1726202978.png
1731393918.jpg
1732076627.jpg
1730459076.jpg
1730782055.jpg
1730966771.jpg
1731999875.jpg
การวิจัยของการจำภาพของ Facebook AI
การวิจัยของการจำภาพของFacebook’s AI มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวไม่ใช่ลดลง
ระบบจะทำการบิดเบือนภาพในวีดีโออย่างละเอียดเพื่อขัดขวางระบบของการจดจำภาพ
Facebook ได้สร้างระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่สามารถระบุตัวบุคคลได้ แทนที่จะวิเคราะห์ภาพเพื่อการจดจำใบหน้าเป็นเหมือนบรรทัดฐานด้วยเทคโนโลยีดังกล่าว
Facebook เคยใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าเพื่อสนับสนุนการติด tag ของภาพถ่ายโดยอัตโนมัติบนแพลตฟอร์มของมัน แต่ทว่ามันได้หยุดทำเช่นนั้นโดยเปลี่ยนให้กลับไปเป็นค่าเริ่มต้นเพื่อให้ความเป็นส่วนตัวต่อผู้ใช้งาน
แต่ตอนนี้มันได้ก้าวไปอีกขั้นโดยใช้เทคโนโลยีAI ตัวเดียวกันเพื่อต่อต้านระบบจดจำใบหน้า
มันทำได้โดยการรวมTrained face classifier และ adversarial auto-encoder เข้าด้วยกัน ระบบระบุใบหน้า(The system map)ของบุคคลจะสร้างภาพที่แท้จริงโดยอิงจากลักษณะที่ปรากฎและหน้ากากที่ใช้ในการขัดขวางและบิดเบือนในการระบุพารามิเตอร์ของใบหน้าบุคคล
ภาพเหล่านี้ยังสามารถใช้ในวิดีโอของบุคคลได้ ซึ่งมีผลมาจากการแสดงภาพของบุคคลที่สามารถระบุได้อย่างง่ายดายกับคนที่รู้จักพวกเขา แต่ก็ยังมีบางอย่างที่บิดเบือนและการเปลี่ยนแปลงที่แทบจะมองไม่เห็น ดังนั้นระบบจดจำใบหน้าที่นำไปใช้กับวิดีโออาจจะมีปัญหาในการระบุตัวบุคคลที่เป็นบุคคล
“วิธีการของเราเรียกว่า การไม่เปิดเผยตัวตนแบบอัจฉริยะ (Smart Anonymizatio) มันจะทำงานโดยการลบภาพใบหน้าจากวิดีโอและภาพนิ่ง แล้วแทนที่ด้วยภาพที่สร้างจากคอมพิวเตอร์และใบหน้าที่เหมือนจริงของคนที่ไม่มีตัวตน” นักวิจัยของ Facebook อธิบายว่า “ใบหน้าที่ไม่ระบุชื่อจะเก็บรักษาคุณลักษณะที่ไม่สามารถระบุตัวตนของใบหน้าดั้งเดิมได้ เช่น อายุ เพศ การแสดงออก ทิศทางการมอง การเคลื่อนไหว ฯลฯ แต่ลบข้อมูลที่ระบุตัวตนอื่นๆทั้งหมดออก”
เนื่องจากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) นี้เป็นผลงานของแผนกวิจัยของ Facebook จึงไม่น่าที่จะใช้เพื่อการค้าหรือรวมเข้ากับแพลตฟอร์มเครือข่ายสังคมออนไลน์หลักของFacebook ในสักระยะหนึ่ง
แต่มันแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีที่ใช้ในการระบุตัวบุคคลโดยพื้นฐานแล้วสามารถย้อนกลับได้และใช้เพื่อทำให้เกิดความสับสนต่อตัวตนของพวกเขาจากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เทคโนโลยีดังกล่าวสามารถช่วยลดการใช้ของปลอมโดยระบบปัญญาประดิษฐ์(AI)สามารถซ่อนภาพของคนๆ หนึ่งให้เป็นภาพซ้อนทับอีกคนหนึ่ง ซึ่งอาจทำให้พวกเขารู้สึกประทับใจในการทำสิ่งที่พวกเขาไม่ได้ทำ เช่น การวางนักแสดงฮอลลีวูดลงในวิดีโอลามกอนาจาร เป็นต้น
ด้วยเหตุนี้บางคนจึงมองว่าเทคโนโลยีนี้เป็นการบุกรุกความเป็นส่วนตัวและอาจทำให้ความเป็นส่วนตัวนั้นเปลี่ยนไป
สงวนลิขสิทธิ์ Copyright © 2024 บริษัท ควิกเซิร์ฟ โปรไวเดอร์ จำกัด
124/124 หมู่ที่ 2 ถนนนครอินทร์ ตำบลบางสีทอง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี 11130
โทรศัพท์ 0-2496-1234 โทรสาร 0-2496-1001