มั่นคงปลอดภัยด้วย PowerEdge และ VMware
Please wait...
1726202978.png
1731393918.jpg
1730459076.jpg
1730782055.jpg
1730966771.jpg
ENTERPRISE IT UPDATE
มั่นคงปลอดภัยด้วย PowerEdge และ VMware

มั่นคงปลอดภัยท่ามกลางกระแส Digital Transformation ด้วย PowerEdge และ VMware


Securing with PowerEdge and VMware


PowerEdge และ VMware มีโซลูชันที่คุณต้องการ เพื่อการปกป้องโครงสร้างพื้นฐานและรักษาความปลอดภัยในธุรกิจของคุณในอนาคต 


การเติบโตอย่างรวดเร็วของข้อมูลทั้งในเชิงปริมาณและมูลค่า กลายเป็นสิ่งที่กระตุ้นสภาพแวดล้อมทั่วโลกในปัจจุบัน การปรับตัวอย่างรวดเร็วของธุรกิจจึงเป็นสิ่งสำคัญต่อการอยู่รอด ผู้จัดการฝ่ายไอทีต้องเผชิญแรงกดดันมหาศาลในการนำเสนอแอปพลิเคชันและบริการที่ไม่เพียงแต่สร้างนวัตกรรมและเปลี่ยนแปลงธุรกิจเท่านั้น แต่ยังต้องคอยติดตามภัยคุกคามด้านความปลอดภัยสำหรับข้อมูลของพวกเขาด้วย อุปสรรคอันดับหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงสู่ความเป็นดิจิทัลคือ ข้อกังวลด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูล วิธีการที่ผู้จัดการไอทีเลือกใช้ในการปกป้องและรักษาความปลอดภัยเชิงโครงสร้างพื้นฐานจากภัยคุกคามที่ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นนั้น สามารถสร้างหรือทำลายความคิดริเริ่มสู่ Digital Transformation หรือการเปลี่ยนแปลงสู่ความเป็นดิจิทัลของคุณได้เลย

ทุกวันนี้ ภัยคุกคามด้านความปลอดภัยโผล่มาได้จากทุกทิศทาง และอาจรวมถึงเรื่องต่างๆ อย่างการขโมยข้อมูลประจำตัว การขโมย IP การกรรโชกทรัพย์ ไวรัส หรือเวิร์ม เป็นต้น บริเวณที่ถูกคุกคามด้านความปลอดภัยเติบโตขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดย 81% ของธุรกิจนั้นประสบปัญหาด้านความปลอดภัย และภัยคุกคามยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว ซึ่งถือเป็นความท้าทายสำหรับองค์กรในการติดตาม จัดการ และคาดการณ์ภัยคุกคาม ดังนั้นจึงต้องมีการตรวจสอบบริเวณของภัยคุกคามเป็นระยะ และทำการประเมินความยืดหยุ่นขององค์กรต่อภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น และด้วยความที่ภัยคุกคามนั้นยากจะคาดเดา แนวทางที่นำไปใช้ได้จริงคือการนำเฟรมเวิร์คการรักษาความปลอดภัยมาใช้ ซึ่งไม่เพียงแค่จัดการกับภัยคุกคามแบบเดิม ๆ แต่ยังสามารถปรับให้เข้ากับบริเวณที่จะเกิดภัยคุกคามซึ่งกำลังเติบโตและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาในปัจจุบันอีกด้วย

การรักษาความปลอดภัยศูนย์ข้อมูลกลายเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความปลอดภัยให้กับธุรกิจ เนื่องจากศูนย์ข้อมูลได้กลายเป็นเป้าหมายอันมีค่าสำหรับผู้โจมตีประสงค์ร้ายที่แสวงหาการเข้าถึงข้อมูล แอปพลิเคชัน และบริการที่องค์กรต้องพึ่งพาทุกวันแล้ว ในขณะที่การย้ายไปใช้ศูนย์ข้อมูลที่กำหนดโดยซอฟต์แวร์ (Software-Defined Data Center: SDDC) ซึ่งสามารถประมวลผล จัดเก็บข้อมูล และสร้างเครือข่ายเป็นแบบเสมือนจริงได้นั้น สามารถช่วยปรับปรุงความคล่องตัวได้ และยังช่วยสนับสนุนความพยายามในการปรับตัวสู่ Digital Transformation ได้เป็นอย่างดี ศูนย์ข้อมูลเสมือนจริงจะทำให้จำเป็นต้องมีระบบความปลอดภัยในระดับโครงสร้างพื้นฐานยิ่งขึ้น การรักษาความปลอดภัยที่รวมอยู่ในฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์อยู่แล้วจะช่วยให้แนวทางการรักษาความปลอดภัยมีความครอบคลุมมากขึ้น พร้อมกับความคล่องตัวและความยืดหยุ่นที่มากขึ้นเมื่อต้องรับมือกับภัยคุกคามด้านความปลอดภัย เนื่องจากเซิร์ฟเวอร์กลายเป็นศูนย์กลางในสถาปัตยกรรม SDDC มากขึ้น ความปลอดภัยของเซิร์ฟเวอร์จึงกลายเป็นรากฐานของการรักษาความปลอดภัยโดยรวมขององค์กรนั่นเอง

ดังนั้น เมื่อรวมกัน โซลูชัน Dell PowerEdge และ VMware จะช่วยให้งานด้านไอทีง่ายขึ้น ปรับแต่งขนาดได้ง่าย และมีความคล่องแคล่วปราดเปรียวมากขึ้น ซึ่งมีการตั้งค่าระบบความปลอดภัยมาแล้วโดยอัตโนมัติและปรับแต่งได้อย่างยืดหยุ่น เพื่อให้ตอบสนองกับความต้องการของเวิร์คโหลดที่หลากหลาย Dell Technologies และ VMware ได้ทำให้สภาพแวดล้อมไฮบริดคลาวด์กลายเป็นระบบอัตโนมัติซึ่งได้รับการป้องกัน— นับตั้งแต่ชิป เฟิร์มแวร์ เครื่องเสมือน ไปจนถึงตัวคอนเทนเนอร์ —  ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการต้านทานการโจมตีทางไซเบอร์ของคุณจนถึงขีดสุด รวมไปถึงปกป้องข้อมูลและเปลี่ยนแปลงระบบไอที

ระบบโซลูชันที่ยืดหยุ่นและสร้างขึ้นอย่างมีวัตถุประสงค์ของเราได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดขณะทำงานบนเอดจ์ คอร์ และระบบคลาวด์ ด้วยการทำให้เป็นระบบอัตโนมัติและมีความคงเส้นคงวาตลอดทั้งสภาพแวดล้อมทางกายภาพและสภาพแวดล้อมเสมือน ทั้งหมดนี้ได้รับการสนับสนุนโดยแรงสนับสนุนชั้นนำของวงการ และความสามารถในการใช้ประโยชน์จากการลงทุนที่มีอยู่จากโซลูชันและบริการร่วมนั่นเอง

การรักษาความปลอดภัยของเซิร์ฟเวอร์ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการรักษาความปลอดภัยของโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที ซึ่งช่วยให้คุณสามารถป้องกัน ตรวจจับ และกู้คืนข้อมูลเมื่อเผชิญการโจมตีที่อันตรายได้ แต่น่าเสียดายที่ทีมรักษาความปลอดภัยมักให้ความสำคัญกับการปกป้องระบบปฏิบัติการและแอปพลิเคชัน มากกว่าการให้ความสำคัญกับโครงสร้างพื้นฐานของเซิร์ฟเวอร์ รวมไปถึงฮาร์ดแวร์และเฟิร์มแวร์ด้วย

Dell Technologies มีแนวทางการรักษาความปลอดภัยโดยการติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยเข้าไปรวมอยู่ในทุกขั้นตอนของ Dell Secure Development Lifecycle ซึ่ง Cyber Resilient Architecture นี้ประกอบด้วยเฟิร์มแวร์เซิร์ฟเวอร์แบบติดตั้งมาในตัว ระบบปฏิบัติการ อุปกรณ์ต่อพ่วง และการดำเนินการจัดการภายในตัวเพื่อเสริมระดับการป้องกันการโจมตีที่มีประสิทธิภาพและเชื่อถือได้ สามารถกู้คืนข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้ธุรกิจหยุดชะงักเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย

  • ปกป้องเซิร์ฟเวอร์ในทุกแง่มุมของวงจรชีวิตการทำงาน รวมถึง BIOS เฟิร์มแวร์ ข้อมูล และฮาร์ดแวร์ที่เป็นอุปกรณ์
  • ตรวจจับการโจมตีประสงค์ร้ายและการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ได้ความยินยอม ดึงให้ผู้ดูแลระบบไอทีเข้ามามีส่วนร่วมอย่างแข็งขัน
  • กู้คืน BIOS เฟิร์มแวร์ และระบบปฏิบัติการให้ฟื้นฟูสภาพดีอีกครั้ง และช่วยปลดระวางเซิร์ฟเวอร์หรือเปลี่ยนเป้าหมายเซิร์ฟเวอร์เหล่านั้นได้อย่างปลอดภัย

องค์กรสามารถสร้างกระบวนการในการปกป้องโครงสร้างพื้นฐานทางเซิร์ฟเวอร์อันมีค่าของตนรวมถึงข้อมูลที่อยู่ในนั้น ผ่านทางการตรวจจับความผิดปกติใดๆ ก็ตามที่อาจเกิดขึ้น การรั่วไหลของข้อมูลและการดำเนินการที่ไม่ได้รับอนุญาตต่าง ๆ และกู้คืนข้อมูลจากเหตุการณ์ที่ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดหรือเหตุการณ์โจมตี

ในขณะที่ PowerEdge มีระบบความปลอดภัยติดตั้งมาในตัว VMware ก็ใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานของตนในการปกป้องแอปพลิเคชันและข้อมูลทั้งในจุดเอนด์พ้อยต์ไปจนถึงจุดที่เป็นระบบคลาวด์อย่างเรียลไทม์ ทั้งในอุปกรณ์ทั่วไปและอุปกรณ์คลาวด์ ซึ่งในฐานะที่เป็นทั้งส่วนที่ถูกบูรณาการและกระจายทั้งองค์กรอย่างทั่วถึง สแต็คซอฟต์แวร์ของมันจึงจำเป็นต้องรวมทุกแง่มุมของนิเวศวิทยาทางเทคโนโลยีเข้าไปเพื่อให้ส่งมอบการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ผลที่ได้ก็คือระบบความปลอดภัยที่ติดตั้งมาในตัวและกระจายอยู่ทั่วทุกจุดที่ควบคุมได้ อย่างการควบคุมจุดที่เป็นผู้ใช้ อุปกรณ์ เวิร์คโหลด หรือเครือข่ายก็ตาม โดยใช้เครื่องมือน้อยลง ลดจำนวนไซโล และได้บริบทที่ดียิ่งขึ้น

ตัวอย่างเช่น ลักษณะอันเป็นธรรมชาติของระบบความปลอดภัยในซอฟต์แวร์ VMware มีฟีเจอร์ที่ช่วยปกป้องคุณจากภัยคุกคามได้ ดังต่อไปนี้


VMware vSphere ของ Tanzu

  • เปิดใช้งานการเข้ารหัส VM และการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงได้อย่างง่ายดายด้วย vSphere Native Key Provider
  • การตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อกำหนดได้ง่ายดายยิ่งขึ้น ด้วย vSphere Product Audit Guides  และการตรวจสอบความถูกต้องของ FIPS
  • ส่งมอบระบบการยืนยันตัวตนในระดับองค์กรและระดับหลายแฟคเตอร์ได้ด้วย Identity Federation
  • ได้รับการรักษาความปลอดภัยและการควบคุมอย่างแท้จริง ด้วยฟีเจอร์การตรวจสอบระยะไกลอย่าง vSphere Trust Authority
  • ใช้งานนโยบายด้านความปลอดภัยและพื้นที่จัดเก็บซึ่งถูกจำกัดไว้สำหรับเครื่องเสมือนและคลัสเตอร์ Kubernetes เท่านั้น ด้วย vSphere Pod Services

VMware vSAN

  • การเข้ารหัส vSAN ช่วยให้มีระบบการรักษาความปลอดภัยแบบ data-at-rest และ data-in-transit ที่ระดับคลัสเตอร์ ซึ่งรวมถึงการขจัดข้อมูลซ้ำซ้อนและการบีบอัดข้อมูลด้วย
  • การเข้ารหัสแบบ over-the-wire สำหรับ data-in-transit ระหว่างโหนด vSAN
  • โมดูลการเข้ารหัสที่ผ่านการตรวจสอบความถูกต้องตาม FIP 140-2 ซึ่งตรงกับข้อกำหนดของรัฐบาลสหรัฐฯ
  • เครื่องมือตรวจสอบและวิเคราะห์ใหม่ มาพร้อมการวิเคราะห์แบบ Root Cause Analysis ซึ่งช่วยให้ลูกค้าวินิจฉัยและแก้ไขปัญหาพื้นฐานได้อย่างรวดเร็ว

VMware NSX:

  • การรักษาความปลอดภัย Zero-trust ที่เข้าถึงได้จริงและมีประสิทธิภาพเนื่องจากแอปพลิเคชันสำคัญ ๆ จะถูกล็อคไว้
  • การใช้ประโยชน์จาก IDS/IPS เพื่อป้องกันภัยคุกคามแอบแฝง
  • ควบคุม L1-L7 ได้อย่างสมบูรณ์ด้วย NSX Micro-segmentation
  • สร้าง Logical DMZ ได้ในซอฟต์แวร์

Dell PowerEdge และ VMware ต่างทำงานอัตโนมัติและคอยปกป้องสภาพแวดล้อมไฮบริดคลาวด์เพื่อเพิ่มศักยภาพในการป้องกันตัวเองจากการโจมตีทางไซเบอร์ การปกป้องข้อมูล และเปลี่ยนแปลงด้านไอทีของคุณ โซลูชันที่ยืดหยุ่นและสร้างขึ้นอย่างมีวัตถุประสงค์ตัวนี้ ได้รับการทดสอบร่วมกันและได้รับการสนับสนุนจากทีมสนับสนุนชั้นนำของวงการเทคโนโลยี เพื่อให้ใช้งานได้ประสิทธิภาพสูงสุดทั่วทั้งการใช้งานที่เอดจ์ คอร์ และไปจนถึงระบบคลาวด์ เพื่อใช้ประโยชน์จากการลงทุนที่มีอยู่ในโซลูชันและบริการร่วมกันนั่นเอง

ที่มา: https://dell.to/3QgD9yp


สนใจสั่งซื้อสินค้า เซิร์ฟเวอร์ Dell PowerEdge คลิกที่นี่  https://www.quickserv.co.th/server/DELL.html
ควิกเซิร์ฟ
สินค้า
งานระบบ
บริการ
กิจกรรม
ออนไลน์