ทุกเรื่องที่คุณจำเป็นจะต้องรู้เกี่ยวกับ HPE

สาเหตุที่มาจากความแบ่งแยกของ HP, โดยที่ HPE มุ่งเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์และบริการขององค์กร

Hewlett-Packard Enterprise หรือ HPE ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2558 ในขณะที่ HP แยกการดำเนินงานออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งคือ HP Inc ซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับพรินเตอร์และขาย PC ต่อไป ในขณะที่ HPE จะโฟกัสไปที่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ทางด้านไอทีและบริการฝั่งองค์กรเพียงอย่างเดียว เช่นอุปกรณ์เครือข่าย เซิร์ฟเวอร์และซอฟต์แวร์

นับตั้งแต่วันที่ HPE ได้ถูกก่อตั้งขึ้น มันก็ไม่ได้ทำให้การเติบโตที่กำลังเป็นไปอย่างต่อเนื่องถูกยับยั้งแต่อย่างใด ยังคงมีการเดินหน้าซื้อธุรกิจใหม่ ๆ รวมถึงการเปิดตัวผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ เพื่อให้ทันกับคู่แข่งขัน นอกจากนี้ยังมีการขายองค์ประกอบของธุรกิจ และยังมีการ Spin-off ในส่วนของดิวิชั่นต่างๆ เพื่อที่จะช่วยให้บริษัทสามารถพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็ว โดยคำนึงถึงนวัตกรรมและการปรับตัวเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า

ข้อเท็จจริงบางประการ

ก่อตั้งขึ้นเมื่อ: วันที่ 1 พฤศจิกายน 2015
CEO: Antonio Neri
ประธานบริษัท: Patricia Russo
สำนักงานใหญ่: Palo Alto, California
รายได้ประจำปี: 28.87 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ในปี ค.ศ. 2017)

ในช่วงที่มีการประกาศว่า HP กำลังจะ ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน คือในปี 2014 และเกิดขึ้นอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปี 2015 ขณะเดียวกัน HPE ให้ความสำคัญไปที่ผลิตภัณฑ์ที่เน้นด้านธุรกิจไอทีเกี่ยวกับองค์กรมากขึ้น รวมถึงเซิร์ฟเวอร์ และแน่นอนว่าจะต้องรวมถึงบริการที่ทำงานควบคู่กับผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ขณะที่ HP Inc ยังคงที่จะขายเครื่องพิมพ์และแลปท็อปต่อไป

แม้ว่าที่ผ่านมาจะประสบกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่ HPE ก็ยังคงเป็นหนึ่งในผู้นำทางด้านไอที โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดผู้ให้บริการ Cloud ซึ่ง HPE ก็จัดว่าอยู่ในฐานะของคู่แข่งขันที่สำคัญของ Dell ในด้านส่วนแบ่งทางการตลาด ซึ่งเป็นส่วนที่ใหญ่ที่สุดของผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานระบบ Cloud

HPE ขายอะไรบ้าง?

ผลิตภัณฑ์ของ HPE ประกอบไปด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์และบริการประเภทต่างๆ ซึ่งประกอบไปด้วย เซิร์ฟเวอร์, ผลิตภัณฑ์สำหรับการจัดเก็บข้อมูล, การให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที (Infrastructure) แบบ Hybrid, การให้บริการเกี่ยวกับ Edge Computing , ซอฟต์แวร์และอุปกรณ์เครือข่าย เป็นต้น
Storage ที่ว่านี้ครอบคลุมทุกอย่าง ตั้งแต่ Software-Defined ไปจนถึง All-Flash ตลอดจน Spinning Disk และ Tape ในส่วนของเซิร์ฟเวอร์นั้นประกอบไปด้วย Tower, Rack และ Blade Server นอกจากนี้ยังรวมถึง Integrated Systems ในขณะที่ระบบเครือข่าย (Networking) จะประกอบไปด้วยอุปกรณ์ในการเชื่อมโยงข้อมูลในระบบเครือข่าย (Switch), Router และ Access Point

เมื่อไม่นานมานี้ HPE ได้ทำการเปิดตัวสิ่งที่ได้รับการยืนยันว่าเป็นโครงสร้างพื้นฐานของเซิร์ฟเวอร์ที่มีความปลอดภัยสูงสุดในเชิงพาณิชย์ ซึ่ง Gen10 ProLiant ประกอบไปด้วยสิ่งที่เรียกว่า "Digital Fingerprint" ที่ถูกฝังอยู่ในซิลิคอนและเฟิร์มแวร์ของมัน หากทั้งสองไม่ตรงกัน แสดงว่ามีบุคคลอื่นเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเซิร์ฟเวอร์ มีผลให้ระบบไม่บูท โดยจะอนุญาตให้บูทเฉพาะเฟิร์มแวร์ที่มี Fingerprint ตรงกันเท่านั้น

นอกจากนี้ยังมีการลงทุนด้วยเงินจำนวนมากสำหรับงานด้านการวิจัยโดยนวัตกรรมใหม่ล่าสุดนี้ เรียกได้ว่าเป็นต้นแบบของ Single-Memory Computer ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งประกอบด้วยหน่วยความจำ 160 เทราไบต์ (TB) โดยมีความสามารถในการประมวลผลได้เทียบเท่ากับหนังสือ 160 ล้านเล่ม ห้าครั้ง ในเวลาเดียวกัน

"ความลับสู่การค้นพบทางวิทยาศาสตร์อันยิ่งใหญ่ต่อจากนี้ เป็นผลจาก นวัตกรรมการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรม หรือเทคโนโลยีที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงชีวิต ซึ่งแฝงตัวอยู่ภายใต้เบื้องหลังข้อมูลที่เราสร้างขึ้นทุกวัน" Meg Whitman ซีอีโอของ Hewlett Packard Enterprise ได้กล่าวไว้ และ "เพื่อตระหนักถึงคำมั่นสัญญานี้ เราไม่สามารถพึ่งพาเทคโนโลยีจากอดีตที่ผ่านมา ดังนั้นเราจำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์ที่สร้างขึ้นสำหรับยุคของข้อมูลที่มีขนาดใหญ่"

ต้นแบบนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการงานวิจัย The Machine ของ HPE ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อสร้างกระบวนทัศน์ใหม่ (New Paradigm) ในการประมวลผล ที่เน้นหน่วยความจำในการประมวลผลเป็นหลัก (Memory-Driven Computing) ซึ่งคาดว่าจะเข้ามาเพื่อรับช่วงต่อจากการประมวลผลแบบ Based Computing

ในอนาคตข้างหน้า, HPE คิดว่ามันมีความเป็นไปได้ที่จะสามารถเพิ่มพลังให้กับต้นแบบ (Prototype) ได้จนถึงระดับระบบหน่วยความจำแบบ Single-memory ในระดับเอกซะไบต์ (Exabyte-scale) และจากจุดนั้นสามารถทำได้สูงสุดถึง 4,096
ยอตตะไบต์ (Yottabyte) โดยคาดว่า สิ่งนี้น่าจะมีความสามารถในการประมวลผลจากทุกๆ บันทึกใน Digital Health ของทุกคนบนโลกใบนี้ ในเวลาเดียวกัน

"เราเชื่อว่า Memory-Driven Computing เป็นทางออกที่ช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเทคโนโลยีให้ก้าวไปข้างหน้า ในลักษณะที่สามารถทำให้เกิดความก้าวหน้าในทุกๆ ด้านของสังคม" Mark Potter, CTO ของ HPE และผู้อำนวยการของ Hewlett Packard Labs ได้กล่าวไว้ ซึ่งสถาปัตยกรรมที่เราได้เปิดตัวไปแล้วนั้น สามารถนำไปใช้ได้กับทุกหมวดหมู่ของคอมพิวเตอร์ ตั้งแต่ Intelligent Edge ไปจนถึงระดับ supercomputer

ในด้านของซอฟต์แวร์, HPE ได้นำเสนอระบบการรักษาความปลอดภัย, การสำรองข้อมูล (ฺBackup) และการบริหารจัดการดูแล (Governance), การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่, การจัดการระบบการทำงานแบบ Hybrid Cloud, การบริหารจัดการด้าน IT ( IT operations) รวมถึงการให้บริการในส่วนของการบริหารจัดการแอพพลิเคชั่น ในงาน Discover Conference ประจำปี 2017 บริษัทได้ทำการเปิดตัวซอฟต์แวร์ Orchestration ที่เป็นผลงานชิ้นใหม่ๆ ในรูปแบบ Project New Stack ซึ่งรูปแบบของมันจัดว่าเป็นส่วนหนึ่งในยุทธศาสตร์ของระบบ Composable Infrastructure

Ric Lewis, ประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไปของกลุ่มผลิตภัณฑ์ Software-defined และระบบ Cloud ของ HPE ได้กล่าวถึงในส่วนของ Project New Stack ว่า "เป็นการนำเสนอในเรื่องของการประสานและให้ข้อมูลเชิงลึก โดยเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ทั้งนี้ก็เพื่อให้สามารถควบคุมค่าใช้จ่าย และทำการวิเคราะห์ได้ทั่วทั้งอาณาจักร Hybrid IT"

ผลิตภัณฑ์นี้ยังไม่ผ่านการทดสอบความสมบูรณ์ของระบบโดยผู้ใช้ (Beta Test) แม้ว่าจะมีการเปิดให้ผู้ทดสอบบางส่วนใน "Lighthouse" ขณะที่การประชุม Discover Europe ครั้งถัดไปของบริษัท จะเกิดขึ้นในปลายเดือนพฤศจิกายนปี 2017

อย่างไรก็ตาม HPE ได้เปิดเผยถึงข้อเสนอบางอย่าง ที่เคยให้บริการเกี่ยวกับ Enterprise Service ยกตัวอย่างเช่น ในเดือนพฤษภาคมปี 2016 มีการประกาศว่าแผนกนี้จะถูกตัดออก และทำการรวมกิจการเข้ากับ Computer Sciences Corporation (CSC) โดยกระบวนการนี้เสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2017และ DXC Technology ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นบริษัทใหม่ซึ่งได้จากการรวมกิจการ ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 3 เมษายน

HPE กำลังอยู่ในระหว่างกระบวนการ "Spin Merging" ซึ่งเป็นการดำเนินวางแผนขายและควบรวมธุรกิจซอฟต์แวร์ ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักออกไป ให้กับ Micro Focus โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 3 ของปี 2017 ซึ่งบริษัทใหม่ที่กล่าวมานี้ จะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ HPE และจะยังคงใช้ชื่อ Micro Focus ต่อไป

ท่ามกลางการคัดแยกและการควบกิจการทั้งหมดนั้น HPE ยังได้มีการเข้าซื้อกิจการบางแห่ง ที่มีความโดดเด่นด้านการประมวลผลประสิทธิภาพสูง (High-Performance Computing: HPC) ของ SGI เมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2016, ธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยี Hyper-Converged Infrastructure ที่มีคุณสมบัติเรียบง่าย ในเดือนมกราคม ปี 2017 และบริษัทจัดเก็บข้อมูลอย่าง Nimble Storage ในเดือนเมษายน ปี 2017

องค์กรนี้ยังเป็นเจ้าของ Aruba (เดิมใช้ชื่อว่า Aruba Networks) ซึ่งเคยถูกซื้อกิจการมาก่อนมาโดย HP ก่อนที่จะแยกออกเป็น HPE และ HP Inc

แม้ในช่วงที่ผ่านมาจะต้องพบกับปัญหา บริษัทก็สามารถกลับมาทำรายได้ถึง 7.7 พันล้านดอลลาร์ ในช่วง 3 เดือน ของไตรมาสแรกในปี 2018 โดย Antonio Neri ซีอีโอของ HPE ได้กล่าวว่า "ตัวเลขนี้จะนำไปสู่การพัฒนาที่ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเร็วๆนี้ เราได้มีปรับปรุงระบบภาษีของสหรัฐอเมริกา รวมถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องของบริษัท หรือเป็นที่รู้จักในนามของ "HPE Next"

ที่มา:www.itpro.co.uk