1726202978.png
1731393918.jpg
1730459076.jpg
1730782055.jpg
1730966771.jpg
HPE SimpliVity ประกาศปรับปรุง Enterprise Edge
HPE SimpliVity ประกาศปรับปรุง Enterprise Edge
เมื่อไม่นานมานี้ Hewlett Packard Enterprise (HPE) เพิ่งประกาศการปรับปรุง HPE SimpliVity สำหรับ Enterprise Edge การปรับปรุงเหล่านี้รวมถึงความก้าวหน้าในการปกป้องข้อมูล ด้วยการสำรองข้อมูลต้นไปยังคลาวด์ และทำการสำรองข้อมูลจากส่วนกลางเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนด
นอกจากนี้ HPE ยังประกาศรองรับ Container เพื่อให้สามารถเรียกใช้แอปพลิเคชันบนระบบคลาวด์จากฝั่ง Edge และขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ โดยความสามารถใหม่ ๆ ที่เพิ่มเข้ามาได้แก่ HPE Cloud Volumes Backup และการผรวมกับ HPE StoreOnce และปลั๊กอิน Kubernetes CSI
HPE SimpliVity ยังจัดเตรียมพื้นที่จัดเก็บข้อมูลแบบ hyper-converged โดยการรวมกลุ่มไอทีทั้งหมดไว้ในแต่ละเครื่อง (node) ซึ่งสามารถรวมอุปกรณ์และแอปพลิเคชันทั้งหมดได้สูงสุดสิบรายการในหนึ่งบล็อคเพื่อให้เห็นภาพ workload
โดยก่อนที่ HPE จะเข้าซื้อบริษัทนี้ SimpliVity มีโครงสร้างพื้นฐาน hyper-converged บนแพลตฟอร์ม x86 ที่เป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมหลายประเภทอยู่แล้ว
ในตอนนี้ HPE SimpliVity ได้นำเสนอโซลูชันแบบ software-based ซึ่งสร้างขึ้นและสนับสนุนโดย HPE ผู้จำหน่ายรายนี้เสนอสองแพลตฟอร์ม ได้แก่ HPE SimpliVity 380 และ HPE SimpliVity 2600 ซึ่งทั้งสองแพลตฟอร์มสามารถใช้งานรวมกับโครงเครือข่ายอัจฉริยะ HPE Composable Fabric ได้ทันที
HPE SimpliVity มี HPE Cloud Volumes Backup ที่ให้การสำรองข้อมูลอย่างยืดหยุ่นโดยตรงไปยังระบบคลาวด์ โซลูชันนี้ช่วยให้ทางฝั่ง Edge หลายแห่งสามารถสำรองข้อมูลไปยังระบบคลาวด์ได้อย่างปลอดภัยเพียงแค่คลิกสามครั้ง หรือไม่ก็ผ่านระบบคุมนโยบายอัตโนมัติโดยตรงจาก vCenter โดยไม่ต้องมีซอฟต์แวร์สำรองข้อมูลเพิ่มเติมหรือโครงสร้างฮาร์ดแวร์พื้นฐานแต่อย่างใดแล้วยังสามารถเรียกคืนข้อมูลสำรองกลับไปยังฝั่ง Edge ต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ
นอกจากนี้ HPE SimpliVity ที่ได้ทำการปรับปรุงการทำงานร่วมกับ HPE StoreOnce แล้วยังช่วยลดความเสี่ยงโดยการปกป้องไซต์ฝั่ง Edge ที่กระจายตัวอยู่ทั่วด้วยนโยบายอัตโนมัติที่คำนึงถึงแอปพลิเคชัน เพื่อที่จะได้สร้างตัวจำลองแอปพลิเคชันและข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพกลับไปยัง HPE StoreOnce แบบรวมศูนย์โดยตรง
ในแถลงการณ์ โอมาร์ อาซาด รองประธานและ GM ด้าน HCI หน่วยเก็บข้อมูลหลักและบริการจัดการข้อมูลของ HPE กล่าวว่า
“ลูกค้าของเราที่ทำธุรกิจในสภาวะแวดล้อมแบบ Edge ได้หันมาใช้ HPE SimpliVity เพื่อความสะดวกในการใช้งานและความประหยัดอันโดดเด่น เรายังคงลงทุนและพัฒนาขีดความสามารถใหม่ ๆ สำหรับ HPE SimpliVity ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้ประโยชน์จาก Edge และข้อมูลที่อิงกับ Container เพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ และเร่งให้เกิดแอปพลิเคชันใหม่ โดยพร้อมมอบประสบการณ์ที่แตกต่างให้กับลูกค้าอยู่เรื่อย ๆ”
โดยขณะนี้ HPE ได้รองรับ CSI Driver สำหรับ Kubernetes เพื่อการรัน workload บนเทคโนโลยี Container ที่ฝั่ง Edge เรียบร้อยแล้ว
ที่มา: https://bit.ly/3xGGixE