้งานบนฮาร์ดดิสก์ ในขณะที่คำสั่ง "Shrink" จะทำในแบบตรงกันข้าม ซึ่งก็คือจะเป็นวิธีการลดขนาดโวลุ่ม (หรือพาร์ติชัน) บนฮาร์ดดิสก์ นั่นเอง นอกจากนี้ คุณยังสามารถใช้คำสั่ง "Clear"เพื่อลบข้อมูลทั้งหมดจากดิสก์ หรือคำสั่ง "Create" เพื่อสร้างพาร์ติชันใหม่ เป็นต้น
 
ขณะที่คุณตัดสินใจสร้างพาร์ติชันใหม่ลงในไดร์ฟ คุณจะต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้ทำให้มันใช้งาน (Active) ได้แล้ว รวมทั้งจะต้องกำหนดตัวอักษรให้กับพาร์ติชันที่สร้างขึ้นใหม่โดยใช้คำสั่งที่ระบุไว้ เพื่อที่จะให้การดำเนินการสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี คุณสามารถเปิดดูขั้นตอนต่างๆ ได้จากคู่มือออนไลน์ หรือสามารถพิมพ์ตัวอักษรใดก็ได้หลังจากบรรทัด 'DISKPART>'และกด Enterเพื่อที่จะจัดหา ด้วยการเลือกคำสั่งที่สามารถใช้งานร่วมกันได้ (Compatible Commands)
 
มันคุ้มค่ากว่าที่จะใช้เวลาเพื่อทำความคุ้นเคยกับพรอมต์คำสั่ง (Command Prompts) ก่อนที่เอาตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับ DiskPart และยูทิลิตี้ (Utility)ที่สงวนไว้อย่างดีที่สุดสำหรับผู้ดูแลระบบไอทีและผู้ที่คุ้นเคยกับการฟอร์แมต (Formatting) ฮาร์ดไดร์ฟในเชิงลึก และสำหรับผู้ที่ต้องการเจาะลึกเข้าไปในส่วนของอินเตอร์เฟสบรรทัดคำสั่ง (Command-line Interface) ของ DiskPartคุณต้องไม่พลาดที่จะพิสูจน์ให้ได้ว่ามันเป็นเครื่องมือสำหรับการบริหารจัดการฮาร์ดไดร์ฟที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกใน Windows XP และยังคงถูกรวมอยู่ใน Windowsรุ่นล่าสุดด้วยเช่นกัน

ควิกเซิร์ฟ
สินค้า
งานระบบ
บริการ
กิจกรรม
ออนไลน์