1726202978.png
1731393918.jpg
1732076627.jpg
1730459076.jpg
1730782055.jpg
1730966771.jpg
1731999875.jpg
วิธีเชื่อมต่อจอมอนิเตอร์กับโน้ตบุ๊ก รวมถึงการเชื่อมต่อแบบ USB Type C
วิธีเชื่อมต่อจอมอนิเตอร์กับโน้ตบุ๊ก รวมถึงการเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
Credit Image: twenty20
คำแนะนำที่ดีที่สุดในการเชื่อมต่อจอมอนิเตอร์หลายจอเข้ากับแล็ปท็อป
แม้ว่าพวกเราส่วนใหญ่จะเลือกซื้ออุปกรณ์แบบวันต่อวันในรูปแบบของ 2-in-1 ที่แปลงสภาพได้หรือไม่ว่าจะเป็นโน้ตบุ๊กก็ตาม แต่โดยปกติแล้วอุปกรณ์ขนาดกะทัดรัดและพกพาเหล่านี้อาจจจะไม่ครอบคลุมการแสดงผลที่เรามักต้องการและก็มีหลายครั้งที่เราต้องพึ่งพาจอแสดงผลที่ใหญ่ขึ้น, ซับซ้อนมากขึ้นพร้อมอัตราการรีเฟรชที่ราบรื่นขึ้น, สีที่สว่างขึ้นหรือการแสดงผลที่คมชัดขึ้นมากขึ้น ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับงานที่ต้องทำ
โชคดีที่การเชื่อมต่ออุปกรณ์ของคุณกับจอแสดงผลภายนอก สามารถมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับคุณได้ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการพกพาขั้นสูงสุดแต่ยังมอบประสบการณ์การรับชมภาพที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในการบูต ซึ่งประโยชน์ของการทำเช่นนี้มีมากมายมหาศาล ที่ช่วยให้คุณสามารถจัดระเบียบขั้นตอนการทำงานและออกแบบงานในแบบที่คุณไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะสามารถทำได้ ตัวอย่างเช่น คุณสามารถเปิดหน้าต่าง Slack หรือ Teams บนจอแสดงผลเดียวในขณะที่เปิดกล่องจดหมายของคุณบนหน้าต่างอื่นข้างๆ รายงานที่คุณกำลังอ่านอยู่ และคุณยังสามารถเปิดเอกสารแบบเต็มบนหน้าจอเดียวควบคู่ไปกับแหล่งข้อมูลของคุณในอีกหน้าจอหนึ่งได้
ก่อนที่เราจะพูดถึงวิธีการใช้จอแสดงผลหลายจอให้เกิดประโยชน์สูงสุดผ่านระบบปฏิบัติการของคุณ ก่อนอื่นคุณควรตรวจสอบสายไฟที่คุณจะต้องตั้งค่าด้วยตัวเองกันก่อน โดยตัวเลือกการเชื่อมต่อหลักในปี 2021 นี้มีอยู่ 5 ประเภทด้วยกัน อันได้แก่ VGA, DVI, HDMI, DisplayPort และ USB-C
หาสายเคเบิลที่เหมาะสม
หากคุณพบว่าตัวเองต้องใช้ VGA เป็นไปได้สูงว่าอุปกรณ์ของคุณค่อนข้างเก่าพอสมควร หรือ เป็นโน้ตบุ๊กสมัยใหม่ที่เบาบางแต่ไม่มีพอร์ต VGA ซึ่งตัวเลือกนี้ก็จะไม่เหมาะกับคุณเท่าใดนัก
สายเคเบิลเหล่านี้จะรองรับแค่ฟีดภาพเท่านั้น - ไม่รองรับเสียง ดังนั้นคุณจะต้องเชื่อมต่อขั้วต่อเสียงแยกต่างหากเพื่อประกอบให้ครบสมบูรณ์ คุณอาจพบตัวแปลง VGA เป็น HDMI ได้ แต่ราคาอาจจะค่อนข้างสูงสำหรับคุณภาพของการเชื่อมต่อที่คุณจะได้รับ
เราขอแนะนำให้คุณหลีกเลี่ยงการใช้การเชื่อมต่อ VGA เพราะด้วยข้อจำกัดทางเทคนิคที่ไม่เหมาะกับการเชื่อมต่อสมัยใหม่ ดังนั้นจึงควรหาทางเลือกใหม่ที่ทันสมัยกว่า
DVI จะคล้ายกับ VGA แต่มีความละเอียดสูงกว่ามาก การใช้ตัวแปลงจาก DVI เป็น HDMI จะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า VGA แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไมใช่ทางเลือกที่เหมาะสมมากนัก
HDMI น่าจะเป็นที่คุ้นเคยสำหรับคนส่วนใหญ่ เนื่องจากเป็นการเชื่อมต่อมาตรฐานที่โทรทัศน์ส่วนใหญ่ใช้ แต่คุณควรทราบก่อนว่า HDMI มีหลายรูปแบบเช่นกัน ทั้งตัวเชื่อมต่อแบบ mini-HDMI, micro-HDMI หรือแม้แต่ขนาดเต็มรูปแบบ ดังนั้นคุณควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้เลือกสายที่ถูกต้องแล้ว
นอกจากนี้เราขอแนะนำให้ใช้สาย HDMI ใหม่ เว้นแต่คุณจะมั่นใจว่าของที่คุณมีอยู่เป็นของใหม่จริงเนื่องจากข้อกำหนดของ HDMI มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมาและสายเคเบิลรุ่นเก่าอาจไม่ให้คุณภาพระดับ 4K หรือแม้แต่ HD ดังนั้นเราขอแนะนำให้มองหา HDMI 2.0 หรือ HDMI 2.1 เพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุดหรือมากกว่า 1.4 ก็สามารถใช้งานได้เช่นกัน น่าเสียดายที่สาย HDMI ส่วนใหญ่ไม่ได้บอกคุณว่าเป็นรุ่นอะไร ดังนั้นสายที่คุณมีอยู่ก็อาจจะไม่ดีเท่าที่ควร
อย่าใช้เงินจำนวนมากอย่างไร้สาระ สาย HDMI เป็นแบบดิจิทัลดังนั้นจึงมีโอกาสที่จะสามารถใช้งานได้หรือใช้ไม่ได้เช่นกัน คุณอาจจะไม่ได้คุณภาพที่ดีขึ้นหรือมีอะไรที่น่าสนใจมากนัก อย่างเช่นขั้วต่อเคลือบทองราคาแพง หรือบางทีการซื้อสายราคาถูกแต่กลับมีข้อมูลจำเพาะที่ถูกต้อง (เราซื้อสายเคเบิล 3x1 ม. จาก Amazon ในราคาต่ำกว่ามาตราฐาน) และอาจจะใช้งานได้ดีเช่นเดียวกับอันที่ราคาแพงก็สามารถเกิดขึ้นได้
DisplayPort (เราแนะนำว่าควรต้องอย่างน้อย 1.2 หรือสูงกว่านั้นเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด) เป็นตัวเลือกของนักออกแบบกราฟิก รวมถึงแอนิเมเตอร์และครีเอทีฟโฆษณาประเภทอื่นๆ หากจอภาพของคุณใช้ Displayport แต่คุณมีเพียง HDMI บนแล็ปท็อปก็ไม่มีปัญหาเพราะสามารถหาสายต่อเพิ่มเติมได้
และสุดท้าย USB-C ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดและได้รับการออกแบบมาเพื่อแทนที่สายเคเบิลมาตรฐานอื่นๆ ทั้งหมดที่เรากล่าวถึง เช่นเดียวกันกับการพกพาแหล่งจ่ายไฟและอุปกรณ์เสริมต่างๆ การเชื่อมต่อมาตรฐาน USB-C มีทั้งแบบ DisplayPort และ HDMI ดังนั้นคุณจะต้องใช้ USB-C กับ HDMI/DisplayPort หรือหากคุณมีจอภาพที่ใหม่มาก จะต้องต่อแบบใช้สาย USB-C กับ USB-C เข้าด้วยกัน
คำเตือน: สาย USB-C มีความแตกต่างกันอย่างมาก ในช่วงแรกผู้ผลิตหลายรายได้ผลิตสายเคเบิลที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดและก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงกับเครื่องจักร หากคุณไม่แน่ใจกับสิ่งที่จะได้รับ ให้มองหาสายเคเบิลที่ได้รับการรับรอง USB-IF (เพราะต่อให้สายนั้นดูดีสมบูรณ์แต่บางอันอาจจะไม่ได้รับการรับรองนี้)
การตั้งค่า
เมื่อคุณมีสายเคเบิลและคุณได้ทำการเชื่อมต่อแล้ว คุณอาจพบว่า Windows ได้ทำสิ่งที่เหลือให้คุณเรียบร้อยแล้ว และจอภาพของคุณกำลังทำซ้ำทุกอย่างบนหน้าจอในตัว
นั่นอาจเป็นสิ่งที่คุณต้องการ แต่หากคุณกำลังมองหาพื้นที่เพิ่มเติมคุณจะต้องกด WIN + P แถบด้านข้างจะปรากฏขึ้นเพื่อให้คุณเลือกว่าแสดงภาพบนหน้าจอหลักหรือมอนิเตอร์ (หน้าจอที่สอง) เพื่อเลือกว่าจะทำซ้ำหรือขยาย
เลือก ขยาย และคุณจะพบว่าคุณสามารถลากเมาส์จากเดสก์ท็อปเครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่งได้อย่างราบรื่น (หมายเหตุ: ผู้ใช้ Windows 7 จะไม่มีแถบด้านข้างนี้คุณจะต้องทำทุกอย่างในแผงควบคุม - ดูด้านล่าง)
Windows จะถือว่าแล็ปท็อปอยู่ทางซ้ายและจอภาพอยู่ทางขวา หากนั่นไม่ใช่การตั้งค่าของคุณเมาส์จะผิดทางและนั่นเป็นสัญญาณให้เราต้องปรับแต่งเล็กน้อย
การเข้าไปยังเมนูการตั้งค่านั้นง่ายมาก เพียงไปที่เดสก์ท็อป จากนั้นคลิกขวาที่ใดก็ได้แล้วเลือก "ความละเอียดหน้าจอ" เมนูแผงควบคุมที่ปรากฏขึ้นจะประกอบด้วยกล่องที่มีหมายเลขกำกับ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะแสดงถึงจอภาพของคุณโดย ‘1’ จะเป็นจอแสดงผลในตัว
เพียงลากและวางจอภาพเพื่อให้ปรากฏบนหน้าจอในรูปแบบเดียวกับที่ทำงานบนโต๊ะทำงานของคุณ คุณไม่จำเป็นต้องเก็บมันไว้ในแถว และหากคุณมีแล็ปท็อปอยู่ใต้จอภาพก็ไม่มีปัญหาอย่างใด เพียงแค่ลากไปที่ด้านล่างช่อง 2
มีการตั้งค่าอื่นอีกๆ มากมายบนหน้าจอนี้ ซึ่งส่วนใหญ่คุณไม่จำเป็นต้องใช้ แต่อย่าลังเลที่จะทดลอง เพราะการดำเนินการส่วนใหญ่จะขอให้คุณยืนยันว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว และหากคุณไม่ตอบกลับภายใน 15 วินาทีทุกอย่างจะเปลี่ยนกลับ เป็นดังเดิม เพื่อให้แน่ใจว่าหากคุณจัดการกับภาพบนหน้าจอทั้งสองหายแล้วคุณจะไม่ติดปัญหาอะไร
ต้องการพอร์ตเพิ่มเติม?
USB-C มีข้อเสียอย่างหนึ่งและเป็นความจริงที่ว่าแล็ปท็อปจำนวนมากมีพอร์ต USB-C จำนวนจำกัด ในกรณีนี้คุณอาจต้องมีฮับ USB-C เพื่อขยายตัวเลือกของคุณ นอกจากนี้ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่ามี passthrough สำหรับแหล่งจ่ายไฟ และควรมีพอร์ต USB-C เพิ่มเติมด้วย เพราะฮับจำนวนมากยังใช้การเชื่อมต่อ HDMI เพื่อเพิ่มความคล่องตัว
ตอนนี้คุณอาจสงสัยว่า USB-C ที่จะมาแทนที่สายเคเบิลอื่นๆ ทำไมมันถึงดูยุ่งยากนัก และคำตอบที่ได้รับจากผู้ผลิตก็ค่อนข้างจะดูไม่มีความหมายใดๆ เช่นกัน
ในความเป็นจริงพอร์ต USB-C มีความสามารถที่แตกต่างกัน พอร์ต "gen 1" รุ่นแรก ๆ จะมีเฉพาะสัญญาณ USB 2.0 ซึ่งไม่เพียงพอสำหรับจอภาพที่เหมาะสม พอร์ต "gen 2" ที่ทันสมัยยิ่งขึ้นมี USB 3.0 หรือ 3.1 รวมทั้งรองรับสัญญาณ Displayport และ HDMI และต้องขออภัยหากคุณไม่ทราบว่าคุณมีอะไรบ้าง ตัวเลือกของคุณอาจเป็นคำแนะนำการใช้งาน Google อัจฉริยะบางอย่างหรือการลองผิดลองถูก การเปิดตัว USB-C ค่อนข้างยุ่งเหยิงและเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกความแตกต่างด้วยสายตา
การเชื่อมต่อมากกว่า 2 จอ
แล้วถ้าคุณต้องการมากกว่าสองจอล่ะ? ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเครื่อง, การ์ดแสดงผลและจำนวนเงินที่คุณต้องการใช้จ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเครื่องรุ่นเก่าหรือสเปคต่ำคุณจะถูกจำกัดไว้ที่จอภาพเพิ่มเติมได้เพียงหนึ่งจอเท่านั้น แต่หากเครื่องที่ใหม่กว่าจะทำให้คุณสามารถเชื่อมต่อได้สูงสุดถึงสี่จอ
ตัวอย่างเช่น การเชื่อมต่อ Displayport จะรองรับตัวแยกสัญญาณซึ่งทำให้คุณสามารถเชื่อมต่อกับมอนิเตอร์หลายจอจากพอร์ตเดียวกันบนแล็ปท็อปได้ แต่นั้นก็ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องนัก
จอภาพบางจอมีพอร์ตพิเศษเพื่อให้คุณสามารถ "เชื่อมต่อหลายๆ สัญญาณเข้าด้วยกัน" ได้ กล่าวคือสามารถเชื่อมสัญญาณจากแล็ปท็อปไปยังมอนิเตอร์และไปยังมอนิเตอร์อีกตัวได้ แต่นั้นเป็นข้อยกเว้นมากกว่าที่จะเป็นกฎ
ซึ่งก็มีวิธีง่ายๆ แบบ "ร่วมด้วยช่วยกัน" หากคุณมีแล็ปท็อป (หรือฮับ) ที่มี USB-C, HDMI, DVI และ Displayport คุณสามารถผสมและจับคู่กับจอภาพของคุณได้ แต่อย่าลืมเลือก Input ที่ดีที่สุดสำหรับข้อมูลจำเพาะของจอภาพแต่ละจอเพื่อให้คุณได้รับความละเอียดสูงสุดและอัตราการรีเฟรชจากแต่ละรายการได้ดีที่สุด
สรุปแล้ว
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะพบว่าวิวัฒนาการของมาตรฐานคอมพิวเตอร์สามารถทำให้ผลลัพธ์ที่คุณพยายามบรรลุเต็มไปด้วยข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้ และมันก็เป็นเช่นนั้นกับจอภาพ Displayport, HDMI และ USB-C เช่นกัน เพราะพวกมันล้วนมีรูปแบบที่ไม่ชัดเจนสำหรับผู้ใช้ทั่วไปและบ่อยครั้งสิ่งที่ควรเป็นกรณีของการ "เสียบสิ่งนั้นเข้ากับสิ่งนี้" นั้นก็ค่อนข้างยุ่งเหยิง แต่อย่าเพิ่งท้อไป ลองหาข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ของคุณและตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณซื้อสายที่ถูกต้อง เมื่อคุณทำเรียบร้อยแล้วส่วนที่เหลือก็จะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างง่ายทันที
ที่มา: https://bit.ly/3wicZAJ