1726202978.png
1731393918.jpg
1732076627.jpg
1730459076.jpg
1730782055.jpg
1730966771.jpg
1731999875.jpg
การคาดการณ์แนวโน้มของ Dell EMC Storage ปี 2020
การคาดการณ์แนวโน้มของ Dell EMC Storage ปี 2020
ประธานฝ่ายการจัดเก็บข้อมูลของ Dell Technologies และ GM ได้นำเสนอมุมมองพิเศษในโครงการวิจัยที่ยาวนานประจำปีของสภา CTO พร้อมการคาดการณ์สำหรับปี 2020 และหลังจากนี้
จากโครงการวิจัย "คริสตัลบอล" ที่จัดทำขึ้นโดยสภา CTO ของ Dell Technologies เราสามารถคาดหวังการคำนวณและการจัดเก็บข้อมูลให้มีความสัมพันธ์กันเพื่อให้สามารถเป็นที่เก็บข้อมูลแบบแฟลชได้มากขึ้นและมีการจัดการข้อมูลที่รวดเร็วยิ่งขึ้นในระดับเอกซาไบต์ (Exabyte) ในปี 2020 และหลังจากนี้
สิ่งเหล่านี้เป็นตัวอย่างของแนวโน้มที่สภาการจัดเก็บข้อมูลของ Dell EMC ได้ระบุไว้ในปี 2019 โดยวิศวกรและสมาชิกอาวุโสของสภาทั้ง 14 คน รวมถึงปรัชญาดุษฎีบัณฑิตและผู้ถือสิทธิบัตร ได้ตรวจสอบเทคโนโลยีมากกว่า 90 รายการเพื่อจัดลำดับความสำคัญเกี่ยวกับแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคตที่สำคัญที่สุดและนำมาพิจารณาว่าที่เก็บข้อมูล Dell EMC ควรตอบสนองอย่างไรโดยทีมได้แบ่งประเภทของเทคโนโลยีออกเป็นสามส่วน คือ หน่วยเก็บข้อมูลยุคใหม่ ข้อมูลและความปลอดภัย และการปรับใช้โมเดลใหม่ ซึ่งการวิจัยของสภาจะเป็นปัจจัยสำคัญในคิดกลยุทธ์สำหรับผลิตภัณฑ์การจัดเก็บข้อมูลของ Dell EMC รวมไปถึงการตัดสินใจในการลงทุนและการพัฒนาในทศวรรษใหม่
Dan Inbar ประธานการจัดเก็บข้อมูล Dell EMC และผู้จัดการทั่วไปกล่าวว่า "ประเด็นสำคัญคือการย้ายจากการเก็บข้อมูลบิตไปสู่การจัดการข้อมูล" "ซึ่งความจริงคือเมื่อมีการขยายตัวมันจะส่งผลให้มีการสร้างข้อมูลจำนวนมากขึ้น คุณจึงต้องวิเคราะห์มันให้เร็วยิ่งขึ้นและคุณยังต้องควบคุมด้วยว่าข้อมูลจะไปอยู่ที่ไหน ดังนั้นมันคือการมองสิ่งทั้งหมดนี้ให้เป็นข้อมูลโดยเปรียบเทียบกับวิธีที่เราเคยมองมันเป็นบิตและไบต์
Inbar ได้ขึ้นมาเป็นประธานฝ่ายการจัดเก็บข้อมูลของ Dell EMC ควบกับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปในเดือนกันยายน หลังจากที่ Jeff Boudreau ได้ย้ายไปดำรงตำแหน่งประธานและผู้จัดการทั่วไปในกลุ่มการแก้ปัญหาโครงสร้างพื้นฐานของ Dell Technologies ซึ่งก่อนหน้านี้ Inbar เคยดำรงตำแหน่งรองประธานอาวุโสและผู้นำด้านการวิจัยและพัฒนาในอิสราเอลสำหรับผลิตภัณฑ์จัดเก็บข้อมูล Dell EMC ระดับกลางรุ่นต่อไป
ต่อจากนี้คือคำคาดการณ์ ทั้ง 5 ประการที่ Inbar ได้ แชร์กับ TechTarget ผ่านการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์และอีเมล โดยเขาได้ใช้ข้อมูลจากการดำเนินการวิจัยที่สภา CTO ของ Dell EMC Storage
1. Inbar คาดว่าเราจะได้เห็นการออกแบบการจัดเก็บข้อมูลแบบใหม่ในปี 2020 ที่จะทำให้เส้นแบ่งระหว่างการจัดเก็บและการคำนวณนั้นน้อยลง
"เราได้ยินจากลูกค้าที่กำลังมองหาความยืดหยุ่นใน SANs แบบดั้งเดิม" โดย Inbar กล่าวว่า "ในกรณีส่วนใหญ่การรักษาการคำนวณนั้นจะแยกต่างหากจากการจัดเก็บข้อมูลแบบปกติซึ่งสามารถใช้งานได้ดี และในบางครั้งมันเหมาะสมที่จะใช้ในการคำนวณว่าใกล้กับหน่วยความจำมากที่สุดแล้วเพื่อรองรับปริมาณงานในศูนย์กลางข้อมูล เช่น การวิเคราะห์ฐานข้อมูลที่หนาแน่น ทั้งนี้การพัฒนาจะขึ้นอยู่กับสถาปัตยกรรมที่ถูกกำหนดโดยซอฟต์แวร์และสถานที่จัดเก็บเพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกใช้บริการจัดเก็บข้อมูลในปริมาณงานที่แตกต่างกันหรือแม้กระทั่งอนุญาตให้แอปพลิเคชันสามารถทำงานบนระบบการจัดเก็บข้อมูลด้วยตัวมันเองได้
“เราไม่ได้พูดถึงโครงสร้างพื้นฐานแบบ Hyper-converged ที่ผสมผสานระหว่างการประมวลผล การจัดเก็บและระบบเครือข่ายที่กำหนดโดยซอฟต์แวร์ HCI นั้นที่ดีสำหรับแอปพลิเคชันที่สามารถปรับขนาดได้ แต่ก็มีแอปพลิเคชันที่ขับเคลื่อนด้วยความหน่วงซึ่งทำให้การคำนวณและการจัดเก็บนั้นใกล้เคียงกันมากขึ้น โดยมันสามารถเปิดในกรณีการใช้งานใหม่ได้ เช่น AI / ML [การเรียนรู้ของเครื่อง] / การวิเคราะห์ขอบเขตสถานที่ และ/หรือคลาวด์ส่วนตัว ซึ่งสิ่งนี้ยังอาจนำไปสู่การลดต้นทุนในการเป็นเจ้าของและลดความซับซ้อนสำหรับทีมไอที และเจ้าของแอปพลิเคชันที่ในบางครั้งอาจไม่จำเป็นต้องพึ่งพาผู้ดูแลระบบจัดเก็บข้อมูลเพื่อจัดเตรียมหรือจัดการกับที่เก็บข้อมูลพื้นฐาน สิ่งนี้กำลังทวีความสำคัญมากขึ้นเพราะเมื่อผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีคนใหม่เข้ามาทำงาน พวกเขาไม่จำเป็นจะต้องมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของผู้ดูแลระบบจัดเก็บข้อมูลในศูนย์ข้อมูล"
2. ลูกค้าจำนวนมากจะเปลี่ยนไปใช้ซอฟต์แวร์ที่กำหนดโครงสร้างพื้นฐาน (Software-defined infrastructure: SDI) ในปี 2020 เพื่อเพิ่ม SAN และ HCI แบบดั้งเดิม
“Hyperscalers และองค์กรที่มีการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพสูงหรือปริมาณงานที่มีความซับซ้อนอย่างมัลติไฮเปอร์ไวเซอร์ (multi-hypervisor)ได้ใช้วิธีการจัดเก็บข้อมูลแบบที่กำหนดโดยซอฟต์แวร์และโครงสร้างพื้นฐานที่ถูกกำหนดโดยซอฟต์แวร์ในรูปแบบอื่นๆ มาเป็นเวลาหลายปี” โดย Inbar กล่าวว่า "องค์กรแบบดั้งเดิมมีความล่าช้าในการนำมาปรับใช้ เราได้เห็นการเคลื่อนไหวอย่างค่อยเป็นค่อยไปของลูกค้าองค์กรที่ปรับใช้ปริมาณงานใหม่ที่มีความต้องการและความสามารถในการคำนวณที่แตกต่างจาก SAN สามชั้นแบบดั้งเดิม โดยลูกค้าเหล่านี้ต้องการความยืดหยุ่นในการปรับขนาด ไม่เพียงแต่ความสามารถในการจัดเก็บและคำนวณที่แตกต่างกัน แต่ยังรวมไปถึงแพลตฟอร์มที่ SDI สามารถรองรับได้อย่างมีเอกลักษณ์ และสำหรับลูกค้าที่ต้องการรวมการทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงหรือปริมาณงานที่มีความซับซ้อนหลายอย่าง เช่น ฐานข้อมูลที่ต้องการเวลาแฝง Sub-millisecond ที่สอดคล้องกันและสามารถรองรับการรวมกันของแพลตฟอร์มการคำนวณต่างๆ ได้อย่างพวกโลหะ multi-hypervisor หรือ ที่จัดเก็บโดยไม่จำเป็นต้องแบ่งส่วนเหล่านั้นออกมาต่างหาก"
3. การจัดการชุดข้อมูลมีอายุมาตั้งแต่ปี 2020 สำหรับจัดเก็บข้อมูลวัตถุต่างๆและข้อมูลแอพพลิเคชั่นที่แจกจ่ายข้ามไซโล (siloes)ของสถานที่เก็บข้อมูลและคลาวด์
“การจัดการชุดข้อมูลนั้นเกี่ยวกับการจัดเก็บข้อมูลอย่างโปร่งใสและทำให้ส่วนใดส่วนหนึ่งของมันสามารถค้นพบได้อย่างรวดเร็วผ่าน Metadata เพื่อทำให้ลูกค้าสามารถค้นหาข้อมูลที่ต้องการได้ทันทีและสามารถดำเนินการโดยใช้วิธีการใหม่ๆได้ Inbar กล่าวว่า "ความก้าวหน้าใหม่นี้จะทำให้เทคโนโลยีมีความเร็วสูงขึ้นและมีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับการทำดัชนีในระดับเอกซาไบต์ (Exabyte) ซึ่งนี่คือวิวัฒนาการตามธรรมชาติของเทคโนโลยีที่เชื่อมโยงกับเทคโนโลยีการเรียนรู้ของเครื่องจักร (Machine Learning Technologies) แต่รุ่นก่อนหน้านี้ขาดการการคำนวณแรงม้า ทำให้ข้อมูลนั้นมากเกินไปจนไม่สามารถขยายไปอีกระดับได้ และองค์กรต่างๆ เริ่มมีข้อมูลที่มากเกินไปสำหรับความสามารถในการเก็บข้อมูลของเครื่องมือการจัดการข้อมูล"
4. การส่งมอบอาร์เรย์สตอเรจ (storage arrays) ในฐานะผู้ให้บริการจะขยายตัว และมีการใช้คลาวด์หลายตัวเพิ่มขึ้นเพื่อจัดการกับเศรษฐกิจ เพื่อให้เข้าถึงการได้รับการบริการที่ดีที่สุดและป้องกันการล็อคอิน (Lock-in)
“แอปพลิเคชันจะยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อ งโดยใช้สถาปัตยกรรมไมโครไซต์บริการบนคลาวด์เพื่อเพิ่มขนาดและทำให้สามารถพกพาได้สะดวกมากขึ้น "Inbar กล่าวว่า ทรัพยากร IT จะมีการกระจายมากขึ้นและความต้องการสำหรับการจัดการแอปพลิเคชันและข้อมูลในโลกทางภูมิศาสตร์ก็จะมากขึ้นเช่นกัน ระบบนี้จะช่วยให้การจัดวางข้อมูลที่ลูกค้าสามารถแบ่งปันชุดข้อมูลข้ามแอปพลิเคชันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะทำงานในคลาวด์ที่แตกต่างกัน นอกจากนี้พวกเขายังได้รับฟังก์ชันการจัดการข้อมูลทั้งหมดของอาเรย์ รวมถึง สแน็ปช็อต การจำลองแบบ การเข้าถึงข้อมูลแบบหลายโปรโตคอล การเข้ารหัส และการตรวจสอบสิทธิ ซึ่งมันคือผลิตภัณฑ์การจัดเก็บข้อมูลที่มีอยู่ในแกนกลาง แต่ถูกกำหนดขึ้นใหม่สำหรับการปรับใช้และการใช้งานระบบคลาวด์ นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นจะครอบคลุมจุดสิ้นสุดและส่งมอบฟังก์ชั่นการจัดการข้อมูลที่รวมกันในระดับที่สูงขึ้น
5. การจัดเก็บวัตถุที่มีประสิทธิภาพสูงจะไม่ใช่เรื่องที่น่าขันอีกต่อไปในปี 2020
“เมื่อเราเริ่มพูดถึงอุปกรณ์เก็บข้อมูลวัตถุแบบแฟลชเมื่อหลายปีก่อน ผู้คนในอุตสาหกรรมอาจจะหัวเราะเยาะ” Inbar บอกว่า "พวกเขาพูดว่าไม่มีใครต้องการมัน แต่ในตอนนี้ทุกคนกำลังร้องขอมัน เหตุผลหนึ่งคืออุปสงค์จากนักพัฒนาแอปพลิเคชัน ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งคือการวิเคราะห์
ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นของแฟลชและ NVMe กำลังเปิดโอกาสที่หลากหลายสำหรับแพลตฟอร์มที่ใช้ objest-based เพื่อใช้ในการสนับสนุนแแอปพลิเคชันที่จำเป็นต้องใช้ความเร็วในระดับที่ไร้ขีดจำกัด เช่น การวิเคราะห์ ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง Internet of Things (IoT) และการพัฒนาแอปคลาวด์ (cloud-native) วัตถุที่ใช้แฟลชพร้อมการจัดระดับอัตโนมัติเป็นดิสก์จะเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อลูกค้าพูดถึงสเกลเพตาไบต์ (Petabyte) หรือเอกซาไบต์ (Exabyte) เพราะมันช่วยให้คุณสามารถย้ายข้อมูลตามที่คุณต้องการได้ถึงระดับแฟลชเพื่อเรียกใช้การวิเคราะห์และแอปพลิเคชันที่มีประสิทธิภาพสูงแล้ว หลังจากนั้นจึงย้ายข้อมูลออกไปยังระดับที่ลดลงหรือจัดเก็บถาวรเมื่อคุณดำเนินการเสร็จเรียบร้อย
"เคยมีการคาดการณ์ในอุตสาหกรรมของพวกเราว่าวัตถุจะมาแทนที่ไฟล์อย่างไร ในวันใดวันหนึ่ง มันยากที่จะเชื่อในบางสิ่งบางอย่างแบบสุดใจ อย่างไรก็ตาม พอวัตถุได้ถูกปรับสำหรับแฟลชและ NVMe ผมคิดว่าเราจะเห็นการเพิ่มขึ้นของการนำใช้ของวัตถุและการย้ายปริมาณงานมหาศาลออกไปจากไฟล์ โดยเฉพาะสิ่งต่างๆ เช่น รูปภาพ ข้อมูลบันทึก และข้อมูลที่สร้างโดยเครื่องจักร"
ที่มา: https://bit.ly/2Zr4IgB