รีวิวเปรียบเทียบระหว่าง Google Drive กับ OneDrive
Please wait...
1726202978.png
1731393918.jpg
1732076627.jpg
1730459076.jpg
1730782055.jpg
1730966771.jpg
1731999875.jpg
SOLUTIONS CORNER
รีวิวเปรียบเทียบระหว่าง Google Drive กับ OneDrive

รีวิวเปรียบเทียบระหว่าง Google Drive กับ OneDrive




เราได้ทำการเปรียบเทียบความสามารถในด้านการจัดเก็บ
, ราคา, คุณลักษณะในการทำงานร่วมกันได้ (Compatibility) รวมถึงชุดของฟีเจอร์ของทั้งสองบริษัทที่ได้รับความนิยมในส่วนของการให้บริการจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบของ Cloud Storage
 


ข้อสรุป


Google และ Microsoft ได้มีการนำเสนอระบบการจัดเก็บข้อมูลที่เชื่อถือได้, รวดเร็ว และง่ายต่อการใช้งานในส่วนของบริการพื้นที่จัดเก็บข้อมูล (Cloud Storage) สำหรับลูกค้าที่ทำงานบนระบบปฏิบัติที่มีความหลากหลาย ทั้ง Google Drive และ Microsoft OneDrive ต่างก็มีความต้องการที่จะยกระดับขีดจำกัดความสามารถในการใช้งานพื้นที่จัดเก็บข้อมูล แต่เรารู้สึกว่า Microsoft ให้ข้อเสนอที่ดีที่สุดสำหรับการให้บริการของ OneDrive และสำหรับ  OneDrive ของ Microsoft ที่มาพร้อมกับพื้นที่จัดเก็บฟรีที่มีมากขึ้น พร้อมด้วยชุดของคุณสมบัติที่เหมือนกันกับ Google และด้วยราคาที่ต่ำกว่าอย่างเห็นได้ชัด หากคุณต้องการความจุที่มากกว่า 15GB แม้ว่าทั้ง Google และ Microsoft จะมีการนำเสนอทั้งในส่วนของสิ่งอำนวยความสะดวกในการสร้างและแก้ไข แต่ Web Apps ของ Microsoft กลับให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยในส่วนติดต่อระหว่างผู้ใช้กับระบบ (User Interface) ของ Office เพราะผู้ใช้ที่เติบโตมาพร้อมกับ Word, Excel และ Powerpoint จะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกสบายใจและคุ้นเคย ทั้งนี้ สถานประกอบการต่างๆ อาจจะพบมันช่วยลดเวลาที่จะใช้ในการฝึกอบรมและให้การสนับสนุน และผู้ชนะในการรีวิวครั้งนี้ ได้แก่ - Microsoft OneDrive
 
Google Drive และ Microsoft OneDrive ต่างก็มีประสบการณ์มายาวนานในด้านการให้บริการจัดเก็บข้อมูล แต่เรามุ่งเน้นไปที่บริการที่เหมาะกับความต้องการและรูปแบบธุรกิจของคุณให้มากที่สุด


 

พื้นที่จัดเก็บข้อมูลและราคา
 

ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ใช้บริการของ Google ซึ่งอยู่ในรูปแบบขององค์กรธุรกิจหรือผู้ใช้ส่วนบุคคลก็ตาม ทุกคนจะได้รับสิทธิ์สำหรับพื้นที่เก็บข้อมูลขนาด 15GB ใน Google Drive แบบฟรีๆ โดยอัตโนมัติ หรือในบางครั้ง Google ก็อาจจะมีช่วงโปรโมชั่นที่จะช่วยให้คุณสามารถเพิ่มขีดจำกัด แบบไม่เสียค่าใช้จ่าย สำหรับพื้นที่เก็บข้อมูลแบบพิเศษนี้ ซึ่งคุณสามารถใช้งานมันได้อย่างถาวร ( ยกตัวอย่างเช่น เมื่อคุณดำเนินการ Security Check หรือเมือคุณซื้ออุปกรณ์ Android บางอย่าง) หรือในบางครั้งมันก็อาจจะเป็นเพียงข้อเสนอแบบชั่วคราว โดยพื้นที่เก็บข้อมูลที่คุณได้รับนั้นสามารถแบ่งได้เป็น Google Drive, Gmail และ Photos ดังนั้น มันอาจจะไม่จบลงด้วยสาเหตุเพียงแค่การมีหน่วยความจำไม่เพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากคุณมีใช้งาน Gmail เป็นระยะเวลาหนึ่ง แต่ถึงอย่างไรก็ยังดีตรงที่ยังคงมีให้บริการอยู่
 
ในปัจจุบัน Microsoft มีพื้นที่เก็บข้อมูลเพียง 5GB (ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีถึง15GB) และนั่นก็เป็นพื้นที่สำหรับการใช้งานแบบส่วนตัวโดยไม่เกี่ยวข้องในเชิงการค้า ซึ่งไม่มีอะไรในโลกนี้ ที่ได้มาฟรีๆ สำหรับผู้ใช้งานทางด้านธุรกิจ สำหรับการใช้งานในรูปแบบบัญชีส่วนตัว (Personal Account) นั้น ผู้ใช้สามารถมีพื้นที่เก็บข้อมูลเพิ่มเติมได้จากการแนะนำผู้สมัครเข้าใช้งาน (Referral Bonuses)
 
หากคุณต้องการซื้อพื้นที่เก็บข้อมูลเพิ่มเติม Google เสนอพื้นที่เก็บข้อมูลขนาด 100GB ให้ผู้ใช้ในราคา 1.59 ปอนด์ต่อเดือน, 1TB ในราคา 7.99 ปอนด์ต่อเดือน และ 10TB ในราคา 79.99 ปอนด์ต่อเดือน หรือหากคุณต้องการพื้นที่จัดเก็บเพิ่มเติมที่นอกเหนือจากข้อเสนอที่กล่าวมาข้างต้น Google ยังมีแพ็กเกจขนาด 20TB ในราคา 159.99 ปอนด์ต่อเดือน และพิเศษสุดสำหรับแพ็กเกจขนาด 30TB ในราคา 239.99 ปอนด์ต่อเดือน
 
Microsoft นำเสนอพื้นที่เก็บข้อมูลขนาด 1TB ในราคา 3.80 ปอนด์ต่อเดือน และยังมีพื้นที่เก็บข้อมูลแบบไม่จำกัด ในราคา 7.50 ปอนด์ต่อเดือน (โปรแกรมเหล่านี้ไม่ได้รวมอยู่ใน แอพพลิเคชั่น Office ) สำหรับพื้นที่เก็บข้อมูลแบบไม่จำกัดนั้น ไม่ได้หมายความว่าคุณสามารถใช้โปรแกรมนี้ได้ทันที ซึ่งในเบื้องต้นคุณจะได้รับพื้นที่เก็บข้อมูลขนาด 5TB และถ้าคุณต้องการมากกว่านั้น คุณจะต้องติดต่อกลับไปยังฝ่ายสนับสนุนของ Microsoft  หรือในกรณีที่คุณต้องการจะใช้โปรแกรม Microsoft Office จะต้องมีค่าใช้จ่ายที่ 9.40 ปอนด์ต่อเดือน (โดยจะได้รับพื้นที่เก็บข้อมูลข้อมูลเพิ่มขึ้นอีก 1TB ต่อผู้ใช้หนึ่งราย) นอกจากนี้ คุณยังจะได้พบกับคุณลักษณะอื่นๆ อีกมากมายที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้ดียิ่งขึ้น
 
หากคุณต้องการพื้นที่ว่างสำหรับเก็บข้อมูลที่มีหน่วยเป็นเทรไบต์ Microsoft OneDrive อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่อย่างไรก็ตาม นี่เป็นสถานการณ์ที่ดูเหมือนว่าไม่น่าจะเป็นไปได้สำหรับบัญชีผู้ใช้โดยส่วนใหญ่ ดังนั้น จึงทำให้รู้สึกเห็นด้วยกับการเลือกใช้ Google Drive มากกว่า


 

การติดตั้ง

 

การดาวน์โหลดและติดตั้งโปรแกรมไคลเอนต์ Windows สำหรับ Google Drive และ Microsoft OneDrive เป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ ที่ผู้ใช้จำเป็นจะต้องกำหนดตำแหน่งของโฟลเดอร์ที่ตั้งค่าให้ตรงกันกับบริการที่เกี่ยวข้อง
 
ทั้งสองบริษัท ต่างก็เลือกใช้ขั้นตอนในการเข้าถึงข้อมูลให้น้อยที่สุด สำหรับลูกค้าที่ใช้บริการจัดเก็บข้อมูลของพวกเขา ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดี เนื่องจากผู้ใช้เพียงแค่ต้องจัดการกับโฟลเดอร์ใน Windows Explorer เท่านั้น โดยผู้ใช้สามารถทำการอัพโหลด, เปิด, แก้ไขและบันทึกไฟล์ลงในโฟลเดอร์ Google Drive หรือ Microsoft OneDrive ที่ได้ทำการเลือกไว้ ซึ่งไม่ต่างกันกับการใช้งานโฟลเดอร์ที่ได้รับการจัดเก็บไว้ภายในระบบ
 
แม้ว่าวิธีการเช่นนี้ จะเป็นช่องทางการเข้าถึงข้อมูลด้วยขั้นตอนที่น้อยที่สุดแต่เน้นที่ความง่ายในการเข้าใช้งาน และเราต้องการเห็นตัวเลือกในการซิงโครไนซ์การสำรองข้อมูลของโฟลเดอร์ภายในเครื่องที่จัดการด้วย Google Drive หรือ โฟลเดอร์ของ Microsoft OneDrive ซึ่งความสามารถในการตั้งค่าสิทธิ์การเข้าใช้งานร่วมกันบนเครื่องลูกที่เป็น Windows Client เป็นสิ่งที่น่ายินดีมาก, แม้ว่า OneDrive จะรวมเอาโฟลเดอร์ที่เป็น Public ที่มีตัวเลือกการแชร์ที่กำหนดไว้ล่วงหน้ามารวมอยู่ด้วยก็ตาม


 

ระบบปฎิบัติการที่เข้ากันได้
 

ถ้านอกจาก Windows แล้ว OneDrive ของ Microsoft ก็ยังได้รับการสนับสนุนบน Mac OS X, iOS, Android และ Windows Phone หรือสามารถใช้งานผ่านเว็บเบราเซอร์
 
ส่วน Google Drive นั้นสามารถเข้าถึงได้โดยผ่านทาง Android, iOS, Windows และ Mac OS X


 

ฟังก์ชันเสริม

 

แม้ว่า Google และ Microsoft จะมีตัวเลือกสำหรับไคลเอนต์ ในรูปแบบ Minimal Desktop แล้วก็ตาม แต่ในขณะที่กำลังใช้บริการของทั้งสองบริษัทผ่านเว็บเบราวเซอร์อยู่นั้น บริษัทต่างๆ ก็ได้ใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการนำเสนอแอพพลิเคชั่นการแก้ไขเอกสาร โดยมี Google Docs ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของบัญชี Google ทั้งหมด ในขณะที่ Microsoft ก็ได้เตรียมแอพพลิเคชั่น Office Web ที่มีไว้พร้อมให้บริการสำหรับผู้ใช้ OneDrive มานำเสนอ
 
ทั้ง Google Docs และ Office Web Apps ของ Microsoft ต่างก็ไม่คู่ควรที่จะนำมาเปรียบเทียบกับคุณลักษณะที่พบในชุดโปรแกรมสำนักงาน (Office Suite) ของ Microsoft ได้ แต่ทั้งสองแอพพลิเคชั่นนี้ต่างก็มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะใช้ในการสร้างเอกสาร, Spreadsheets และการทำ Presentation ในแบบง่ายๆ ซึ่งจากคำตัดสินของ Microsoft เพื่อที่จะทำการรวมส่วนต่างๆของส่วนติดต่อผู้ใช้ Office ไว้เข้าด้วยกัน ย่อมหมายถึงผู้ใช้น่าจะรู้สึกดี กับการที่ได้ใช้งานในรูปแบบที่คุ้นเคย
 
ในมุมมองของเรากลับพบว่า ทั้ง Google Docs และ Office Web Apps ของ Microsoft ไม่ควรจะถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการตัดสิน และในขณะเดียวกันก็ถึงเวลาที่จะต้องต้องตัดสินใจเลือกระหว่าง Google Drive หรือ Microsoft OneDrive เราต่างก็พบว่าทั้งสองเป็นโปรแกรมที่มีความสามารถที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าใจได้ง่ายขึ้นในการใช้งานโดยไม่จำเป็นต้องติดตั้งชุดออฟฟิศ (Office Suites) เต็มรูปแบบ

 
 

การปรับใช้งาน
 


ไม่ว่าคุณสมบัติของแต่ละผลิตภัณฑ์จะมีคุณภาพเป็นเช่นไร  สำหรับองค์กรที่ต้องการปรับใช้งานอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ Google Drive หรือ Microsoft OneDrive ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องคำนึงถึงอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ภายในองค์กร
 
คุณอาจจะต้องมีส่วนร่วมในการตัดสินใจให้กับองค์กรของคุณเอง ว่าอุปกรณ์เคลื่อนที่ชนิดใดที่คุณต้องการจะให้องค์กรใช้งานกับพนักงานภายในองค์กรในปีต่อ ๆ ไป เนื่องจากว่า ทั้ง Google และ Microsoft นั้น ต่างก็ให้การสนับสนุนระบบปฏิบัติการบนมือถือของตนเอง
 
ซึ่งจะพบว่าปัญหาเหล่านี้เริ่มที่จะลดน้อยลงเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตาม ผู้ให้บริการทั้งสองฝ่ายต่างก็มีข้อตกลงกับผู้ใช้ของพวกเขา โดยอาศัยระบบการจัดการแบบ Integrated Landscape ที่เพิ่มมากขึ้น พร้อมด้วยแอพพลิเคชั่นที่มีการทำงานบนความหลากหลายของระบบปฏิบัติการ
 
ทั้งๆที่ความจริง Microsoft ได้รับการสนับสนุน Windows Phone OS ของมันอย่างจริงจัง โดยผ่านการซื้อของ Nokia, แต่อย่างใดก็ตาม Android ของ Google ก็ยังคงเป็นผู้นำทางด้านอุตสาหกรรมในบางช่วงเวลา เนื่องด้วย ขอบเขตด้านความสามารถและความหลากหลายของอุปกรณ์ ตลอดจนแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟน, การปรับใช้แอนดรอยด์ที่มีมากมายและน่าสนใจ ซึ่งจัดว่าเป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อสมาชิกขององค์กรผู้ที่เลือกที่จะนำอุปกรณ์ของตัวเองเข้ามาในที่ทำงาน หรือแม้กระทั่งอุปกรณ์ที่ใช้ iOs ของ Apple
 
สิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณา ได้แก่ ประเภทของข้อมูล, ระดับของความสำคัญและผลบังคับใช้ทางกฎหมายสำหรับการจัดเก็บข้อมูลที่อยู่นอกพื้นที่สหราชอาณาจักร - โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของ GDPR หรือ General Data Protection Regulation ซึ่งเป็นกฎหมายที่ให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้บริโภคฉบับใหม่ของ EU ที่มีผลบังคับใช้ในปี 2018 กับทั้ง Google และ Microsoft ที่นำเสนอบริการแบบ Multi-Tenant บนคลาวด์สาธารณะ
 
สุดท้ายนี้ สิ่งสำคัญที่ควรจะต้องคำนึงถึงนั่นก็คือความจริงที่ว่า บริการของทั้งสองบริษัทต่างก็มีการเข้ารหัสข้อมูลอัตโนมัติ โดยมีระบบการคุ้มครองบนบัญชีผู้ใช้และอุปกรณ์ต่างๆ ที่สำคัญ เนื่องจากทั้งสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต ต่างก็สามารถเข้าถึงบัญชีใดก็ได้ ในทางทฤษฎี

 

ที่มา:www.itpro.co.uk
ควิกเซิร์ฟ
สินค้า
งานระบบ
บริการ
กิจกรรม
ออนไลน์